‘อิ๊งค์’ ถึงโมนาโก ดันแผนจัด F1 ในไทย หวังหนุนท่องเที่ยว-ลงทุนใหญ่

แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เยือนสนามโมนาโกกรังด์ปรีซ์ เจรจาผู้บริหาร Formula One Group ผลักดันแผนจัดแข่ง F1 ในไทย หวังดึงดูดนักท่องเที่ยว-การลงทุนครั้งใหญ่ พร้อมสร้างโอกาสแรงงานในอุตสาหกรรมมอเตอร์สปอร์ต

24 พฤษภาคม  2568 – เมื่อเวลา 23.30 น. วันที่ 23 พฤษภาคม ตามเวลาประเทศไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กและแพลตฟอร์ม X ว่าได้เดินทางถึงราชรัฐโมนาโก และเยี่ยมชมสนามแข่งขัน Formula 1 โดยระบุว่าเป็น “อีกหนึ่งก้าวสำคัญ และข่าวดีของคนไทย” กับความคืบหน้าในการจัดการแข่งขัน F1 ในประเทศไทย

น.ส.แพทองธารระบุว่า หนึ่งในยุทธศาสตร์ของรัฐบาลคือการสร้าง Man Made Destination หรือการท่องเที่ยวที่ “สร้าง” ขึ้นมา ไม่จำกัดแค่ฤดูกาล โดยมุ่งดึงอีเวนต์ระดับโลกมาเป็นแม่เหล็ก และ F1 คือหนึ่งในเป้าหมายสำคัญ เพราะเป็นกีฬาแห่งเศรษฐกิจที่มีผู้ชมทั่วโลกกว่า 600 ล้านคนต่อฤดูกาล

นายกฯกล่าวว่า F1 ไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยทีมงานจากหลายภาคส่วน ทั้งวิศวกร นักแข่ง แบรนด์แฟชัน และยานยนต์ ซึ่งหากไทยสามารถจัดแข่งได้ จะเกิดการ ลงทุน โครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ ตั้งแต่ถนน อัฒจันทร์ แพดด็อก จนถึงระบบดิจิทัลและอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงโอกาสในการ จ้างงานมหาศาล ทั้งระยะสั้นและถาวร ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างแรงงานคุณภาพเข้าสู่วงการ Motorsport พร้อมกับถ่ายทอดประสบการณ์จากทีมงานระดับโลกของ F1

ในการเยือนสนามโมนาโกกรังด์ปรีซ์ครั้งนี้ น.ส.แพทองธารเปิดเผยว่า ได้หารือกับ Stefano Domenicali ซีอีโอของ Formula One Group ถึงความคืบหน้าในการจัดแข่งขันที่ไทย ทั้งในเรื่องลิขสิทธิ์ รูปแบบการทำประชาสัมพันธ์ รวมถึงขั้นตอนอื่น ๆ ที่ต้องดำเนินการร่วมกันระหว่าง F1 และทีมประเทศไทย

นายกรัฐมนตรีไทยยังเผยว่า ได้อัปเดตให้ผู้บริหาร F1 ทราบถึงการเตรียมการในฝั่งไทย ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาข้อจำกัด รายละเอียดต่าง ๆ และโอกาสในการผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นหนึ่งในสนามแข่งขันของฤดูกาลในอนาคต

น.ส.แพทองธาร ยังได้พบกับนักขับชาวไทยอย่าง อเล็กซ์ อัลบอน และ เติ้น-ธีรเดช บุญเจริญกิจ ซึ่งทั้งสองให้คำมั่นว่าจะกลับมาช่วยประชาสัมพันธ์ F1 ในไทยอย่างเต็มที่ เพื่อให้ประชาชนรู้จักกีฬาแข่งรถระดับโลกมากขึ้น และร่วมสร้าง นักขับรุ่นใหม่ของไทย สู่เวทีสากล

“นี่คือโอกาสที่ประเทศไทยไม่ควรพลาด” นายกรัฐมนตรีกล่าวทิ้งท้ายในโพสต์ พร้อมยืนยันว่าไทยสามารถใช้ F1 เป็นเครื่องยนต์ใหม่ของเศรษฐกิจ ควบคู่กับการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ด้านกีฬาและการท่องเที่ยวระดับโลก.