วันอาทิตย์ ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สนามช้างฯ เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ต้อนรับมหกรรมซูเปอร์คาร์ระดับโลก “GT World Challenge Asia 2025” สนามที่ 3 ของฤดูกาล ซึ่งกลายเป็นมากกว่าการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ต แต่เป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจ การจ้างงาน และภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย บนเวทีโลก
GT World Challenge Asia 2025 จัดการแข่งขัน ทั้งในทวีปยุโรป, อเมริกา, ออสเตรเลีย และเอเชีย ซึ่งเป็นรายการชิงเจ้าความเร็วความเร็ว ที่แฟนความเร็วทั่วโลก ติดตามชมอย่างมาก ภายใต้ซูเปอร์คาร์ GT3 ตัวแรงมากถึง 30 คัน จากผู้ผลิตซูเปอร์คาร์ชั้นนำ อาทิ Mercedes-AMG, Ferrari 296, Porsche 911, Porsche 992, Lamborghini Huracan, Audi R8 LMS, BMW M4, Chevrolet Corvette Z06, Nissan GT-R NISMO ฯลฯ
โดยในเรซที่ 1 ชัยชนะเป็นของ “อวี้ ไคว่” และ “เฉิง กงฟู่” คู่หูนักแข่งชาวจีน ควบรถแข่ง อาวดี้ อาร์8 แอลเอ็มเอส จีที3 อีโว2 เข้าป้ายเป็นคันแรก ผงาดคว้าชัยชนะเรซแรก ไปครองอย่างสุดมันส์ ส่วนเรซที่ 2 แชมป์ คือ “เจฟรี อิบราฮิม” เจ้าชายแห่งยะโฮร์ ประเทศมาเลเซีย สร้างผลงานระดับมาสเตอร์ ควงทีมเมทชาวบริติช “เบน กรีน” ควบรถแข่ง เชฟโรเลต จีที3 ผงาดคว้าชัยชนะ เรซที่ 2 ปิดฉากสนาม 3 ของฤดูกาล 2025 อย่างสุดประทับใจ
แม้ยังไม่มีตัวเลขอย่างเป็นทางการ แต่การจัดแข่งขัน GT World Challenge Asia มีแนวโน้มสร้างรายได้ทางตรงและทางอ้อม ให้แก่ เศรษฐกิจไทยไม่ต่ำกว่า 400-500 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ขนส่งในพื้นที่ รวมถึง กิจกรรมเสริม เช่น พิทวอล์คโชว์ซูเปอร์คาร์ “พันล้าน” และการแข่งขันซัพพอร์ตเรซ ที่เติมเต็มความสนุก ให้กับแฟนความเร็ว ได้เชียร์นักแข่งไทย ในรายการ Honda One Make Race 2025 ที่ดึงดูดแฟนมอเตอร์สปอร์ตไทย เข้าร่วมงานอย่างคึกคัก
นอกจากนี้ ผู้ชมออนไลน์ทั่วโลกกว่า 47 ล้านวิว และการเข้าถึงบนแพลตฟอร์มดิจิทัลอีก กว่า 140 ล้านครั้ง ยังตอกย้ำถึงศักยภาพของไทย ในการจัดอีเวนต์ระดับสากล ที่สามารถนำเม็ดเงินและความสนใจเข้าสู่ประเทศทั้งในรูปแบบของการลงทุน การท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง
หนึ่งในไฮไลท์ ที่ได้รับความสนใจ จากแฟนมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลก คือ การแสดง “กันตรึมซิ่ง” ศิลปะพื้นบ้านอีสานใต้ ที่ถูกนำเสนอในช่วง Grid Walk ก่อนเริ่มการแข่งขัน สร้างความประทับใจ และ เสียงชื่นชมจากผู้ชมทั่วโลก สะท้อนการใช้ “Soft Power” ผสานศิลปวัฒนธรรมกับเทคโนโลยีระดับสูง ของมอเตอร์สปอร์ตได้อย่างลงตัว การนำเสนออัตลักษณ์ท้องถิ่นเช่นนี้ ไม่เพียงแค่ยกระดับภาพลักษณ์วัฒนธรรมไทย แต่ยังสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ๆ เช่น การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและการค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน
นายโชติชนก ชิดชอบ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจกรรมต่างประเทศ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต กล่าวว่า งานครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของไทย ในฐานะ “ศูนย์กลางมอเตอร์สปอร์ตแห่งเอเชีย” ที่ไม่ได้มีเพียงแค่สนามแข่งคุณภาพระดับโลก แต่ยังรวมถึง บุคลากร โครงสร้างพื้นฐาน และวิสัยทัศน์ในการเติบโตสู่ “อุตสาหกรรมมอเตอร์สปอร์ตเชิงเศรษฐกิจ” อย่างแท้จริง
“GT World Challenge Asia จึงไม่ใช่แค่การแข่งขัน แต่มันคือการแสดงพลังของ “เศรษฐกิจมอเตอร์สปอร์ต” ที่ไทยสามารถต่อยอดไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และกีฬาอาชีพ”
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.naewna.com/business/889902&ct=ga&cd=CAIyHGRmMjMzNDMzN2E0NjM2ZDg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw27VTz8MSYY0hmirkIKfy0D