Q1/2568 นักท่องเที่ยวจีนลด แต่บิ๊กธุรกิจท่องเที่ยวผลประกอบการยังแกร่ง
ไตรมาส 1 ปี 2568 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเที่ยวไทย 9.55 ล้านคน เพิ่มขึ้นเล็กน้อย อยู่ที่ 2 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวต่างชาติราว 4.70 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.8 % เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ยังต่ำกว่าระดับปี 2562 อยู่ 9.4 % หรือฟื้นตัว 88 % ของระดับก่อนโควิดโดยมีปัจจัยบวกมาจากมาตรการวีซ่าฟรี การยกเว้นบัตรตม.6 รวมถึงการกระตุ้นและส่งเสริมให้สายการบินเพิ่มจํานวนเที่ยวบินมากยิ่งขึ้น
แต่ในขณะเดียวกันก็มีปัจจัยลบด้านความปลอดภัยส่งผลกระทบอย่างมากต่อนักท่องเที่ยวจีน ทั้งกรณีนักแสดงจีนถูกลักพาตัว กรณีเกิดแผ่นดินไหว รวมถึงการแข่งขันที่สูงจากประเทศเพื่อนบ้าน (เวียดนาม ญี่ปุ่น สิงคโปร์ มาเลเซีย)
แม้การชลอตัวของนักท่องเที่ยวจีน ที่ลดลงไปกว่า 30 % จะส่งกระทบมากต่อธุรกิจท่องเที่ยวในภาพรวม แต่สำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายใหญ่ หลายธุรกิจยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ขณะที่บางบริษัทแม้จะมีรายได้ และกำไรจากการดำเนินการที่เพิ่มสูงขึ้น แต่จากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน รวมถึงภาระดอกเบี้ย ก็ทำให้ต้องเผชิญความท้าทายในการรักษาอัตรากำไรอยู่บ้าง สะท้อนจากผลการดำเนินงานในไตรมาสแรก ปี 2568 ของธุรกิจสายการบิน และโรงแรม ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
ธุรกิจสายการบิน “การบินไทย”โดดเด่นสุด
กลุ่มธุรกิจสายการบิน จากผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ จะพบว่า “การบินไทย” มีผลประกอบการโดดเด่นที่สุด โดยมีรายได้เพิ่มขึ้น 12.3% เป็น 5.1 หมื่นล้านบาท และกำไรพุ่งสูงถึง 9.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 306 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ส่งผลให้ความต้องการในการเดินทางที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความสำเร็จของแผนฟื้นฟูกิจการ และการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ รวมถึงมีกระแสเงินสดในมือสูงถึง 1.24 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนฟื้นฟูกิจการที่มีอยู่ราว 3 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ AAV (เอเชีย เอวิเอชั่น) แม้สายการบิน “ไทยแอร์เอเชีย” จะมีรายได้ 1.3 หมื่นล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 3% เนื่องจากการชลอตัวของนักท่องเที่ยวจีน แต่ก็สามารถพลิกสถานการณ์จากการขาดทุน 409 ล้านบาทในไตรมาส 1/2567 มาเป็นกำไร 1.3 พันล้านบาท คิดเป็นการเติบโตสูงถึง 417%
ด้าน“บางกอกแอร์เวย์ส” มีผลประกอบการทรงตัว โดยรายได้ลดลงเล็กน้อย 0.1% อันเป็นผลมาจากจำนวนผู้โดยสารที่ลดลงในเส้นทางบินภายในประเทศ และกลุ่มเส้นทางบินในภูมิภาค แต่เส้นทางบินเข้า-ออกสมุย เติบโต 4.7 % และจากราคาค่าโดยสารเฉลี่ยที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสายการบินได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนน้อยที่สุด
เนื่องจากเส้นทางหลักสมุยมีลูกค้ายุโรปเป็นหลัก ประกอบกับค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าซ่อมบำรุงรักษาเครื่องบิน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักที่ลดลงจากปีก่อน ก็ทำให้สายการบินยังมีกำไร 1.6 พันล้านบาท ลดลง 10%
ขณะที่ AOT (ท่าอากาศยานไทย) มีรายได้ลดลงเล็กน้อย 0.07% และมีกำไร 5.2 พันล้านบาท ลดลง 12% การลดลงเกิดจากรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบินที่ปรับตัวลดลง 13.69 % สวนทางกับรายได้เกี่ยวกับกิจการการบินที่เพิ่มขึ้น 12.24 %
AWC โชว์ผลงานเด่นสุดในกลุ่มธุรกิจโรงแรม
ในส่วนของกลุ่มธุรกิจโรงแรม จะพบว่า ภาพรวมธุรกิจโรงแรมในไตรมาส 1/2568 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่ไม่เท่ากัน โดยบางบริษัทสามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ขณะที่บางบริษัทยังเผชิญความท้าทาย สะท้อนถึงความแตกต่างในกลยุทธ์การบริหารจัดการ และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ในด้านธุรกิจโรงแรม AWC (แอสเสท เวิลด์ คอร์ป) โชว์ผลงานโดดเด่นที่สุด มีรายได้เพิ่มขึ้น 13.6% เป็น 6.1 พันล้านบาท และกำไรเพิ่มขึ้น 22.8% เป็น 1.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 23 % โดยโรงแรมมีรายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) ทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 6,663 บาทต่อคืน เพิ่มขึ้น 5.8 % ซึ่งด้วยโรงแรมของ AWC จะเน้นกลุ่มลูกค้าระดับบน และมีหลากหลายตลาดนักท่องเที่ยว ทำให้การชลอตัวของนักท่องเที่ยวจีน จึงไม่ได้รับผลกระทบมาก
ตามด้วย “ดิ เอราวัณ กรุ๊ป” ที่มีรายได้เพิ่มขึ้น 7% และกำไรเพิ่มขึ้น 21% ที่มีรายได้เติบโตต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากการสร้างพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย ครอบคลุมโรงแรมตั้งแต่ 5 ดาว โรงแรมระดับกลาง ไปจนถึงโรงแรมระดับบัดเจ็ท ภายใต้แบรนด์ ฮ็อป อินน์
ขณะที่ “SHR” (เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท) แม้รายได้จะลดลง 4.4% แต่กำไรกลับเพิ่มขึ้นถึง 57.2% สะท้อนประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น โดยโรงแรมมีผลการดำเนินงาน “โดดเด่น” คือ โรงแรม ทราย ลากูน่า ภูเก็ต หลังปรับปรุง ทำให้ ADR เพิ่มขึ้น 31% เป็น 12,950 บาท (สูงสุดเป็นประวัติการณ์) และ RevPAR เติบโต 23% ขณะที่ธุรกิจอาคารสำนักงานยังเติบโตต่อเนื่อง รวมถึงการเสนอขายหุ้นกู้ 1,700 ล้านบาท เพื่อปรับโครงสร้างหนี้และลดต้นทุนทางการเงิน
สำหรับโรงแรมและรีสอร์ทในเครือ “เซ็นทารา” ก็มีผลการเติบโตที่มั่นคง โดยรายได้เพิ่มขึ้น 6% แม้กำไรจะลดลงเล็กน้อย 1% ขณะที่ ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล หรือ “MINT” กลับประสบความท้าทาย โดยรายได้ลดลง 1% แต่กำไรลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 64% เหลือเพียง 417 ล้านบาท ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการลงทุนขยายกิจการและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และการแข็งค่าของเงินบาท เมื่อเทียบกับยูโร ส่งผลให้รายได้จากการดำเนินการลดลงเล็กน้อย
แม้ว่าบริษัท จะมีกำไรจากการดำเนินงาน เป็นครั้งแรก นับจากการเข้าซื้อกิจการใน MHEA หรือ เดิมคือ เอ็นเอช โฮเทล กรุ๊ป เมื่อปี 2561 ควบรวมกิจการกับไมเนอร์ โฮเทลส์ ยุโรป แอนด์ อเมริกา และ ล่าสุด MINT ยังได้เสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ รวมมูลค่า 8 พันล้านบาทอีกด้วย
ธุรกิจวิตกไตรมาส 2 ครึ่งปีหลังยังไม่แน่นอน
อย่างไรก็ตามไตรมาส 1 ปี 2568 ธุรกิจท่องเที่ยวไทยยังคงเติบโตได้เล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อน แม้รายได้และจำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมจะเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่เท่าระดับก่อนโควิด-19 และเผชิญความท้าทายสำคัญจากการลดลงของนักท่องเที่ยวจีนเนื่องจากประเด็นความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย และการแข่งขันจากประเทศอื่น
ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 2 และครึ่งปีหลังยังคงมีความไม่แน่นอนและคาดว่าจะยังอ่อนตัวจากนักท่องเที่ยวจีนที่ชะลอตัว ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจโลกและนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ก็เป็นปัจจัยที่ต้องจับตา อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวภายในประเทศยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ได้แรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ ทั้งวันหยุดยาว รวมถึงมาตรการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ที่จะนำมาใช้กระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงโลว์ซีซันนี้ และการฟื้นตัวในบางตลาด เช่น รัสเซียและอินเดีย
ผู้ประกอบการและนักวิเคราะห์บางส่วนยังมองเห็นโอกาสและกำลังปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับสถานการณ์ ในขณะที่บางส่วนแนะนำให้ระมัดระวังและรอสัญญาณที่ชัดเจนก่อนตัดสินใจลงทุน รวมถึงบางธุรกิจเริ่มมองที่จะปรับลดเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจลง จากที่เคยวางเป้าหมายไว้ช่วงต้นปี อาทิ ไทยแอร์เอเชีย , ดุสิตธานี ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ทั้งปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวไทยอาจหดตัว 2.8% หรือมีจำนวน 34.5 ล้านคน ซึ่งจะทำให้รายได้การท่องเที่ยวจากนักท่องเที่ยวต่างชาติหดตัว 3% จากปี 2567 หรือมีมูลค่าอยู่ที่ 1.62 ล้านล้านบาท
จากปัจจัยลบยังอยู่และอาจมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ ทั้งเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของไทยลดลง พฤติกรรมนักท่องเที่ยวและความต้องการด้านการท่องเที่ยวเปลี่ยนไป รวมถึงปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อย่างปัญหาภูมิรัฐศาสตร์
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thansettakij.com/business/tourism/628522&ct=ga&cd=CAIyHGRmMjMzNDMzN2E0NjM2ZDg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw23Bpd4k5Ypgv2TvoYMraeH