ประเมิน ชายแดนไทย- กัมพูชา หากปิดด่านถาวรสูญ 10,000 ล้านบาท!  

รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ความไม่สงบ ระหว่างชายแดนไทยกัมพูชา บริเวณช่องบก จนส่งผลให้รัฐบาลไทย ต้องออกมาตรการปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา นั้น  

ซึ่งทางหอการค้าไทย มองว่า เป็นเรื่องที่พูดยาก เพราะต้องจับตาดูว่าสถานการณ์จะรุนแรงมากขึ้นหรือไม่ 

คอนเทนต์แนะนำ

โดยไทยมุ่งเน้นการเจรจาจากทั้งสองฝ่ายเป็นหลัก ขณะเดียวกัน มองว่า การตรึงกำลังทหารตามแนวชายแดนเป็นเรื่องปกติ แต่หลังจากนี้ต้องจับตาดูว่าแนวทางแก้ปัญหาของไทย หรือกัมพูชาจะทำอย่างไรต่อไป  ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวล แต่ถ้าหากแนวทางการแก้ไขปัญหาไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ หอการค้าไทย ก็มองว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่ได้รับผลกระทบมาก สำหรับมองการค้าชายแดนของไทยและกัมพูชา พบว่า ไทยส่งออกประมาณ 140,000 ล้านบาท จากข้อมูลในปี 67 และนำเข้าประมาณ 30,000 ล้านบาท เพราะฉะนั้นหากพูดถึงการค้าชายแดนระหว่างไทยกัมพูชาจะตกอยู่ที่เดือนละประมาณ 15,000 ล้านบาท

สำหรับสินค้าที่ กัมพูชานำเข้าจากไทยส่วนใหญ่นั้น เป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เป็นสินค้าจำเป็นในการดำรงชีวิต ถึงแม้ว่าจะมีสินค้าทดแทนจากเวียดนามก็ตาม แต่หากดูจากระยะทางของการส่งสินค้าจากไทยจะใกล้และสะดวกกว่า รวมไปถึงค่าใช้จ่ายก็จะน้อยกว่า และกัมพูชาอาจจะไม่ได้เปลี่ยนแปลงการนำเข้าสินค้าจากไทยเป็นนำเข้าจากเวียดนามรวด เพราะฉะนั้น หอการค้าไทยจึงมองว่า กัมพูชาน่าจะยังคงนิยมบริโภคสินค้าจากไทยมากกว่า ถ้าหากรัฐบาลไทยไม่มีมาตรการปิดชายแดนถาวร

ขณะเดียวกัน ไทยนำเข้าสินค้าหลักจากกัมพูชา เป็นประเภทสินค้าวัตถุดิบอุตสาหกรรมเป็นหลัก โดยเน้นไปที่สินค้าทางการเกษตร ซึ่งตรงจุดนี้เป็นการนำเข้าที่จำนวนไม่มาก แต่เป็นจำนวนกาาค้าขายที่สำคัญสำหรับธุรกิจของคนในพื้นที่ ดังนั้นหอการค้าไทย มองว่า การขนส่ง เข้า-ออก น่าจะยังคงทำได้ตามปกติ เพราะเป็นผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ และไทยก็คงหาสินค้าทดแทนได้บางอย่างหากมีการปิดด่านถาวรจริงๆ

อย่างไรก็ตาม การปิดด่านชายแดนไทยกัมพูชา ของรัฐบาล เป็นการปิดด่านชั่วคราวไม่ได้มีเงื่อนไขในการกีดกันการนำเข้าหรือส่งออกสินค้าระหว่างกัน และการเปิดเส้นทางส่งออกสินค้าระหว่างกันยังคงดำเนินการอยู่

แต่ถ้าหากปิดด่าน 100% เต็ม ก็มองว่าจะเกิดความเสียหาย ซึ่งอาจได้เห็นความเสียหายของมูลค่าทางเศรษฐกิจหลัก 10,000 บาทต่อเดือนเกิดขึ้นแน่นอน 

ทั้งนี้ ต้องประเมินสถานการณ์ต่อไป ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะยืดเยื้อแค่ไหน แต่ในเบื้องต้นหอการค้าไทยมองว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจไม่มาก ซึ่งยังไม่มีผลกระทบในเชิงเศรษฐกิจมหภาครุนแรง แต่จะเป็นการส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในพื้นที่มากกว่า