ข่าวน่าสนใจ:
วันที่ 25 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.30 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง พร้อมเป็นประธานการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ทหารจากหลายหน่วยงาน ณ ห้องประชุมสมาคมนายทหารชั้นสัญญาบัตร กองพลทหารราบที่ 15 ค่ายสมเด็จพระสุริโยทัย อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
การประชุมในครั้งนี้มีเป้าหมายหลักเพื่อ “รับฟังเสียงจากพื้นที่จริง” โดยเป็นเวทีเปิดกว้างให้เจ้าหน้าที่แนวหน้าสะท้อนสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมแลกเปลี่ยนปัญหา อุปสรรค ข้อเสนอแนะแบบถึงลูกถึงคน ในบรรยากาศล้อมวง พูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ แตกต่างจากการประชุมเชิงนโยบายทั่วไป
นายภูมิธรรม กล่าวในที่ประชุมว่า รัฐบาลยึดมั่นในหลัก “สันติวิธี” เป็นแนวทางหลักในการคลี่คลายปัญหาความไม่สงบที่ยืดเยื้อในพื้นที่ชายแดนใต้ พร้อมย้ำว่า การแก้ปัญหาจะเกิดผลได้ก็ต่อเมื่อทุกฝ่าย – ทั้งภาครัฐ ทหาร และประชาชน – ต้องเดินไปด้วยกัน โดยเฉพาะการรับฟังเสียงจากประชาชนในพื้นที่ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง
“เราต้องเลิกคิดว่าเป็นเรื่องของความมั่นคงฝ่ายเดียว ต้องมองให้รอบด้าน มิติสังคมวัฒนธรรม ศาสนา และการพัฒนาเศรษฐกิจต้องเดินควบคู่กัน…ความมั่นคงที่ยั่งยืนต้องมาจากความไว้วางใจของประชาชน ไม่ใช่กำลังทหารเพียงอย่างเดียว” นายภูมิธรรมกล่าวอย่างหนักแน่น
เจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จริงได้สะท้อนภาพรวมของสถานการณ์อย่างตรงไปตรงมา โดยระบุถึงความเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการก่อเหตุ ความท้าทายในการเข้าถึงชุมชน และข้อจำกัดในด้านทรัพยากรบุคลากรและงบประมาณ พร้อมเสนอแนวทางเชิงโครงสร้าง เช่น การพัฒนาระบบประสานงานข้ามหน่วยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงการสนับสนุนด้านจิตวิทยาชุมชนและการสร้างผู้นำท้องถิ่นที่เข้มแข็ง
นอกจากนี้ ยังมีการเสนอให้รัฐบาลเร่งสื่อสารเชิงรุกในพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ป้องกันไม่ให้กลุ่มเยาวชนตกเป็นเหยื่อของข้อมูลบิดเบือนหรือการปลุกปั่นจากกลุ่มที่ไม่หวังดีสัญญาณการเปลี่ยนผ่านนโยบายไฟใต้
นายภูมิธรรม ยังยืนยันว่า การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงการตรวจราชการตามพิธีแต่สะท้อนถึงความตั้งใจในฐานะบทบาทกระทรวงกลาโหมและรองนายกรัฐมนตรี วันนี้มาเป็นผู้ฟังและประสานงาน เพื่อปรับนโยบายความมั่นคงให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง ต้องทำให้ดีที่สุด แก้ไขปญหาให้ได้
ข้อเสนอแนะที่ได้รับในครั้งนี้จะไม่จบเพียงในห้องประชุม แต่จะถูกผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายในระดับรัฐบาล โดยเฉพาะแผนการจัดสรรทรัพยากร การปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติ และการส่งเสริมภาคประชาชนเข้ามามีบทบาทในการฟื้นฟูความสงบในระยะยาว เรื่องเพิ่มเทคโนโลยีต่างๆ ในการแ้ปัญหา เรื่องกล้อง cctv เนื่องซอฟแวร พร้อมจะให้ ขอให้เกิดการแก้ปัญหาได้จริง เรื่องข้อมูลต้องชัดเจน มีผลสัมฤทธิ์ได้
เมื่อช่วงบ่ายเวลา 13.15 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พบปะกับตัวแทนภาคเอกชนและภาคอุตสาหกรรม จาก 4 จังหวัดชายแดนใต้ ได้แก่ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และสงขลา รวมถึงตัวแทนจากหอการค้าจังหวัด ร่วมกันหารือเพื่อหาแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจและแก้ไขปัญหาปากท้องในพื้นที่ ประเด็นร้อนที่ภาคเอกชนยื่นเสนอ เช่น หนึ่งประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือการผลักดันให้ “เมืองโบราณยะรัง” กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม พร้อมเชื่อมโยงกับนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซีย นอกจากนี้ ยังมีข้อเสนอเกี่ยวกับการพัฒนา “อ่าวปัตตานี” หรือ “Patani Bay” เพื่อเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจใหม่ในพื้นที่ชายแดนใต้ ภาคธุรกิจยังสะท้อนความเดือดร้อนจากภาคประมงที่กำลังซบเซารายได้ลดลงกว่า 3,000 ล้านบาทต่อปี
ซึ่งนายภูมิธรรม เผยว่า ครม.ในเบื้องต้นทราบปัญหาและได้อนุมัติงบประมาณขุดลอกปากอ่าว เพื่อฟื้นฟูศักยภาพการประมงในเบื้องต้นแล้ว การลงพื้นที่ครั้งนี้เป็นการรับฟังข้อเสนอจากทุกภาคส่วนโดยตรง พร้อมทั้งจะรวบรวมข้อมูลเพื่อนำเสนอให้นายกรัฐมนตรี ที่กำลังเตรียมเดินทางเข้าร่วมประชุมระดับสูงที่ประเทศมาเลเซียในวันพรุ่งนี้โดยมีกำหนดหารือกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย รวมถึงสุลต่านทั้ง 3 รัฐของประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อหารือความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน และแนวทางแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่
ทางคณะรัฐมนตรีมีการหารือพูดถึงศักยภาพการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ชายแดนใต้มีกำลังการผลิตและความเชี่ยวชาญ โดยพร้อมผลักดันให้เป็นศูนย์กลางส่งออก รวมถึงการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร เช่นยางพารา และทุเรียน เพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานรากของชาวบ้าน
นายภูมิธรรม กล่าวทิ้งท้ายว่า ด้านความสงบสันติภาพคือเงื่อนไขของการพัฒนาด้วย เราต้องสร้างความมั่นคงให้ได้ก่อน นักลงทุนก็พร้อมจะมา เพราะพื้นที่นี้ถือว่สมีศักยภาพอย่างมาก ทั้งทางทรัพยากรและวัฒนธรรม แต่จะต้องมีเสถียรภาพ สงบ และมีทิศทางชัดเจนพร้อมให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะเร่งรัดผลักดันนโยบายต่างๆ และเร่งสร้างสันติสุขในพื้นที่ให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.77kaoded.com/news/snews/48123&ct=ga&cd=CAIyHGRmMjMzNDMzN2E0NjM2ZDg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2_iACL1iqGQdvjAv_9c8BS