ปักธง 2 เดือน “ทางหลวง” จ้างศึกษา เคลียร์ปมข้อพิพาท “ดอนเมืองโทลล์เวย์ “

ปักธง-2-เดือน-“ทางหลวง”-จ้างศึกษา-เคลียร์ปมข้อพิพาท-“ดอนเมืองโทลล์เวย์-“
ปักธง 2 เดือน “ทางหลวง” จ้างศึกษา เคลียร์ปมข้อพิพาท “ดอนเมืองโทลล์เวย์ “

นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย กล่าวว่า สำหรับกรณีที่บริษัท ทางยกระดับดอนเมือง จำกัด (มหาชน) หรือ DMT ได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม

ทั้งนี้ตามสัญญาระหว่างกรมทางหลวงกับบริษัทฯในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31 ถนนวิภาวดีรังสิต ตอนดินแดง-ดอนเมือง (และที่แก้ไขเพิ่มเติม)(สัญญาสัมปทาน) เพื่อให้กรมทางหลวงแก้ไขผลเสียต่อฐานะทางการเงินของบริษัทนั้น

ขณะนี้กรมฯอยู่ระหว่างดำเนินการจ้างบริษัทที่ปรึกษาเพื่อศึกษาเรื่องการเงินและผลกระทบการจราจรของรายละเอียดในสัญญา คาดว่าจะเริ่มลงนามสัญญาจ้างภายในเดือนนี้ จากนั้นใช้เวลาศึกษาประมาณ 2 เดือน

“แนวทางการแก้ปัญหาของสัญญาเรื่องนี้ มองว่าแนวโน้มจะมีการเจรจาต่อสัญญาสัมปทานเพื่อแลกกับค่าชดเชยหรือไม่นั้นคงต้องดูในรายละเอียดข้อเท็จจริง เพราะเราต้องเปรียบเทียบสัญญาด้วย” นายอภิรัฐ กล่าว

สำหรับสาระสำคัญของข้อพิจารณานั้น บริษัทฯ เป็นผู้รับสัมปทานเส้นทางทางหลวงในทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 31 (ถนนวิภาวดีรังสิต) จากกรมทางหลวงฯ รวม 2 ตอนได้แก่ สัมปทานทางหลวงตอนดินแดง-ดอนเมือง และสัมปทานทางหลวงตอนดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน

โดยระหว่างอายุสัญญาสัมปทานระหว่างปี 2563-2565 ปรากฏการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด 19 รายการบังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร

อันเป็นเหตุสุดวิสัยตามสัญญาสัมปทาน ส่งผลให้ปริมาณการจราจรที่ใช้ทางหลวงสัมปทานทางหลวงเดิม และสัมปทานทางหลวงตอนต่อขยายทางด้านทิศเหนือ ลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

ดังนั้นบริษัทจึงได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดของสัญญาสัมปทาน โดยแจ้งเหตุสุดวิสัยให้กรมทางหลวงทราบ

ต่อมา บริษัทได้รับผลกระทบต่อฐานะทางการเงินอันเนื่องมาจากเหตุสุดวิสัยดังกล่าว จึงมีหนังสือขอให้กรมทางหลวงแก้ไขผลกระทบต่อฐานะทางการเงินของบริษัทฯ ตามหน้าที่ของบริษัทฯ และกรมทางหลวงซึ่งกำหนดไว้ในสัญญาสัมปทาน

จากนั้น บริษัทฯ ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาอิสระเพื่อประเมินการสูญเสียปริมาณการจราจรและรายได้ค่าผ่านทางของทางหลวงสัมปทานทั้งสองตอน ในระหว่างวันที่ 26 มีนาคม 2563 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565 ระยะเวลาประมาณ 2 ปี 6 เดือน ช่วงระยะเวลาที่เกิดเหตุสุดวิสัยขึ้น

ทั้งนี้ ที่ปรึกษาอิสระประเมินว่าบริษัทสูญเสียปริมาณจราจรของทางหลวงสัมปทานทั้งสองตอนรวม 63,804,258 คัน คิดเป็นจำนวนเงินรายได้ค่าผ่านทางที่บริษัทสูญเสียไปรวม 4,297,787,290 บาท

ส่งผลให้เกิดผลเสียต่อฐานะทางการเงินของบริษัท 2,307,899,050 บาท (มูลค่า ณ วันที่ 30 กันยายน 2565)

โดยบริษัทได้มีหนังสือนำส่งรายงานการศึกษาของที่ปรึกษาอิสระต่อกรมทางหลวงแล้ว แต่จนถึงปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้รับการเยียวยาชดเชยจากกรมทางหลวง จึงจำเป็นต้องใช้สิทธิยื่นคำเสนอข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thansettakij.com/economy/megaproject/629362&ct=ga&cd=CAIyHDI4ODcxZTExZDQzMWVlYzA6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2OGozNxxoBY8Ww_KuUmn4Z

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *