10 ภาษาทรงอิทธิพลที่สุดในโลกปี 2024: ใครเชี่ยวชาญภาษานี้ มีโอกาสทำเงินถึง 42 ล้าน/วัน!
รายงานล่าสุดจาก Ethnologue และนักวิจัยด้านภาษาศาสตร์ชั้นนำทั่วโลก เผย 10 อันดับภาษาที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก โดยไม่เพียงวัดจากจำนวนผู้พูดเป็นภาษาแม่เท่านั้น แต่ยังพิจารณาในมิติเชิงเศรษฐกิจ การสื่อสาร ความรู้ สื่อมวลชน และการทูต
ในปี 2024 ภาษาจีนกลาง (Mandarin) ยังคงเป็นภาษาที่มีผู้ใช้เป็นภาษาแม่มากที่สุดในโลก ราว 990 ล้านคน ตามมาด้วยภาษาสเปน (484 ล้านคน) และภาษาอังกฤษ (390 ล้านคน) แต่หากนับรวมผู้ใช้เป็นภาษาที่สอง ภาษาอังกฤษยังคงเป็น “ภาษากลางของโลก” ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในแง่การสื่อสารระหว่างประเทศ
“ภาษาที่ทรงอิทธิพล” วัดจากอะไร?
ดร. Kai L. Chan ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน INSEAD และมหาวิทยาลัยในแคนาดา ได้พัฒนา “ดัชนีภาษาทรงอิทธิพล (Power Language Index – PLI)” เพื่อวัดความสำคัญของภาษาในระดับโลกอย่างครอบคลุม ซึ่งใช้ 5 ปัจจัยหลัก ได้แก่:
-
ภูมิศาสตร์ (Geography) – จำนวนประเทศที่ใช้ภาษา
-
เศรษฐกิจ (Economy) – อิทธิพลทางเศรษฐกิจ เช่น GDP และ PPP
-
การสื่อสาร (Communication) – จำนวนผู้ใช้งานทั่วโลก
-
ความรู้และสื่อ (Knowledge and Media) – ความแพร่หลายในแหล่งความรู้และสื่อมวลชน
-
การทูต (Diplomacy) – บทบาทในเวทีนานาชาติ
อันดับ 3 ภาษาโลกที่ “ทรงพลัง” ที่สุด
-
อันดับ 1: ภาษาอังกฤษ – ยังคงเป็นภาษาหลักของเศรษฐกิจโลก สื่อ สถาบันการศึกษา และองค์กรระหว่างประเทศ เช่น UN, NATO, G7
-
อันดับ 2: ภาษาจีนกลาง – ได้คะแนนสูงจากเศรษฐกิจจีนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
-
อันดับ 3: ภาษาฝรั่งเศส – ใช้ในองค์กรระหว่างประเทศมากมาย เช่น สหภาพยุโรป (EU), ยูเนสโก (UNESCO), ศาลโลก
ส่วนภาษาสเปนอยู่ในอันดับ 4 แต่กำลังไล่จี้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และคาดว่าจะ แซงภาษาฝรั่งเศสในปี 2050
ขณะที่ภาษาแห่งโอกาสคือ “ภาษาจีน” ทำเงินได้วันละกว่า 42 ล้าน! จากความต้องการผู้เชี่ยวชาญภาษาจีนที่เพิ่มสูงขึ้นในหลายอุตสาหกรรม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดในไทยคือการจ้างล่ามภาษาจีนแบบเร่งด่วนเพื่อร่วมงานประชุมที่เซี่ยงไฮ้ ด้วยค่าจ้างสูงถึง วันละ 42 ล้านบาท! ไม่เพียงแค่การแปลหรือสื่อสารทางธุรกิจเท่านั้น ภาษาเหล่านี้ยังช่วยเปิดโอกาสในวงการเทคโนโลยี การทูต การศึกษา และสื่ออีกด้วย
อนาคตของภาษาโลก: ปี 2050 ใครรุ่ง-ใครร่วง?
จากการคาดการณ์ของ PLI สำหรับปี 2050 พบว่า
-
ภาษาอังกฤษยังคงเป็นเบอร์หนึ่ง ด้วยคะแนน 0.877
-
ภาษาจีนกลางตามมาเป็นอันดับ 2 (0.515)
-
ภาษาสเปนจะแซงภาษาฝรั่งเศสขึ้นมาเป็นอันดับ 3
-
ภาษาฝรั่งเศส จะร่วงลงมาอยู่อันดับ 4
ลำดับต่อไป ได้แก่ ภาษาอาหรับ (อันดับ 5), รัสเซีย (6), เยอรมัน (7), โปรตุเกส (8), ฮินดี (9) และญี่ปุ่น (10)
หากคุณกำลังวางแผนเรียนภาษาเพื่ออนาคต อย่าดูแค่จำนวนผู้พูดเป็นภาษาแม่ แต่ควรมองภาพรวมของภาษาในระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลทางเศรษฐกิจ สื่อสาร สื่อ หรือเวทีการทูต ภาษาที่ทรงอิทธิพล ไม่ใช่แค่ “พูดได้” แต่ต้อง “ใช้ได้จริงในโลกยุคโลกาภิวัตน์” และเมื่อพูดถึงรายได้ที่เป็นไปได้ถึงหลักสิบล้านต่อวัน คำถามคือคุณพร้อมจะเริ่มเรียนภาษาที่ 2 แล้วหรือยัง?
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.sanook.com/news/9800586/&ct=ga&cd=CAIyHDI4ODcxZTExZDQzMWVlYzA6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2OM_-MiWbTuDGThWgyQ5OI