ข้อพิพาทเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา ที่นำไปสู่การตรึงกำลังของทั้งสองฝ่าย โดยกัมพูชาขู่จะยื่นเรื่องต่อศาลโลก (ICJ) หากไทยไม่ถอนกำลังทหาร และไม่รับรองพื้นที่พิพาท นำมาซึ่งมาตรการจำกัดการเข้า-ออก และปรับลดเวลาทำการ ณ ด่านพรมแดนทางบกในหลายจุดของไทยและกัมพูชา ขณะที่กัมพูชาได้ลดวันพำนักคนไทยเหลือ 7 วัน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะด้านการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวระหว่างกัน
ทั้งนี้ หากการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ไทย-กัมพูชา ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ซึ่งจะมีการพิจารณาและเจรจาเกี่ยวกับปัญหาเส้นเขตแดนทางบกระหว่างสองประเทศ รวมทั้งการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนให้ชัดเจนเป็นทางการ เพื่อป้องกันความขัดแย้งในอนาคตยังไม่ได้ข้อสรุปที่น่าพอใจ หากสถานการณ์ยังคงลากยาว และมาตรการต่าง ๆ ของทั้งสองฝ่ายยังคงมีผลบังคับใช้ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศอย่างต่อเนื่อง
ยืดเยื้อกระทบการค้า 3.6 แสนล้าน
จากข้อมูลของกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ การค้าไทย-กัมพูชาในปี 2567 มีมูลค่ารวม 366,730 ล้านบาท โดยไทยส่งออก 323,631 ล้านบาท และไทยนำเข้า 43,099 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นการค้าชายแดนและผ่านแดนมูลค่ารวม 181,320 ล้านบาท ขณะตัวเลข 4 เดือนแรกปี 2568 การค้าไทย-กัมพูชามีมูลค่ารวม 126,283 ล้านบาท โดยไทยส่งออก 108,383 ล้านบาท นำเข้า 17,900 ล้านบาท และในจำนวนนี้เป็นการค้าชายแดนและผ่านแดนมูลค่า 67,071 ล้านบาท
สินค้าส่งออก 5 อันดับแรกของไทยไปกัมพูชาในภาพรวม 4 เดือนแรกปีนี้ ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ 34,260 ล้านบาท น้ำมันสำเร็จรูป 16,197 ล้านบาท น้ำตาลทราย 6,419 ล้านบาท เครื่องดื่ม 5,334 ล้านบาท และรถยนต์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ 2,811 ล้านบาท
ส่วนสินค้านำเข้าของไทยจากกัมพูชา 5 อันดับแรก ได้แก่ ผัก ผลไม้ และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ 6,257.40 ล้านบาท สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ 3,930.67 ล้านบาท เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่ง และทองคำ 1,639.72 ล้านบาท เสื้อผ้าสำเร็จรูป 1,406.52 ล้านบาท ลวดและสายเคเบิล 1,113.37 ล้านบาท
ค้าชายแดนวูบแล้วกว่า 20%
นายประกอบ ไชยสงคราม ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง บริษัท ยงสงวนกรุ๊ป จำกัด จ.อุบลราชธานี เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การค้าชายแดนไทย-กัมพูชาในเวลานี้ได้หยุดชะงักตามประกาศการเปิด-ปิดด่าน โดยผู้ประกอบการไทยชะลอการส่งสินค้าไปขายยังฝั่งกัมพูชา ส่วนพ่อค้าแม่ค้าฝั่งกัมพูชาก็ไม่กล้าซื้อสินค้าไทยมากนัก เพราะเกรงจะนำผ่านออกจากด่านไม่ได้ ทั้งนี้อยากให้สถานการณ์กลับสู่ปกติในเร็ววัน
“การค้าชายแดนกับกัมพูชาน่าจะเงียบหายไปไม่ต่ำกว่า 10-20% ซึ่งแน่นอนว่าการจำกัดเวลาเปิด-ปิดด่านไม่ได้ส่งผลกระทบต่อไทยฝ่ายเดียว แต่กระทบต่อคนกัมพูชาด้วย และกระทบมากกว่าคนไทยอย่างแน่นอน”
นายมงคล จุลทัศน์ ประธานอาวุโสหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า ผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชาเริ่มมาเกือบ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้แล้ว ด้านการค้าตั้งแต่จังหวัดอุบลราชธานียาวไปถึงบุรีรัมย์ น่าจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ความคึกคักอาจเหลือประมาณ 20% จากปกติ จนกว่าสถานการณ์จะมีการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม แต่ส่วนใหญ่มักกระทบกับผู้ประกอบการรายใหญ่มากกว่า ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ไม่ค่อยได้ประโยชน์จากการค้าชายแดนโดยตรง ดังนั้นจึงไม่กระทบเศรษฐกิจชาวบ้านมากนัก
กระทบค้าชายแดน 1.7 แสนล้าน
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานยุทธศาสตร์สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เผยว่า สถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างไทยและกัมพูชาที่ชายแดนไทย-กัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา เป็นปัญหาที่ต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจโดยเฉพาะการค้าชายแดน ซึ่งเป็นแหล่งรายได้หลักของหลายๆ ธุรกิจไทยในพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้ในปี 2567 การค้าชายแดนไทย-กัมพูชามีมูลค่าสูงถึง 175,530 ล้านบาท โดยไทยเกินดุลการค้า 109,163 ล้านบาทขณะข้อมูล ณ เดือนเมษายน 2568 ระบุมีแรงงานกัมพูชาที่ทำงานในไทยมากถึง 403,949 คน ซึ่งเป็นปัจจัยบ่งชี้ส่วนหนึ่งว่าไทยมีส่วนร่วมอยู่ในเศรษฐกิจของกัมพูชา และบ่งชี้ว่าการค้าชายแดนมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจไทยเช่นกัน หากสถานการณ์การขัดแย้งระหว่างประเทศยังไม่สามารถคลี่คลายได้ อาจส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจและการค้าของทั้งสองประเทศได้
ไทยเที่ยวกัมพูชาลดลง
นายชัย อรุณานนท์ชัย ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า ความขัดแย้งด้านพื้นที่ชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ขณะนี้ยังไม่ส่งผล กระทบต่อการท่องเที่ยวของไทยในภาพรวม เพราะเป็นปัญหาเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกันในบริเวณตะเข็บชายแดนเท่านั้นโดยหลัก ๆ จะส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดนของผู้ประกอบการค้าขาย ที่ต้องมีการเดินทางไปมาและมีธุรกิจเชื่อมโยงกันอยู่ เพราะถ้ามีการปรับเวลาทำการด่านชายแดน ความคล่องตัวในการลำเลียงสินค้าก็ไม่สะดวก ธุรกิจก็อาจชะงักไปบ้าง
ดังนั้น จะเป็นผลกระทบในเรื่องเศรษฐกิจมากกว่า แต่ในแง่ของการท่องเที่ยวของประเทศไทยไม่ค่อยมีผลกระทบเท่าไหร่ เนื่องจากเราไม่ได้พึ่งพากัมพูชามากนัก อีกทั้งแหล่งท่องเที่ยวของไทยก็ไม่ได้อยู่ในจุดที่มีปัญหา ทำให้มองว่าฝั่งกัมพูชาน่าจะได้รับผลกระทบมากกว่า ทั้งในแง่ของการท่องเที่ยว รวมถึงการเดินทางของคนกัมพูชาที่เดินทางมารักษาพยาบาลในโรงพยาบาลในไทย และแหล่งท่องเที่ยวที่คนไทยข้ามไปเยือนกัมพูชาเท่านั้น ก็อาจกระทบบ้างกับผู้ประกอบการทัวร์นำเที่ยวบางรายในพื้นที่ดังกล่าว
ทัวร์ไทยเล่นคาสิโนวูบ
ข้อมูลด้านการท่องเที่ยวของกัมพูชา พบว่า กัมพูชามีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไปเที่ยวรวม 5.3 ล้านคน (ปี 2567) มีทั้งคนไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย และลาว โดยส่วนใหญ่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะคนไทย มักจะมุ่งหน้าไปที่คาสิโนปัจจุบันกัมพูชามีคาสิโนกว่า 40 แห่ง ตั้งอยู่ชายแดนติดกับประเทศไทย โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากคนไทย ไทยจึงเป็นตลาดสำคัญของการท่องเที่ยวกัมพูชาคนไทยไปเที่ยวกัมพูชามีสัดส่วนสูงถึง 1 ใน 3 หรือคิดเป็น 32% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เที่ยวกัมพูชา และในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ มีคนไทยไปเที่ยวกัมพูชากว่า 5 แสนคน
