นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง ภายหลังจากพรรค PVV ถอนตัวออกจากรัฐบาล – กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง-ภายหลังจากพรรค-pvv-ถอนตัวออกจากรัฐบาล-–-กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง ภายหลังจากพรรค PVV ถอนตัวออกจากรัฐบาล – กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

เมื่อช่วงเช้าวันที่ 4 มิถุนายน 2568 สื่อเนเธอร์แลนด์รายงานว่า นาย Geert Wilders ได้ประกาศถอนพรรค PVV ออกจากรัฐบาล เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลอีก 3 พรรค (พรรค VVD พรรค BBB และพรรค NSC) ไม่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องในประเด็นเรื่องผู้ลี้ภัย โดยนาย Wilders ได้ให้รัฐมนตรีที่สังกัดพรรค PVV ยื่นลาออกจากตำแหน่งด้วย ซึ่งต่อมานายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมคณะรัฐมนตรีฉุกเฉินเพื่อหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการภายหลังพรรค PVV ถอนตัวออกจากรัฐบาล ต่อมาในช่วงเย็นของวันเดียวกัน นาย Dick Schoof นายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ได้เดินทางไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีวิลเลม-อะเล็กซานเดอร์ เพื่อขอพระบรมราชานุญาตให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีลาออกทั้งคณะ ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรักษาการ (ยกเว้นรัฐมนตรีจากพรรค PVV ที่ลาออก) จนกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ภายหลังการเลือกตั้ง ซึ่งตามกฎหมายเนเธอร์แลนด์จะต้องมีการจัดการเลือกตั้งภายใน 3 เดือนภายหลังการประกาศยุบสภาอย่างเป็นทางการ โดยคาดว่าจะมีการประกาศยุบสภาในเร็ววันนี้

แถลงการณ์ของนายกรัฐมนตรี Dick Schoof ระบุว่าในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อดำเนินนโยบายตาม Framework Coalition Agreement (เอกสารกรอบนโยบายของรัฐบาลในประเด็นต่างๆ ที่พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 4 พรรคได้เห็นชอบร่วมกันเมื่อตอนจัดตั้งรัฐบาล) อย่างไรก็ดี หากพรรคร่วมรัฐบาล 1 พรรคไม่มีเจตนารมณ์ที่จะทำงานร่วมกันต่อไป รัฐบาลชุดนี้ก็ไม่สามารถที่จะเดินหน้าต่อไปได้ โดยคณะรัฐมนตรีได้หารือร่วมกันแล้วว่าการที่พรรค PVV ถอนตัวออกจากรัฐบาล ทำให้ไม่มีเสียงสนับสนุนมากเพียงพอที่จะทำให้รัฐบาลทำงานต่อไป คณะรัฐมนตรีจึงตัดสินใจลาออกจากตำแหน่ง โดยนายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่าในระหว่างที่เป็นรัฐบาลรักษาการ รัฐบาลจะยังคงทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาวเนเธอร์แลนด์เท่าที่จะสามารถทำได้จนกว่าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่

การล่มสลายของคณะรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี Dick Schoof ได้ส่งแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งประเทศ สถานการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดกระแสความเห็นจากหลายภาคส่วนของสังคม โดยมีทั้งกลุ่มที่รู้สึกยินดีและกลุ่มที่แสดงความวิตกอย่างมาก เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้เพิ่งเริ่มดำรงตำแหน่งได้ไม่นาน และยังไม่มีการดำเนินนโยบายใดๆ อย่างเป็นรูปธรรม ขณะเดียวกันก็เผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากหลายฝ่าย

องค์กรเพื่อการทำงานกับผู้ลี้ภัยแห่งประเทศเนเธอร์แลนด์ (VluchtelingenWerk Nederland: VWN) เป็นกลุ่มแรกที่ออกมาแสดงความยินดีต่อเหตุการณ์ดังกล่าว โดยระบุว่านี่คือข่าวดี เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้มีแนวทางที่ส่งเสริมความแตกแยกในสังคม และใช้ผู้ลี้ภัยเป็นเครื่องมือทางการเมือง แทนที่จะเสนอแนวทางแก้ไขที่สร้างสรรค์และยั่งยืน องค์กรฯ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ลี้ภัยควรได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรมและได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมเนเธอร์แลนด์ พร้อมทั้งแสดงความกังวลต่อภาวะไร้เสถียรภาพทางการเมืองในกรุงเฮก โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ระบบการรับผู้ลี้ภัยกำลังประสบความวุ่นวายอย่างมาก

