ข้อมูลจากกรมการค้าระหว่างประเทศ ระบุว่า การค้าชายแดนไทย – กัมพูชา เมื่อสิ้นปี 2564 มีมูลค่าการค้ารวม 169,104 ล้านบาท แยกเป็นการส่งออก 143,115 ล้านบาท นำเข้า 25,989 ล้านบาท ไทยได้ดุลการค้า 117,126 ล้านบาท
โดยด่านการค้าที่มีมูลค่าการค้ารวมสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
- ด่านศุลกากรอรัญประเทศ จ.สระแก้ว คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 61.05 ของการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา
- ด่านศุลกากรคลองใหญ่ จ.ตราด คิดเป็นสัดส่วน 18.46 %
- ด่านศุลกากรจันทบุรี คิดเป็นสัดส่วน 12.74 %
- ด่านศุลกากรช่องจอม คิดเป็นสัดส่วน 6.45 %
- ด่านศุลกากรช่องสะงำ คิดเป็นสัดส่วน 1.30 %
ถ้าปิดด่านตลอดแนวชายแดนรายได้ประมาณ 143,115 ล้านบาทจะหายไปอย่างแน่นอน หรือหากปิดบางจุดผ่านแดน รายได้ก็จะหายไปตามสัดส่วนสินค้าส่งออก
อย่างไรก็ดีอย่าลืมว่า สินค้าที่ประเทศกัมพูชา นำเข้าจากประเทศไทย ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค อาทิ อาหารและเครื่องดื่ม ,ข้าวสาลี , ผักผลไม้ , อาหารแปรรูป , ยา , น้ำมันสำเร็จรูป , น้ำตาลทราย , เครื่องดื่ม , เครื่องใช้ไฟฟ้า , สินค้าความงาม , เสื้อผ้า , เครื่องจักร , ยานพาหนะ , ปูนซีเมนต์, เครื่องยนต์สันดาปภายใน , รถยนต์, อุปกรณ์และส่วนประกอบ , เคมีภัณฑ์ , อัญมณีและเครื่องประดับ , เหล็ก ฯลฯ
นั่นเท่ากับว่า กัมพูชา จะขาดแคลนสินค้าอุปโภคบริโภคเหล่านี้ โดยเฉพาะบ้านเรือนตามแนวชายแดน
ที่สำคัญ การห้ามไม่ให้คนไทยเดินทางไปเล่นกาสิโนฝั่งประเทศกัมพูชา จะทำให้เสียรายได้อีกเป็นจำนวนมาก
เท่ากับว่า นอกจากรายได้จากการค้าขายที่หายไปแล้ว ที่เหลือคือความได้เปรียบของประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลและกองทัพต้องประเมินและชั่งน้ำหนัก เพื่อรักษาอธิปไตย!!
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.nationtv.tv/politic/378962454&ct=ga&cd=CAIyHGRmMjMzNDMzN2E0NjM2ZDg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw3OPBTVL9OPnMiKPJjnJGnB