ขณะที่ในปี 2567 นักท่องเที่ยวกัมพูชาเดินทางเที่ยวไทย คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด สร้างรายได้ 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าน้อยมาก โดยช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ มีนักท่องเที่ยวกัมพูชาเดินทางมาเที่ยวไทยราว 2 แสนคน ดังนั้นปัญหาชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา น่าจะกระทบการท่องเที่ยวของกัมพูชามากกว่า เพราะไทยไม่ได้พึ่งพานักท่องเที่ยวจากกัมพูชามากนัก
ปัจจัยเสี่ยงใหม่เศรษฐกิจไทย
รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศและอาเซียน กล่าวว่า ข้อพิพาทไทย-กัมพูชาหากยังยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบต่อการค้าไทย-กัมพูชาให้ขยายตัวลดลงในปีนี้ จากผลพวงการจำกัดเวลาเข้า-ออก ณ ด่านชายแดนในหลายพื้นที่ กระทบต่อการติดต่อค้าขาย และระบบโลจิสติกส์ในการขนส่งสินค้า รวมถึงคนไทยจะเข้าไปเที่ยวและเล่นการพนันในกัมพูชาลดลง
ทั้งนี้ หากสถานการณ์หลังการประชุม JBC ยังดำเนินต่อ และยังมีความตึงเครียด และหากเกิดสถานการณ์ความรุนแรงจากการสู้รบ จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของต่างชาติในไทย รวมถึงการลงทุนของคนไทยและต่างชาติที่จะเข้าไปลงทุนในกัมพูชาที่จะชะลอตัวลงจากขาดความเชื่อมั่น ซึ่งจะไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่ายอย่างแน่นอน
“ประเด็นไทย-กัมพูชาเป็นมิติที่ค่อนข้างซับซ้อน และจะเป็นอีกประเด็นที่จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและการส่งออกของไทย นอกเหนือจากตอนนี้เศรษฐกิจและการส่งออกของไทยมีความเสี่ยงขยายตัวลดลงจากหลายเรื่อง ทั้งในประเด็นภาษีตอบโต้ของสหรัฐ ภาษีของประเทศคู่แข่งขันที่สหรัฐจะจัดเก็บ ภาษีสินค้าจีนที่สหรัฐชะลอการเก็บภาษีไว้ที่ 30% เป็นเวลา 90 วัน เมื่อครบกำหนดแล้วจะเป็นอย่างไร รวมถึงปัจจัยเสี่ยงจากเสถียรภาพทางการเมืองที่เกิดรอยร้าวในพรรคร่วมรัฐบาล”
ลงทุนไทยในกัมพูชาไม่สะเทือน
“ฐานเศรษฐกิจ” ตรวจสอบข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ณ เดือนมิถุนายน 2568 ระบุว่าปัจจุบันมีการลงทุนของผู้ประกอบการไทยในกัมพูชาจำนวนทั้งสิ้น 65 โครงการ มูลค่าการลงทุนประมาณ 287 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9,471 ล้านบาท คำนวณที่ 33 บาทต่อดอลลาร์) โดยบริษัทไทยที่มีการลงทุนในกัมพูชา อาทิ ซีพี กรุ๊ป เบทาโกร เอสซีจี ไทยเบฟเวอเรจ ซีพีออลล์ โกลบอลเฮ้าส์ บางกอกการ์เม้นท์ ไทยนครพัฒนา ไทยเพรซิเดนท์ฟู้ดส์ ทิพยประกันภัย เป็นต้น
ทั้งนี้ นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า ข้อพิพาทไทย-กัมพูชายังไม่มีผลกระทบต่อการลงทุนของต่างชาติในไทย และไทยไปลงทุนในกัมพูชา เนื่องด้วยสถานการณ์มีทิศทางคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น และมีเหตุการณ์เฉพาะจุด ไม่ได้กระจายในวงกว้าง
สอดคล้องกับ นายกฤษดา จันทร์จำรัสแสง อุปนายก สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สะท้อนว่า หากสถานการณ์ถึงขั้นเลวร้ายสุด มีการปิดด่านถาวรกัมพูชาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบทางด้านการค้า และแรงงานชาวกัมพูชาอาจถูกส่งตัวกลับ ขณะการลงทุนของนักธุรกิจไทยทั้งภาคก่อสร้าง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในกัมพูชามีไม่มาก จึงแทบไม่ได้รับผลกระทบแต่การลดวันเวลาปิด-เปิดจุดผ่านแดนไทย-กัมพูชา อาจมีผลกระทบบ้างจากการขนส่งวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ต่า ๆ ผ่านด่านพรมแดน เนื่องจากช่องทางดังกล่าวสะดวกที่สุด
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thansettakij.com/economy/trade-agriculture/629674&ct=ga&cd=CAIyHGRmMjMzNDMzN2E0NjM2ZDg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw04_uE0itGp-0LHT0VMhl6D