ด้านเศรษฐกิจ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากธนาคาร ABN AMRO วิเคราะห์ว่าการล่มสลายของรัฐบาลจะมีผลกระทบอย่างต่อเศรษฐกิจในระยะสั้นเพียงเล็กน้อย เนื่องจากรัฐบาลแทบจะไม่มีแผนงานหรือการดำเนินนโยบายที่เป็นรูปธรรมในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยเฉพาะในประเด็นที่เป็นปัญหาเรื้อรัง เช่น ปัญหาที่อยู่อาศัย มลพิษจากไนโตรเจน และการปฏิรูปตลาดแรงงาน ซึ่งยังคงไม่มีความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม

ด้านแรงงาน สหภาพแรงงานเนเธอร์แลนด์ (Federatie Nederlandse Vakbeweging: FNV) ออกมาแสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่าการสิ้นสุดของรัฐบาลชุดนี้เป็นข่าวดี เพราะรัฐบาลไม่ได้ดำเนินการใดๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อแรงงานและประชาชน ในขณะที่สหภาพแรงงานคริสเตียนแห่งเนเธอร์แลนด์ (Christelijk Nationaal Vakverbond: CNV) แม้จะยอมรับว่าเหตุการณ์นี้เป็นเรื่องน่าเศร้าแต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลไม่สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้ได้ ทั้งสององค์กรต่างเรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่มีความกล้าหาญในการดำเนินการปฏิรูปนโยบายด้านแรงงาน นโยบายเกษียณอายุก่อนกำหนด ยกเลิกการตัดเงินช่วยเหลือการว่างงาน และการขึ้นภาษีน้ำมัน โดยให้ความสำคัญกับลูกจ้างมากกว่าผลประโยชน์ของนายจ้าง

ในทางตรงกันข้าม ภาคธุรกิจจำนวนมากกลับมีท่าทีที่ต่างออกไป โดยแสดงความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อความไม่แน่นอนที่กำลังเกิดขึ้น องค์กรนายจ้างและผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมของเนเธอร์แลนด์ (VNO-NCW และ MKB-Nederland) เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ประเทศจะต้องมีรัฐบาลที่เด็ดขาดและมีเสถียรภาพ สามารถบริหารประเทศในระยะยาว เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนต่างๆ เช่น นโยบายไนโตรเจน การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ต้นทุนพลังงานที่สูง ความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ และความล่าช้าในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ขณะเดียวกัน สมาคมผู้ประกอบการท่าเรือรอตเตอร์ดัม (Deltalinqs) ได้เตือนว่าโลกจะไม่หยุดรอเนเธอร์แลนด์ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของเสถียรภาพทางการเมืองเพื่อป้องกันการหยุดชะงักของการค้าและการลงทุน

ภาคเกษตรกรรม มีการแสดงออกถึงความผิดหวังและความเหนื่อยล้าอย่างชัดเจน เนื่องจากความไม่แน่นอนทางการเมืองส่งผลต่อความต่อเนื่องในการดำเนินนโยบายสำคัญ เช่น การออกใบอนุญาตเกี่ยวกับการปล่อยไนโตรเจน และการสนับสนุนการทำเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน กลุ่มเกษตรกรรุ่นใหม่ระบุว่าพวกเขายังคงขาดความชัดเจนในด้านนโยบายการลงทุนและมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ไม่สามารถวางแผนพัฒนาอนาคตของภาคการเกษตรได้อย่างมั่นคง

ด้านที่อยู่อาศัย สมาคมเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าแห่งชาติ (Vastgoed Belang) เตือนว่าปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยอาจทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากภาคเอกชนจำนวนมากทยอยขายทรัพย์สินให้เช่า เนื่องจากภาระภาษีและกฎระเบียบที่มากเกินไป ทั้งที่ประเทศจำเป็นต้องสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ปีละไม่ต่ำกว่า 100,000 หลัง เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยและรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น

ด้านการศึกษา องค์กรนักศึกษาแห่งชาติเนเธอร์แลนด์ (Landelijke Studentenvakbond: LSVb) และสมาคมนักศึกษาแห่งประเทศเนเธอร์แลนด์ (Interstedelijk Studenten Overleg: ISO) แสดงความหวังว่าการล่มสลายของรัฐบาลจะนำไปสู่การยกเลิกการตัดงบประมาณด้านการศึกษา การวิจัยและนวัตกรรม และเปิดโอกาสให้มีการลงทุนด้านการศึกษามากขึ้น ทั้งการเพิ่มเงินช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาในขั้นพื้นฐาน ทุนการศึกษา และการจัดหาที่พักสำหรับนักเรียนและนักศึกษาในราคาที่เอื้อมถึง ขณะที่สมาพันธ์โรงเรียนประถมศึกษาแห่งเนเธอร์แลนด์ (PO-Raad) แสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับการตัดงบประมาณที่มีผลกระทบต่อเด็กเล็กที่สุด โดยมองว่าเป็นเรื่องไร้หัวใจ และเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่ให้ความสำคัญกับการศึกษาระดับพื้นฐานอย่างจริงจัง

ภาคพลังงาน ซึ่งแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน โดยระบุว่าการไร้รัฐบาลที่มีอำนาจเต็มในการตัดสินใจจะส่งผลให้การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดต้องหยุดชะงัก องค์กรพลังงานเนเธอร์แลนด์ (Energie-Nederland) และสมาคมผู้บริหารโครงข่ายพลังงาน (Netbeheer Nederland) ต่างเรียกร้องให้ฝ่ายนิติบัญญัติเดินหน้าแก้ไขปัญหาโครงสร้าง เช่น ความแออัดของโครงข่ายไฟฟ้า การขาดการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน และการจัดตั้งระบบพลังงานที่ยั่งยืน ทั้งนี้เพื่อรักษาเสถียรภาพทางพลังงานและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว

บทวิเคราะห์และความเห็นสคต.

การล่มสลายของรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี Dick Schoof สะท้อนถึงความเปราะบางของเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศที่มีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจในสหภาพยุโรป โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ภูมิภาคยุโรปกำลังเผชิญกับปัญหาและความท้าทายต่างๆ อาทิ เรื่องผู้ลี้ภัย การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และการปรับโครงสร้างตลาดแรงงาน เป็นต้น ความไม่แน่นอนทางการเมืองที่เกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินนโยบายในหลายมิติ ทั้งด้านการค้า การลงทุน และโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

สำหรับประเทศไทย ซึ่งมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจใกล้ชิดกับเนเธอร์แลนด์ โดยเฉพาะในฐานะประตูสำคัญในการกระจายสินค้าไทยไปยังตลาดยุโรป การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในเนเธอร์แลนด์อาจนำไปสู่ความล่าช้าในการดำเนินนโยบายและมาตรการด้านการค้าต่างๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย อีกทั้ง แผนการจำกัดเที่ยวบินที่ท่าอากาศยาน Schiphol Airport ซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศของยุโรป อาจส่งผลให้ต้นทุนโลจิสติกส์เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่ต้องการความรวดเร็วในการขนส่ง เช่น กลุ่มสินค้าผักและผลไม้สด

อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกไทยควรติดตามสถานการณ์ทางการเมืองในเนเธอร์แลนด์ พร้อมทั้งประเมินและบริหารความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากความล่าช้าของนโยบายในช่วงที่รัฐบาลยังอยู่ในสถานะรักษาการ รวมถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อรับสถานการณ์และนโยบายที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อสามารถรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดเนเธอร์แลนด์และตลาดยุโรปในระยะยาว

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเฮก

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.ditp.go.th/post/205773&ct=ga&cd=CAIyHDI4ODcxZTExZDQzMWVlYzA6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw3Na3VBgTc3jzSmS8wnorcG

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *