ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากในประเทศไทยได้เห็นการเติบโตที่สำคัญจากความสำคัญที่เพิ่มขึ้นในการรักษาสุขภาพช่องปาก รวมถึงการตระหนักถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพฟันและเหงือก ก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้น
ยิ่งไปกว่านั้น เทรนด์ใหม่ ๆ เช่น การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากสมุนไพรและการพัฒนาเทคโนโลยีในอุปกรณ์ดูแลช่องปาก รวมถึงการขยายตัวของช่องทางการขายออนไลน์ ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่าง Shopee และ Lazada ก็ได้ส่งผลให้ตลาดนี้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปี 2566 ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากในประเทศไทยมูลค่ารวม 2.6 หมื่นล้านบาท เติบโต 6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยในหมวดหมู่ที่เติบโตสูงสุดคือแปรงสีฟัน ซึ่งเติบโตถึง 7% คิดเป็นมูลค่า 6,000 ล้านบาท การเติบโตนี้เป็นผลมาจากการปรับตัวตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพช่องปากและป้องกันปัญหาฟันในอนาคต
ในปี 2571 ตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากในไทยคาดว่าจะเติบโตถึง 3.8 หมื่นล้านบาท โดยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการใส่ใจสุขภาพช่องปากของผู้บริโภคในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (รายงานของ Euro Monitor)
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันตลาดคือการให้ความรู้ด้านสุขภาพช่องปาก ผู้บริโภคมองหาผลิตภัณฑ์ที่มีความสามารถในการป้องกันปัญหาฟันมากขึ้น
โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมจากสมุนไพร เช่น ขมิ้น, ชาเขียว หรือ Andrographis ที่กำลังได้รับความนิยม นอกจากนี้ เทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น แปรงสีฟันไฟฟ้าที่มีฟีเจอร์ AI Sensors, Smart Tracking และ UV Sanitizer ก็ได้รับการตอบรับอย่างดีจากตลาด
ปี 2568 การจัดงาน Samui Neon Run ซึ่งมีการสนับสนุนจากแบรนด์ที่เน้นการส่งเสริมสุขภาพอย่างไบโอเซฟตี้ ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งของการเชื่อมโยงเทคโนโลยีและการตลาดในผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากเข้ากับไลฟ์สไตล์ที่ใส่ใจสุขภาพ
งานนี้ยังเป็นโอกาสที่ดีในการแสดงถึงความสำคัญของการดูแลสุขภาพช่องปาก ซึ่งมีการแสดงนวัตกรรมอย่างแปรงสีฟันรุ่น “Neon” ที่ใช้เทคโนโลยีแอนตี้แบคทีเรียและขนแปรงปลายเรียวที่ช่วยทำความสะอาดร่องเหงือก
โดย “Samui Neon Run 2025” จัดขึ้นบนชายหาดเฉวง เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานีที่รวมเหล่านักวิ่งจากทั่วโลกกว่า 1,500 คน มาร่วมวิ่ง งานครั้งนี้สอดคล้องกับพันธกิจที่มุ่งดูแลสุขภาพของคนไทย ทั้งยังเป็นการสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่ยั่งยืนของประเทศ
โดยการวิ่งมีประโยชน์มากมายทั้งต่อร่างกายและจิตใจ ดังนี้
1.เสริมสร้างสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด: การวิ่งช่วยเพิ่มความแข็งแรงของหัวใจและหลอดเลือด โดยการวิ่งเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยให้ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด เช่น โรคความดันโลหิตสูง และโรคไขมันในเลือดสูง
2.ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก: การวิ่งเผาผลาญแคลอรีได้ดี ช่วยลดน้ำหนักและรักษารูปร่างให้สมส่วน ทำให้ลดความเสี่ยงของโรคที่เกิดจากน้ำหนักเกิน เช่น เบาหวาน โรคไขมันพอกตับ และโรคข้อเสื่อม
3.เพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและกระดูก: การวิ่งช่วยให้กล้ามเนื้อขา แข็งแรงขึ้น และยังช่วยเสริมสร้างความหนาแน่นของกระดูก ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนในอนาคต
4.ลดความเครียดและวิตกกังวล: การวิ่งช่วยกระตุ้นการหลั่งสารเอนโดรฟิน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้รู้สึกดี ช่วยลดความเครียดและวิตกกังวล เพิ่มความรู้สึกผ่อนคลายและความสุข
5.เสริมสร้างความอดทนและจิตใจที่แข็งแกร่ง: การวิ่งเป็นกิจกรรมที่ต้องใช้ความพยายามและความมุ่งมั่นในการฝึกฝน ทำให้เราสามารถพัฒนาความอดทนและจิตใจที่แข็งแกร่งขึ้น
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thansettakij.com/health-wellness/628346&ct=ga&cd=CAIyHGRmMjMzNDMzN2E0NjM2ZDg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw1Bw_6VQDsZUhJk9S4ad5FL