แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์อันไม่เคยเสื่อมคลายของเมืองนี้ ในขณะที่เมืองญาจางของเวียดนามได้ขึ้นมาอยู่ในลำดับเป็นครั้งแรกอย่างน่าประหลาดใจ โดยเมืองญาจางกำลังได้รับความนิยมจากเสน่ห์ของหาดทรายขาวและทิวทัศน์ริมชายฝั่งที่สวยงาม รวมไปถึงบรรยากาศยามค่ำคืนที่คลาคล่ำไปด้วยชีวิตชีวา
ขณะที่จีนแผ่นดินใหญ่ยังคงรักษาตำแหน่งประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางออกนอกประเทศมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2567 โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนหันมาให้ความสำคัญกับการเลือกจุดหมายปลายทางที่คุ้มค่าและไม่ต้องยุ่งยากเรื่องการทำวีซ่ามากนัก อาทิ ญี่ปุ่น มาเลเซีย และสิงคโปร์ นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวจีนยังสนใจจุดหมายปลายทางในแถบเอเชียกลางมากขึ้น เช่น คาซัคสถาน อุซเบกิสถาน และคีร์กีซสถาน
อินเดียทำสถิติอีกครั้ง โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยวนอกประเทศสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2567 นักท่องเที่ยวชาวอินเดียสนใจท่องเที่ยวในจุดหมายปลายทางที่หลากหลาย โดยจุดหมายปลายทางยอดนิยมสามอันดับแรกของพวกเขาคือ อาบูดาบี ฮานอย และบาหลี การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียได้รับแรงหนุนจากการขยายเส้นทางบินตรง และการเติบโตอย่างรวดเร็วของกลุ่มชนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อ และมีความกระตือรือร้นในการเที่ยวต่างประเทศ
ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก นักท่องเที่ยวเริ่มหันมาใส่ใจกับเรื่องอาหารการกิน การสัมผัสธรรมชาติ และการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังแสวงหาประสบการณ์และความทรงจำที่มีคุณค่ามากกว่าการเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวแบบเดิมๆ ตัวอย่างสำคัญคือปรากฏการณ์ที่เมืองท่องเที่ยวอย่างเกียนยาร์ในบาหลี อินโดนีเซีย ที่มีชื่อเสียงจากเมนูหมูย่าง “บาบี กูลิง” (Babi Guling) และเมืองควีนส์ทาวน์ในนิวซีแลนด์ ที่คลาคล่ำไปด้วยร้านอาหารที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวจาก 44 ประเทศทั่วโลกในปี 2567 กำลังกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดฮิตด้านอาหารระดับโลก นอกจากนี้ ดัชนีแนวโน้มด้านสุขภาพ หรือ Wellness Trend Index (WTI) ของ MEI ยังพบว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางด้านการผ่อนคลายและการดูแลตัวเองลำดับต้นๆ โดยนักท่องเที่ยวสามารถใกล้ชิดและสัมผัสกับธรรมชาติในที่พักเชิงนิเวศได้อย่างเต็มอิ่ม หรือค้นพบความสงบจากรีทรีตด้านการทำสมาธิ ในขณะเดียวกัน นิวซีแลนด์ก็กำลังมีคะแนน WTI ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของนิวซีแลนด์ในการจับกระแสการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่กำลังเป็นที่นิยม
นายเดวิด แมนน์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก มาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า “ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยังคงเป็นหัวหอกในการกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของโลก ภูมิภาคนี้มีจุดหมายปลายทางชื่อดังอย่างโตเกียว เซี่ยงไฮ้ โซล และสิงคโปร์ ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้จากทั่วทุกมุมโลก และถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะยังประสบกับความไม่แน่นอน แต่การท่องเที่ยวก็ยังเป็นอุตสาหกรรมที่โดดเด่นที่มีแรงผลักดันจากผู้คนที่ต้องการแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ ที่มีความหมายและมีความคุ้มค่า นักท่องเที่ยวในปัจจุบันยังให้ความสำคัญกับปัจจัยรอบตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนหรือความสะดวกในการเดินทางในภูมิภาค ทำให้พวกเขาเลือกวางแผนและมองหาจุดหมายปลายทางอย่างรอบคอบ จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นการเปลี่ยนผ่านของเทรนด์ไปสู่การท่องเที่ยวที่ตอบโจทย์ความต้องการส่วนตัวและวัตถุประสงค์ที่เฉพาะทางมากยิ่งขึ้น”.
รุ่งนภา สารพิน
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thaipost.net/columnist-people/793283/&ct=ga&cd=CAIyHGRmMjMzNDMzN2E0NjM2ZDg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw25VhrjOiPkd4Rm8jbTIN1q