เซเว่น ดึง พี่จอง คัลแลน นั่งพรีเซ็นเตอร์ สื่อมิตรภาพที่ดี ในคอนเซ็ปต์ “แวะเซเว่นฯเมื่อไหร่ก็ใจฟู”

เซเว่น-ดึง-พี่จอง-คัลแลน-นั่งพรีเซ็นเตอร์-สื่อมิตรภาพที่ดี-ในคอนเซ็ปต์-“แวะเซเว่นฯเมื่อไหร่ก็ใจฟู”
เซเว่น ดึง พี่จอง คัลแลน นั่งพรีเซ็นเตอร์ สื่อมิตรภาพที่ดี ในคอนเซ็ปต์ “แวะเซเว่นฯเมื่อไหร่ก็ใจฟู”

บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ ออกแคมเปญการตลาดใหม่รับไตรมาสที่สอง ย้ำเดินหน้านำเสนออัตลักษณ์ความเป็นไทยในแง่มุมต่าง ๆ เชื่อมโยงกับสินค้าและบริการของเซเว่น อีเลฟเว่น

ย้อนดู กลยุทธ์การตลาดเซเว่น ชูความเป็นไทยคือจุดขาย

นับตั้งแต่ปี 2566 กับแคมเปญ “เสน่ห์อาหารไทย ที่ใคร ๆ ก็หลงรัก” จากความร่วมมือระหว่างเซเว่น อีเลฟเว่น และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ชูจุดแข็งวัฒนธรรมอาหารไทย หนึ่งใน Soft Power ที่พร้อมผลักดันสู่สายตาชาวโลก

โดยนำเสนอเมนูอาหารไทยทั้งคาว หวาน และผลไม้ไทยในรูปแบบพร้อมทาน รวมกว่า 200 เมนู ด้วยความตั้งใจที่ว่า “รสชาติอาหารไทย พร้อมทาน 24 ชั่วโมง” และได้ให้การสนับสนุนสินค้าจากผู้ประกอบการ SME กว่า 1,000 รายการเช่นกัน

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญของแคมเปญนี้คือ “แจ็คสัน หวัง” ศิลปินระดับโลกฉายาเขยไทย นั่งแท่นพรีเซ็นเตอร์ของแคมเปญ โดยมีเป้าหมายการสื่อสารไปยังผู้บริโภคชาวต่างชาติมากขึ้น

จากกระแสตอบรับที่ดีในแคมเปญ “เสน่ห์อาหารไทย ที่ใคร ๆ ก็หลงรัก” เกิดการต่อยอดไปสู่ “ความอร่อยอาหารไทย 4 ภาค” เน้นนำเสนอความหลากหลายของอาหารไทยที่เป็นเอกลักษณ์จากทั้ง 4 ภาค อาทิ แจ่วฮ้อน จากภาคอีสาน ไก่ทอดมะแขว่น จากภาคเหนือ และข้าวหมูคั่วกลิ้ง-ไข่เจียว จากภาคใต้

และสร้างสีสันด้วยการเปิดตัว “เตนล์ NCT” ไอดอลเกาหลีสัญชาติไทย มารับหน้าที่เจ้าบ้านพาทุกคนไปลิ้มรสและเปิดประสบการณ์กับอาหารไทยท้องถิ่นแท้ ๆ จากเซเว่น อีเลฟเว่น ใกล้บ้าน

มอง Soft Power ต้องเข้าถึงง่าย อยู่ในชีวิตประจำวัน

ในปี 2567 เซเว่น อีเลฟเว่น เดินหน้าต่อกับการผลักดัน Soft Power ไทย ด้วยแคมเปญ “แสตมป์เสน่ห์ไทย ใคร ๆ…ก็หลงรัก” นำเอกลักษณ์ของประเทศไทย ไม่ว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยว อาหารไทย และวัฒนธรรม ของทั้ง 77 จังหวัด ผนวกเข้ากับดวงแสตมป์ที่มีคาแรคเตอร์ “โดราเอมอน”

แคมเปญแสตมป์ของเซเว่น อีเลฟเว่นในแต่ละปี ยังคงได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคทั่วประเทศ ด้วยรูปแบบการสะสมที่หลากหลาย ทั้งในลักษณะดวงแสตมป์ และ M-Stamp ซึ่งสามารถนำไปแลกรับของรางวัลได้

ส่งผลให้แคมเปญดังกล่าวไม่เพียงสร้างสีสันทางการตลาด แต่ยังกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมไทยให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย และใกล้ชิดยิ่งขึ้น

และเมื่อต้นปี 2568 ที่ผ่านมา เซเว่น อีเลฟเว่น ก็ได้สร้างปรากฏการณ์ร่วมกับมาสคอตแห่งยุค “Butterbear” เปิดตัวในฐานะเด็กฝึกงานคนใหม่ ในแคมเปญ “เพื่อนที่ฮีลใจ ใกล้ ๆ คุณ”

เรียกเสียงตอบรับในโลกออนไลน์ และดึงผู้บริโภคกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ได้อย่างล้นหลาม จากการเปิดตัวแพ็กเกจจิ้ง “น้องหมีเนย” ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม และของสะสม

“พี่จอง คัลแลน” จากผู้บริโภค สู่พรีเซ็นเตอร์

และในแคมเปญล่าสุด อย่าง “แวะเซเว่นฯ เมื่อไหร่ก็ใจฟู” ที่ได้ปล่อยภาพยนตร์โฆษณาไปเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา ถ่ายทอดเรื่องราวของ 2 หนุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ไม่ว่าจะไปเช็กอินแลนด์มาร์กที่ไหน ก็ยังมีเซเว่น อีเลฟเว่น เป็นเพื่อนคู่ใจตลอดทาง

การเลือก “พี่จอง” และ “คัลแลน” มาร่วมแคมเปญในครั้งนี้ สะท้อนแนวทางการตลาดของเซเว่น อีเลฟเว่น ที่ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงพฤติกรรมผู้บริโภคกับภาพลักษณ์แบรนด์ ด้วยไลฟ์สไตล์ของทั้งสองคนที่มักเลือกแวะเซเว่นฯ ในระหว่างการท่องเที่ยวเป็นประจำ สอดคล้องกับแนวทางการสื่อสารของเซเว่น อีเลฟเว่น ในฐานะร้านสะดวกซื้อที่มอบความสุขให้ผู้คนได้ทุกวัน

พร้อมทั้งนำเสนอภาพความสวยงามของสถานที่ต่าง ๆ ทั่วไทย หวังผลักดัน Soft Power ด้านการท่องเที่ยว ดึงดูดทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ

ร่วมกับการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย อย่าง “เซเว่นฯ ชวนใจฟูทั่วไทย” เมื่อซื้อสินค้าในจังหวัดต่าง ๆ จะได้รับตราปั๊มตามจังหวัดนั้น ๆ และสะสมเพื่อรับของรางวัลผ่าน 7App รวมถึงการเปิดตัวสินค้า “พรีเมียมใจฟู” เช่น สติ๊กเกอร์ 4 ภาค, กระดาษโน้ต, ถุงผ้า, หมอน และเสื้อยืดลายพี่จองคัลแลน ให้ผู้บริโภคได้ร่วมสะสม

กลยุทธ์ของเซเว่น อีเลฟเว่นในช่วงที่ผ่านมา เน้นการสร้างประสบการณ์ร่วมกับผู้บริโภค โดยการเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์ที่ได้รับความนิยมในแต่ละช่วงเวลา เพื่อเชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับฐานผู้บริโภคขนาดใหญ่ และขณะเดียวกันยังคงเดินหน้าผลักดัน Soft Power ไทย ที่เปรียบเสมือนเป็น DNA ของการตลาดเซเว่น อีเลฟเว่น

ปักธงเป็น Food & Drink Destination จะไปไหน ก็ต้องแวะเซเว่นฯ

ภายใต้สโลแกน “หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา” ที่ให้บริการ 24 ชั่วโมง เซเว่น อีเลฟเว่น ตั้งใจดำเนินธุรกิจเพื่อส่งมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภคทุกกลุ่ม มุ่งพัฒนาการบริการขนส่งสินค้า “7Delivery” ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะท่องเที่ยวหรืออยู่บ้าน ทุกคนต้องสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการของเซเว่นฯ

ซึ่งปัจจุบัน ร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น มีสาขาทั้งหมดราว 15,000 สาขาทั่วประเทศ และมีแผนจะขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงไตรมาสแรกของปี 2569 โดยตั้งเป้าไว้ที่ 15,430 สาขาในไทย

ต่อยอดความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับผู้บริโภค ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลในแต่ละพื้นที่ เพื่อคาดการณ์ความต้องการสินค้าในแต่ละสาขา ทำให้สามารถจัดหาสินค้าได้ตรงตามความต้องการของผู้บริโภค ลดความเสี่ยงในการขาดแคลนสินค้า หรือการค้างสต็อก

รวมถึงให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า ผ่านช่องทางต่าง ๆ เช่น โซเชียลมีเดีย และช่องทางการร้องเรียน เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการปรับปรุงสินค้าและบริการ สร้างความไว้วางใจต่อผู้บริโภค

เร่งปั้น SME เชื่อ ไปด้วยกัน ไปได้ไกล

เซเว่น อีเลฟเว่น ในฐานะร้านค้าปลีกของทุกคน มองการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งในมิติสังคมและเศรษฐกิจ พร้อมเดินหน้าผลักดัน SME ไทย ผ่านแนวคิด “SME โตไกลไปด้วยกัน” โดยสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยทั้งด้านผลิตภัณฑ์ การตลาด และช่องทางจัดจำหน่าย

ปัจจุบันมีสินค้า SME วางขายกว่า 6,000 รายการ และมุ่งขยายสินค้าท้องถิ่นให้เข้าถึงทั้งกลุ่มผู้บริโภคภายในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติ

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thairath.co.th/money/business_marketing/marketing_trends/2862915&ct=ga&cd=CAIyHGRmMjMzNDMzN2E0NjM2ZDg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2QFY0Ak7tMYbuTMXLXseYP

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *