ข้อควรรู้ ! “เงินเฟ้อ” เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจอย่างไร?

ข้อควรรู้-!-“เงินเฟ้อ”-เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจอย่างไร?
ข้อควรรู้ ! “เงินเฟ้อ” เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจอย่างไร?

ก่อนหน้านี้ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ ได้รายงานดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทยเดือนพฤษภาคม 2568 เท่ากับ 100.40 เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งเท่ากับ 100.98 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง 0.57% (YoY) ปัจจัยหลักมาจากการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มอาหารสด รวมทั้งมีการลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้า แก๊สโซฮอล์ และน้ำมันเบนซิน ตามสถานการณ์ราคาพลังงานในตลาดโลก สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่น ๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก

คอนเทนต์แนะนำ

ภาพจาก ธปท.
ข้อควรรู้ ! “เงินเฟ้อ” เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจอย่างไร?

PPTV Wealth จึงมีสาระดีๆ เรื่อง “เงินเฟ้อ เกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจอย่างไร” มาฝากกัน โดยนางสาวชุติกา เกียรติเรืองไกร เศรษฐกรอาวุโส ฝ่ายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เรียบเรียงไว้เริ่มจากกลไกการทำงานของระบบเศรษฐกิจและราคา
 
ภาคครัวเรือน
 
ครัวเรือนมีบทบาทสำคัญในการเป็นแรงงานในตลาดแรงงาน โดยมีค่าจ้างแรงงานเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจทำงาน ซึ่งหากในบางสาขามีจำนวนแรงงานมากกว่าความต้องการจ้างงาน ก็อาจทำให้ค่าจ้างปรับลดลง ตรงกันข้ามหากจำนวนแรงงานมีน้อย ค่าจ้างก็จะสูงขึ้น ทั้งนี้ ผลตอบแทนที่ครัวเรือนได้รับจากการจ้างงาน ก็จะนำไปใช้ซื้อสินค้าและบริการเพื่ออุปโภคบริโภคในชีวิตประจำวัน โดยหากความต้องการซื้อ (อุปสงค์) มีมาก ก็จะทำให้ราคาปรับสูงขึ้น แต่หากความต้องการซื้อมีน้อยก็จะทำให้ราคาปรับลดลง

ภาคธุรกิจ
 
ภาคธุรกิจมีบทบาทสำคัญในการจ้างงานและผลิตสินค้าและบริการ เพื่อขายให้กับครัวเรือน โดยหากความต้องการจ้างงานเพิ่มขึ้น ค่าจ้างก็จะปรับสูงขึ้น แต่หากความต้องการจ้างงานลดลง ค่าจ้างก็จะลดลงตามไปด้วย ทั้งนี้ หากธุรกิจมีผลประกอบการที่ดี สินค้าและบริการเป็นที่ต้องการของตลาด (อุปสงค์) มาก ก็จะมีโอกาสในการปรับขึ้นราคาสินค้าได้มาก ตรงกันข้ามหากสินค้าและบริการไม่ได้รับความนิยม การปรับเพิ่มราคาก็จะทำได้ยาก นอกจากนี้ หากต้นทุนสินค้า (อุปทาน) สูงขึ้น ผู้ประกอบการก็อาจปรับตัวด้วยการขึ้นราคาสินค้าและบริการได้

นโยบายการเงิน ดูแลเงินเฟ้ออย่างไร ?

โดย ธปท. ใช้นโยบายการเงิน ในการดูแลให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวได้อย่างเต็มศักยภาพ ราคาสินค้าไม่ผันผวนจนเกินไป และระบบการเงินมีเสถียรภาพ ผ่านการกำหนดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อให้ประชาชนมีรายได้และความเป็นอยู่ที่ดีในระยะยาว  
 
เงินเฟ้อที่เกิดจากปัจจัยด้านอุปสงค์
 
เมื่อความต้องการสินค้าและบริการ (อุปสงค์) สูงขึ้น จนทำให้ราคาและเงินเฟ้อสูงขึ้นมาก และเศรษฐกิจเติบโตร้อนแรงมากจนเกินไป ธนาคารกลางอาจจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเมื่ออัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้เพิ่มขึ้น ก็จะทำให้คนฝากเงินเพิ่มขึ้น และกู้ยืมเงินน้อยลง และทำให้ครัวเรือนลดการใช้จ่าย ภาคธุรกิจก็จะลงทุนน้อยลง และสามารถลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจลงได้ 

เงินเฟ้อที่เกิดจากปัจจัยด้านอุปทาน
 
เมื่อต้นทุนสินค้าและบริการ (อุปทาน) เพิ่มขึ้น ทำให้ราคาและเงินเฟ้อสูงขึ้นมาก เป็นเวลานาน จนมีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อเงินเฟ้อคาดการณ์ และทำให้พฤติกรรมการใช้จ่าย การกำหนดราคาสินค้า และค่าจ้างแรงงานเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะที่ทำให้เงินเฟ้อสูงค้างนาน ธนาคารกลางอาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่าธนาคารกลางติดตามดูแลเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นการยึดเหนี่ยวคาดการณ์เงินเฟ้อไม่ให้หลุดลอย
 
ทั้งนี้ หากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเกิดจากปัจจัยชั่วคราว และเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นแค่ในช่วงเวลาสั้น ๆ และสามารถคลี่คลายไปได้เอง ธนาคารกลางอาจไม่มีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.pptvhd36.com/wealth/trick-trend/250338&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2WI1b8z4Cs6iYaN7DVJGqo

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *