หัวหินยังฮอต! ราคาที่ดินชายหาดไร่ละ 120 ล้าน PROUD เปิดตัว “เวหา หัวหิน” คอนโดมูลค่า 2.3 พันล้าน

แม้ว่าหัวหินจะเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของคนไทยมายาวนาน แต่ในช่วงปี 2567 ที่ผ่านมา เมืองชายทะเลแห่งนี้กำลังได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนต่างชาติและผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 

ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ปี 2567 มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้าออกในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์สูงถึง 11.38 ล้านคน ซึ่งในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวยุโรป รัสเซีย และสวิตเซอร์แลนด์ เริ่มมีคอมมูนิตี้เป็นของตัวเอง 

ส่งผลให้ตลาดการเช่าที่อยู่อาศัยระยะยาวในหัวหินเติบโตชัดเจน แบ่งเป็นกลุ่มครอบครัวและผู้เกษียณอายุ และกลุ่มคนไทยที่เข้ามาพำนักระยะยาวเพื่อทำงาน หนุนให้ Rental Yield คอนโดอยู่ในระดับ 5 – 7% ต่อปี  เช่นเดียวกับตัวเลขอัตราเข้าพักเฉลี่ย (Occupancy rate) อยู่ที่ประมาณ 70%

แม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยจะลดลงในช่วงต้นปี 2568 โดยปรับลดจาก 2.9 ล้านคนในปีที่แล้ว เหลือเพียง 1.96 ล้านคน หรือลดลงกว่า 32% ส่งผลกระทบต่อหลายเมืองท่องเที่ยวทั่วประเทศ 

แต่สถานการณ์ในหัวหินยังสามารถประคองตัวได้ จากนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ คือโซนยุโรป และตะวันออกกลาง 

รวมถึงการปรับกลยุทธ์เพื่อดึงดูดกลุ่ม High-value Traveler เข้ามาทดแทน ส่งเสริมภาพลักษณ์เมืองตากอากาศคุณภาพที่ปลอดภัย เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยระยะยาว

อสังหาฯ หัวหิน กระตุ้นตลาด “เรียลดีมานด์” ราคาที่ดินพุ่งตามโครงสร้างพื้นฐาน

ราคาที่ดินชายหาด (Beachfront Land) ขยับจาก 80 ล้าน เป็น 120 ล้านต่อไร่ จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น มอเตอร์เวย์สาย 82 รถไฟทางคู่ และการขยายสนามบินหัวหิน ทำให้ราคาที่ดินในแนวชายหาดพุ่งสูงขึ้น ขณะเดียวกันกลับพบว่าเจ้าของที่ดินยัง “ไม่เร่งขาย” เนื่องจากคาดหวังมูลค่าเพิ่มในระยะยาว

ความเปลี่ยนแปลงหนึ่งที่ชัดเจน คืออสังหาฯ หัวหินกำลังเข้าสู่ “Selective Demand” หรือ “Real Demand” อย่างแท้จริง กลุ่มลูกค้าหลักคือผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ทั้งชาวไทยที่เข้ามาเพื่อทำงาน และครอบครัวต่างชาติที่เลือกมาใช้ชีวิตระยะยาว โดยเฉพาะห้องขนาดใหญ่แบบ 2-3 ห้องนอน ที่ตอบโจทย์ครอบครัวมากกว่านักลงทุน

“Mixed-Use & Resort Living” ตอบโจทย์ครอบครัวยุคใหม่

บริษัท พราว เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ร่วมตอบรับกระแสการท่องเที่ยวนี้ ด้วยการเปิดตัวโครงการ “เวหา หัวหิน” (VEHHA Hua Hin) ที่ใช้งบประมาณพัฒนาโครงการ 2,289 ล้านบาท

โดดเด่นด้วยจุดขายที่หาได้ยากในหัวหิน เป็น “Rare Item” บนทำเลห่างจากชายหาดเพียง 700 เมตร พร้อมมุมมองทะเลแบบพาโนรามาที่ไม่มีสิ่งบดบังในทุกยูนิต (Forever Sea View)

อีกทั้งยังตั้งอยู่ในพื้นที่ Mixed-Use ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่างโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ สวนน้ำวานา นาวา และเส้นทางที่สามารถเชื่อมต่อไปยังชายหาดหรือใจกลางเมืองได้

สร้างพื้นที่รองรับกิจกรรมทั้งของเด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุในพื้นที่เดียวกัน ลูกสามารถเล่นน้ำในสวนน้ำวานา นาวา ขณะผู้ปกครองสามารถเลือกทำเวิร์กช็อป พักผ่อนที่คาบาน่าส่วนตัว หรือแม้แต่ใช้บริการรูมเซอร์วิสจากโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ ได้อย่างต่อเนื่องทุกวัน 

ซึ่งโครงการสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว 100% พร้อมเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ปัจจุบันมียอดขาย 73% โดยในจำนวนนี้กว่า 52% เป็นลูกค้าต่างชาติ 

ภูมิพัฒน์ สินาเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พราว เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมียอดโอนกรรมสิทธิ์แล้วประมาณ 6,600 ล้านบาท จากยอดขายที่จองไว้ และอยู่ระหว่างทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดราว 9,600 ล้านบาท ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ โดยคาดว่า รายได้รวมทั้งปีจะเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 9,400–9,500 ล้านบาท

และโครงการได้พัฒนาภายใต้แนวคิด “ALL IS WELL Experiences” โดยใช้มาตรฐาน Fitwel ผ่านการดูแลของ Prompt Solution Management ที่มีประสบการณ์จาก InterContinental Residences Hua Hin พร้อมบริการทั้งด้านสุขภาพ โรงแรม ร้านอาหาร และกิจกรรม ผ่าน Proud Living Platform ที่จัดการทุกเรื่องของเพียงปลายนิ้ว

จับตา PROUD เดินเกมตลาดลักชัวรี

พราวพุธ ลิปตพัลลภ กรรมการบริษัท พราว เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ PROUD เปิดเผยว่า เหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ผ่านมาไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินโครงการของบริษัทมากนัก แม้จะมีผลต่อความเชื่อมั่นของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงสั้น ๆ จนทำให้การตัดสินใจซื้อชะลอตัว

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าตามแผนพัฒนาโครงการอย่างมั่นคง โดยเน้นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) ซึ่งยังคงมีความต้องการที่อยู่อาศัยคุณภาพสูงในทำเลศักยภาพอย่างต่อเนื่อง

PROUD มีแผนเปิดตัว 3 โครงการใหม่ในไตรมาส 4 ของปี 2568 นี้ ทั้งในกลุ่มแนวราบและแนวสูง ที่ภูเก็ต หัวหิน กรุงเทพฯ และปริมณฑล คาดว่ารวมมูลค่า 9,600 ล้านบาท พร้อมวางงบลงทุนซื้อที่ดินในปี 68–69 ราว 3,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการระดับ Premium Luxury ที่ยังมีดีมานด์แข็งแกร่ง