ท่องเที่ยวยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงแพทองธาร เสนอทางออกแก้วิกฤตจีนเที่ยวไทยฮวบ
จีนเที่ยวไทยลดฮวบ กระทบ สตรีทฟู้ด เยาวราช บรรทัดทอง หงอยทยอยปิดกิจการ
นายอดิษฐ์ ชัยรัตนานนท์ เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) เปิดเผยว่าสถานการณ์การท่องเที่ยวไทยที่ตลาดหลักอย่างนักท่องเที่ยวจีนลดจำนวนลงนั้น สะท้อนจากข้อมูลพบว่า นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าและออกไปต่างประเทศช่วงวันหยุดยาว (วันแรงงาน) ปี 2568 รวม 10.9 ล้านคน เพิ่มขึ้น 28.7% จากปี 2567 ที่มีชาวจีน 2.9 ล้านคนเดินทางออกนอกประเทศ
จุดหมายยอดนิยม คือ ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, สิงคโปร์, เวียดนาม, ไทย และมาเลเซีย โดยญี่ปุ่นมีเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 53% เทียบจากปี 2567 แต่เที่ยวบินมาประเทศไทยกำลังถูกยกเลิกและลดลง ซึ่งผู้ประกอบการเช่าเหมาลำของจีนมายังไทยมีแนวโน้มยกเลิกถึง 68% ช่วงปลายปีนี้ด้วย ทำให้เที่ยวบินมาไทยลดลง และมีราคาตั๋วแพงขึ้น
รวมถึงความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยของประเทศไทย ภาพลักษณ์ความไม่ปลอดภัยสร้างปัญหาการตัดสินใจยกเลิก เปลี่ยนจุดหมายปลายทางไปยังประเทศอื่น รวมถึงมีสัญญาณการแจ้งเตือนนักท่องเที่ยว (TRAVEL WARNING) ในหลายประเทศ อาทิ แคนาดา ออสเตรเลีย และมาเลเชีย และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการของไทยช้ากว่าประเทศเพื่อนบ้านและคู่แข่ง
ผลกระทบที่เกิดขึ้นสร้างวิกฤตต่อภาคการผลิต การบริการ การค้าส่งและค้าปลีก โดยสภาพัฒน์ปรับลด GDP เหลือ 18% (รายได้จากภาคการท่องเที่ยว คิดเป็น 18 % ของ GDP), พลาดเป้าหมายด้านรายได้ 3.3 ล้านล้านบาท จากอุตสาหกรรมการท่องเกี่ยวและบริการ “เครื่องยนต์เศรษฐกิจที่ตกรุ่น” ที่เคยสร้างรายได้ไห้ประเทศราว 18% GDP เป้าจำนวนนักท่องเที่ยว 39 ล้านคน
ขณะที่แรงงานภาคการท่องเที่ยว 4.6 ล้านคน รวมถึงแรงงานทางอ้อม 10.6 ล้านคน (สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจราว 8-10 % ของ GDP) มีความเสี่ยงตกงาน
อีกทั้งการลดลงของนักท่องเที่ยวจีน ยังส่งผลกระทบต่อ Tourism Ecosystem โดยเฉพาะผู้ประกอบการสตรีทฟู้ด ย่านเยาวราช ย่านบรรทัดทอง ห้างสรรพสินค้า ทยอยปิดกิจการ รวมถึงภาคเอกชนยังอยู่ในภาวะเปราะบางจากการฟื้นตัวจากวิกฤตโควิดได้ไม่นาน
เฟตต้ายื่นหนังสือเปิดผนึกถึงแพทองธาร ชงมาตรการ กผู้วิกฤต
ดังนั้นภาคเอกชนท่องเที่ยวในนามสมาพันธ์สมาคมท่องเที่ยวไทย หรือ FETTA จึงทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เห็นถึงสถานการณ์วิกฤตขณะนี้ โดยข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลไทย แบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้
ระยะเร่งด่วน 6 เดือน ภายในปี 2568
- การดำเนินการทางการทูต (เชิญผู้นำระดับสูงสุดของจีนมาเยือนไทยในงานเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ครบรอบ 50 ปี ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2568)
- การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ (เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเชิงบวก/ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทั่วโลก)
- มาตรการยกระดับความปลอดภัย (ร่วมมือกันสร้างอาสาสมัครการท่องเที่ยวตามแนวทาง UN Tourism)
- ทบทวนมาตรการวีซ่าฟรี (เหลือระยะเวลาพำนักไม่เกิน 15 วัน)
- มาตรการสนับสนุนเที่ยวบินพิเศษ (Charter Flight) (สนับสนุน 1,000 เที่ยวบินพิเศษมาไทยและประเทศเป้าหมายศักยภาพคาดว่าจะเพิ่มนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 200,000 คน สร้างรายได้กว่า 10,000 ล้านบาท) (งบประมาณ 500 ล้านบาท)
- สนับสนุน Roadshow (สนับสนุนการจัด Roadshow ที่ประเทศจีนและตลาดจีนอื่นๆ,ตลาดตะวันออกกลาง รัสเซีย อินเดียเกาหลีใต้ อินโดนีเซีย) (งบประมาณ 50 ล้านบาท)
- สนับสนุนการจัดงาน World Tourism Forum (เพื่อแสดงศักยภาพการเป็นผู้นำอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโลก ให้เป็นเวทีสำหรับผู้เกี่ยวข้องทั่วโลก) (งบประมาณ 10 ล้านบาท)
- เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (เร่งลงทุนพัฒนาระบการอำนวยความสะดวกภายในประเทศ โดยเฉพาะที่สนามบินสำคัญ เชื่อมโยงการเดินทางจากสนามบินเข้าเมืองหรือแหล่งท่องเที่ยวเป้าหมาย การเดินทางจากเมืองหลักสู่เมืองรอง)
- ตั้งคณะทำงาน Tourism Risk Management (เน้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชนและภาควิชาการ เพื่อป้องกัน/แก้ไขวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต)
- สนับสนุนเทคโนโลยีการตลาดดิจิทัล (โดยผู้ประกอบการและแพลตฟอร์มคนไทยอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง อาทิ ระบบลงทะบียน QR ติดตามนักท่องเที่ยวแบบ Voluntary ตั้งแต่เข้ามายังสนาบบินสุวรรณภูมิ, สถานที่ท่องเกี่ยวสำคัญ และสร้างความเชื่อมั่นด้วยระบบเตือนภัย
- ปรับปรุงระบบการลงทะเบียน ตม. Online ล่วงหน้า 3 วัน แก้ปัญหาความแออัดในการต่อคิว(นักท่องเที่ยวผู้สูงอายุไม่สามารถดำเนินการเองได้)
ระยะกลางและระยะยาว : (2-4 ปี)
- พัฒนาบุคลากรสูงวัย (ให้สามารถทำงานได้นานขึ้น/ออกแบบระบบจ้างงานและสวัสดิการที่เหมาะสมกับสังคมสูงอายุ)
- ปรับปรุงกฎหมาย (ลดความซับซ้อนและอุปสรรคต่อระบบ Tourism Ecosystem)
- จัดตั้งกองทุน/ธนาคารเพื่อการท่องเที่ยว (เพื่อผู้ประกอบการหรือธนาคารเฉพาะทาง)
- จัดตั้ง Thailand Tourism Data and Al Technology Center (สนับสนุนให้ภาคการท่องเที่ยวไทยลดการพึ่งพิงเทคโนโลยีต่างชาติ)
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thansettakij.com/business/tourism/628790&ct=ga&cd=CAIyHGRmMjMzNDMzN2E0NjM2ZDg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw0slscnd8IT3MnoNdLb_Kch