ค่ายรถแห่จองพื้นที่ Motor Expo 2025 สุดคึกคัก !
บริษัท สื่อสากล จำกัด เปิดจองพื้นที่งาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” ค่ายรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ มาครบ พื้นที่แสดงรถยนต์กว่า 95 % ถูกจองภายใน 35 นาที
ขวัญชัย ปภัสร์พงษ์ ประธานจัดงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” เปิดเผยว่า จากความสำเร็จของงานปีก่อน ที่มียอดจำหน่ายรถยนต์ 54,513 คัน จักรยานยนต์ 7,982 คัน สร้างเม็ดเงินสะพัดรวมกว่า 5.5 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้การเปิดจองพื้นที่ Motor Expo 2025 ภายในอาคารชาลเลนเจอร์ 1-3 รวม 60,000 ตารางเมตร ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยปีนี้มีการขยายพื้นที่รถยนต์ เพื่อต้อนรับแบรนด์ใหม่ๆ และถูกจองเต็มอย่างรวดเร็ว ส่วนพื้นที่สำหรับจักรยานยนต์ และอุปกรณ์เกี่ยวเนื่อง ถูกจองไปแล้วกว่า 90 %
“มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “อลังการงานแสดง-The Magnificent Motor Expo” โดยมีผู้อุปถัมภ์อย่างเป็นทางการ ได้แก่ บริษัท ทรู วิชั่นส์ กรุ๊ป จำกัด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) บริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด และบริษัท ฟินนิกซ์ ฟิล์ม จำกัด
ยิ่งไปกว่านั้น “IMC สื่อสากล” ผู้จัดงาน “มหกรรมยานยนต์” เล็งเห็นถึงความสำคัญของการจัดงานแบบยั่งยืน โดยมุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จากกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน และในงานแถลงข่าวปีนี้ ยังมีการมอบของทึ่ระลึก ที่ทำจากวัสดุรีไซเคิลจากป้ายไวนิลของการจัดงานปีก่อนอีกด้วย
พบกับงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 42” ณ อาคารชาลเลนเจอร์ IMPACT เมืองทองธานี ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2568 ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ motorexpo.co.th และทุกสื่อในเครือ “IMC สื่อสากล”
………………………………………………………………………………………………………..
Mitsubishi Triton ลุคใหม่ เข้ม
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย)ฯ เผยโฉม Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ทไรทัน) รุ่นปี 2025 ที่ได้รับการพัฒนาทั้งรูปลักษณ์ที่สะท้อนความดุดันมากยิ่งขึ้น ด้วยชิ้นส่วนสีดำเงารอบคัน ให้ความรู้สึกทรงพลัง โดดเด่น มีสไตล์ เพิ่มระบบอำนวยความสะดวก และเทคโนโลยีที่ช่วยในการขับขี่ เพื่อยกระดับสมรรถนะการขับขี่ให้สนุก เร้าใจ และเหนือชั้นกว่าเคย
เรียวอิจิ อินาบะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า Mitsubishi Triton รุ่นปี 2025 ไม่ได้เป็นเพียงรถกระบะสมรรถนะสูง แต่ยังเป็นรถที่มีดีไซจ์นโฉบเฉี่ยว จากการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า เรามีการปรับปรุงทั้งดีไซจ์นภายนอก และเพิ่มระบบอำนวยความสะดวกภายในมาอย่างครบครัน เพื่อให้ตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทยมากยิ่งขึ้น ทั้งในรูปแบบการใช้งานในชีวิตประจำวัน และวันหยุดพักผ่อนสุดสัปดาห์
“นอกจากการพัฒนารถให้ตอบโจทย์ลูกค้าชาวไทยเพิ่มมากขึ้นในทุกมิติแล้ว Mitsubishi ยังมอบความสบายใจให้แก่ลูกค้า ด้วยบริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม จากเครือข่ายผู้จำหน่ายที่มีศักยภาพ กระจายอยู่กว่า 190 แห่งทั่วประเทศไทย เพื่อให้บริการลูกค้าทุกท่านได้อย่างสะดวก รวดเร็ว ด้วยมาตรฐานสูงสุด”
Mitsubishi Triton รุ่นปี 2025 ปรับโฉมใหม่ และเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น ในรุ่น Mitsubishi Triton Double Cab Plus Ultra (มิตซูบิชิ ทไรทัน ดับเบิลแคบ พลัส อุลทรา) (รุ่น 4 ประตูยกสูง) ตกแต่งด้วยชิ้นส่วนสีดำเงารอบคัน เพื่อเพิ่มความเข้ม เท่ และดุดันมากกว่าเดิม ด้วยไดนามิค ชีลด์สีดำเงา กรอบไฟตัดหมอกสีดำเงา กระจกมองข้างสีดำเงา มือเปิดประตูด้านนอกสีดำเงา มือเปิดกระบะท้ายสีดำเงา กันชนหลังสีดำตกแต่งด้วยสีไททาเนียมรมดำ บันไดข้างสีดำ ตกแต่งสีไททาเนียมรมดำ และล้ออัลลอยสีดำ ขนาด 18 นิ้ว เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ภายในห้องโดยสารของ Mitsubishi Triton Double Cab Plus Ultra (รุ่น 4 ประตูยกสูง) เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันมากยิ่งขึ้น อาทิ ระบบลอคความเร็วแบบแปรผันอัตโนมัติ (Adaptive Cruise Control: ACC) ผู้ขับขี่สามารถตั้งค่าความเร็วตามที่กำหนด และระบบจะใช้เรดาร์ในการคำนวณเพื่อรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าตามที่เหมาะสม และสามารถชะลอความเร็วของรถให้เองโดยอัตโนมัติจนถึงจุดหยุดนิ่ง เพิ่มเติมจากเทคโนโลยีความปลอดภัย Diamond Sense และยังยกระดับความพรีเมียมไปอีกขั้น ด้วยระบบฟอกอากาศ nanoeTMX ที่ติดตั้งอยู่กับระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา มีคุณสมบัติในการสร้างอากาศบริสุทธิ์ ยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย ให้ความสดชื่น และลดอาการอ่อนเพลียในการเดินทาง มาพร้อมเบาะที่นั่งหนังสังเคราะห์
มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อน (Heat Guard) ให้ความสะดวกสบาย และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ขับขี่เร้าใจไปกับเครื่องยนต์ คลีนดีเซล เทอร์โบ Hyper Power ให้พละกำลังที่เหนือกว่า และประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น ด้วยกำลังสูงสุดที่ 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวทันเมตร ผสานช่วงล่างใหม่ และแชสซีส์เมกาเฟรมใหม่ที่ใหญ่ขึ้น และแข็งแรงขึ้น เพื่อประสบการณ์การขับขี่ที่นุ่มสบายเหนือระดับ คล่องตัวทั้งในเมือง และขณะเดินทางไกล
ทั้งนี้ สำหรับรถกระบะรุ่นเรือธง Mitsubishi Triton Athlete (มิตซูบิชิ ทไรทัน แอธลีท) รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) เพิ่มความสะดวกสบายในห้องโดยสารขึ้นกว่าเดิม ด้วยระบบฟอกอากาศ nanoeTMX สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ตลอดการเดินทาง นอกเหนือจากรูปลักษณ์ภายนอกที่สะดุดตา สปอร์ท ดุดัน ในแบบที่เป็นเอกลักษณ์ และไม่ซ้ำกับใคร การันตีด้วยรางวัลด้านการออกแบบระดับโลก iF Design Award 2024 แรงขึ้นไปอีกขั้น ด้วยเครื่องยนต์ Hyper Power X2 เครื่องยนต์คลีนดีเซล เทอร์โบ 2 สเตจ (Two-Stage Turbo) ผสานขุมพลังด้วยกำลังสูงสุดที่ 204 แรงม้า โดดเด่นด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Super Select 4WD II ที่มีชื่อเสียงของ Mitsubishi สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการส่งกำลังของเครื่องยนต์ และระบบขับเคลื่อนให้เหมาะสมกับสภาพเส้นทาง
นอกจาก 2 รุ่นข้างต้น Mitsubishi Triton Double Cab (รุ่น 4 ประตู) มาในลุคใหม่ เข้มเต็มขั้นยิ่งกว่าเดิม ด้วยไฟหน้า และไฟเดย์ไทม์ LED แบบใหม่ พร้อมเสริมความเข้ม ด้วยชิ้นส่วนตกแต่งสีดำเงา ไดนามิค ชีลด์สีดำเงา และกรอบไฟตัดหมอกสีดำเงา กระจกมองข้างสีดำเงา มือเปิดประตูด้านนอกสีดำเงา มือเปิดกระบะท้ายสีดำเงา และกันชนหลังสีดำตกแต่งด้วยสีไททาเนียมรมดำ ขับสนุกด้วยกำลังสูงสุดที่ 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 330 นิวทันเมตร
Mitsubishi Triton รุ่นปี 2025 มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 722,000 บาท สำหรับรุ่น Mitsubishi Double Cab Plus (รุ่น 4 ประตูยกสูง) มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ 914,000 บาท และ Mitsubishi Triton Athlete ขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) มีราคาจำหน่ายเริ่มต้น 1,299,000 บาท สามารถนัดหมายเพื่อทดลองขับ และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ผู้จำหน่ายรถยนต์ Mitsubishi ทั่วประเทศ หรือ Mitsubishi Call Center โทร. 0-2079-9500 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
*รางวัล iF Design Award ถือเป็นหนึ่งในรางวัลด้านการออกแบบอันทรงเกียรติระดับโลก ที่ดำเนินการต่อเนื่องมาอย่างยาวนานกว่า 70 ปี ได้รับการก่อตั้งโดยสถาบัน iF International Forum Design GmbH ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมืองฮันโนเฟร์ ประเทศเยอรมนี ภายใต้ 5 หลักเกณฑ์การพิจารณา ได้แก่ แนวคิด (idea) รูปทรง (form) การใช้งาน (function) ความโดดเด่น และแตกต่าง (differentiation) และกระแสตอบรับ (impact)
………………………………………………………………………………………………………….
เริ่มแล้ว ! ขับรถมอเตอร์ไซค์ไม่สวมหมวกกันนอคปรับ 2,000 บาท คนซ้อนไม่สวม ปรับคนขับ 2 เท่า
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ออกมาตรการเข้มภายใต้ “โครงการถนนปลอดภัย” เพื่อสร้างวินัยจราจรทั่วประเทศ โดยผู้ขับขี่ และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกกันนอค เพื่อป้องกันอันตรายในขณะขับขี่ และผู้โดยสารรถจักรยานยนต์ หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท และในส่วนของผู้โดยสารหากไม่สวมหมวกกันนอค ผู้ขับขี่จะมีโทษปรับเป็น 2 เท่า มีผลบังคับใช้เเล้วตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา
ไม่สวมหมวกกันนอค ค่าปรับเท่าไร ?
- ขี่ หรือซ้อนรถจักรยานยนต์โดยไม่สวมหมวกกันนอค ไม่เกิน 2,000 บาท/คน
- คนซ้อนไม่ใส่หมวก คนขับรับผิดเพิ่มเติม ปรับเพิ่ม 2 เท่า (สูงสุด 4,000 บาท)
ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก มาตรา 122 และระเบียบเพิ่มเติมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปี 2568
บังคับใช้จริงทั่วประเทศ
กฎหมายนี้มุ่งการเสริมสร้างวินัยจราจร และสร้างความปลอดภัยทางถนน เพื่อให้การบริหารงานจราจรเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และมีประสิทธิภาพ โดยจุดตรวจเข้มเริ่มต้นที่ถนนหน้าโรงเรียน ทางหลวงหลัก ถนนที่มีการฝ่าฝืนกฎจราจรจำนวนมาก และถนนที่มักเกิดอุบัติเหตุทั่วประเทศ ซึ่งตำรวจจราจร และตำรวจทางหลวงจะร่วมกันตั้งด่านตรวจหมวกกันนอคทุกวัน และดำเนินคดีทุกกรณีอย่างเข้มงวด
……………………………………………………………………………………….
เทคนิคเลือกหมวกกันนอคเด็ก
ในชีวิตประจำวันที่เร่งรีบของคนไทย รถจักรยานยนต์ที่มีจุดเด่นด้านความสะดวกสบาย และคล่องตัว ได้กลายมาเป็นยานพาหนะหลักของหลายครอบครัว รวมถึงครอบครัวที่มีเด็ก อย่างไรก็ตาม การเดินทางด้วยยานพาหนะดังกล่าว อาจแฝงไว้ด้วยความเสี่ยงที่หลายคนคาดไม่ถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเด็กต้องนั่งซ้อนท้ายโดย และไม่มีอุปกรณ์ป้องกันที่เหมาะสม
“กรุงศรี ออโต้” ผู้นำธุรกิจสินเชื่อยานยนต์ครบวงจร เครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ได้เล็งเห็นความสำคัญของประเด็นนี้ และต้องการให้ทุกคนสามารถห่างไกลจากอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น จึงได้สานต่อโครงการ LET’sponsible เพื่อร่วมปลูกฝังความรับผิดชอบต่อสังคม และส่งเสริมความปลอดภัยบนท้องถนนโดยมุ่งหวังให้ผู้ปกครองทราบถึงความสำคัญของการสวมหมวกกันนอคให้เด็ก และปลูกฝังให้พวกเขาเกิดพฤติกรรมสวมใส่หมวกกันนอคทุกครั้งที่เดินทาง พร้อมแนะนำวิธีเลือกหมวกกันนอคที่ถูกต้อง
เลือกหมวกกันนอคเด็กที่ใช่ต้องดูอะไรบ้าง
การเลือกหมวกกันนอคสำหรับเด็ก ไม่ใช่แค่เรื่องของขนาด หรือดีไซจ์น แต่ต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ความสะดวกสบาย และคุณภาพที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเด็กจะได้รับการปกป้องสูงสุดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยเมื่อต้องเลือกซื้อหมวกกันนอคเด็กใหม่ ควรพิจารณาจาก 5 เกณฑ์ ดังนี้
ขนาดกระชับ รับศีรษะเด็ก : หมวกนิรภัยที่พอดีกับศีรษะสามารถช่วยลดโอกาสบาดเจ็บที่ศีรษะ และสมองได้ถึง 69 % และลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ 39 %[1] ดังนั้น เพื่อให้หมวกกันนอคสามารถทำหน้าที่ป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ปกครองควรเลือกซื้อด้วยการวัดขนาดรอบศีรษะของเด็กในส่วนที่กว้างที่สุด บริเวณเหนือคิ้วประมาณ 1 นิ้ว (2.5 ซม.) หากรอบศีรษะที่วัดได้อยู่ระหว่างหมวกกันนอค 2 ขนาด ควรเลือกหมวกที่มีขนาดเล็กกว่าเพื่อความกระชับ อีกทั้ง ควรตรวจสอบอีกครั้งว่าไม่มีช่องว่างระหว่างหน้าผากกับหมวกที่สามารถสอดนิ้วเข้าไปได้ และเมื่อเขย่าศีรษะเบาๆ หมวกไม่ควรขยับมากเกินไป หรือทำให้รู้สึกบีบรัดจนทำให้รู้สึกอึดอัด
มีสายรัดไว้ มั่นใจทุกเวลา : แม้หมวกกันนอคจะพอดีกับศีรษะ แต่หากไม่มีสายรัดคาง หรือสายรัดไม่แน่นพอดี ก็อาจทำให้หมวกกันนอคหลุดออกเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ดังนั้น ผู้ปกครองควรตรวจสอบว่าสายรัดแน่นพอดี ไม่หลวมจนหมวกขยับได้ และไม่แน่นจนเกินไป พร้อมตรวจสอบให้มีระยะห่างระหว่างคางกับสายรัดไม่เกิน 1-2 นิ้วมือ เพื่อความสบาย และปลอดภัย นอกจากนี้ สายรัดคางอาจคลายตัวหลังการใช้งาน ผู้ปกครองควรเชคให้แน่ใจก่อนออกเดินทางทุกครั้ง
เลือกหมวกให้โดนใจ เด็กเต็มใจหยิบใส่ทุกวัน : เด็กจำนวนมากไม่ยอมสวมหมวกกันนอค เพราะรู้สึกอึดอัด หรือหมวกมีน้ำหนักมากเกินไป ด้วยเหตุนี้ การเลือกหมวกที่ระบายอากาศดี และน้ำหนักเบาจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยหมวกกันนอคควรมีช่องระบายหลายจุด เช่น ด้านบน และด้านหลัง เพื่อลดความร้อน และเหงื่อสะสม นอกจากนี้ อีกวิธีที่ช่วยให้เด็กเต็มใจสวมใส่หมวกกันนอค คือ ให้พวกเขามีส่วนร่วมในการเลือกหมวก โดยเลือกแบบที่มีสีสันสดใส หรือลวดลายที่เด็กชื่นชอบ
หมวกที่ดี ต้องมีมาตรฐาน : หมวกกันนอคที่ดีควรผ่านการรับรองมาตรฐานจากหน่วยงานที่เชื่อถือได้ เช่น มอก. ซึ่งควบคุมโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ECE R22.05 (ยุโรป) ที่ทดสอบแรงกระแทก และการดูดซับแรงสะเทือน
หมวกเสื่อม เปลี่ยนใหม่ ปลอดภัยกว่า : หมวกกันนอคมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 3-5 ปี หลังจากนั้นวัสดุอาจเสื่อมสภาพ อีกทั้งหากหมวกผ่านการกระแทกอย่างรุนแรง ควรเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะโครงสร้างด้านในอาจเสียหายแม้ภายนอกจะไม่เห็นรอยแตกก็ตาม นอกจากนี้ สำหรับเด็กที่อยู่ในวัยที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ผู้ปกครองควรหมั่นเชคขนาดของหมวกทุก 6-12 เดือน หากหมวกกันนอคเริ่มคับ หรือเด็กบ่นว่าอึดอัด ควรเปลี่ยนขนาดให้เหมาะสม และที่สำคัญห้ามใช้หมวกกันนอคมือสอง เพราะอาจมีรอยร้าว หรือเสื่อมสภาพจากการใช้งานก่อนหน้า ทำให้ความสามารถในการป้องกันลดลง และเพิ่มความเสี่ยงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
การสวมหมวกกันนอคให้เด็กทุกครั้งก่อนออกเดินทางไม่ว่าใกล้ หรือไกล เป็นหนึ่งสิ่งที่ผู้ปกครองไม่ควรมองข้าม เราทุกคนสามารถลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน เพียงเริ่มต้นจากการสวมใส่หมวกกันนอคให้แก่ตนเอง และลูกหลาน เพื่อปกป้องชีวิต และอนาคตของทุกคน มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ LET’sponsible กับกรุงศรี ออโต้ สร้างความปลอดภัยบนท้องถนน และส่งต่อความรับผิดชอบให้แก่สังคมไทยไปด้วยกัน
รู้หรือไม่
เด็กที่นั่งด้านหน้าของผู้ปกครอง มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่ศีรษะ/ใบหน้ามากกว่าเด็กที่นั่งด้านหลังถึง 2 เท่า
หมวกกันนอคสามารถลดการบาดเจ็บที่ศีรษะได้ 72 % และความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ถึง 39 %[2]
อุบัติเหตุของรถจักรยานยนต์ที่วิ่งด้วยความเร็ว 48 กม./ชม. เปรียบเสมือนการตกจากอาคาร 3 ชั้น[3]
………………………………………………………………………………………………………….
IMC มอบรางวัลผู้ร่วมแสดงในงาน Motor Expo 2024
บริษัท สื่อสากล จำกัด (IMC) ผู้จัดงาน “มหกรรมยานยนต์” หรือ Motor Expo ประกาศมอบรางวัลแก่บริษัทที่ร่วมแสดงในงาน “มหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 41” หรือ Motor Expo 2024 โดยแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ดังนี้
รางวัลบูธรถยนต์ที่ออกแบบ และตกแต่งได้งดงามที่สุดในงาน ได้แก่ บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
รางวัลบูธรถจักรยานยนต์ที่ออกแบบ และตกแต่งได้งดงามที่สุดในงาน ได้แก่ บริษัท ไทรอัมพ์ มอเตอร์ไซเคิลส์ (ไทยแลนด์) จำกัด
รางวัลบูธรถยนต์ที่ออกแบบ และตกแต่งได้สร้างสรรค์ที่สุดในงาน ได้แก่ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด
รางวัลบูธรถจักรยานยนต์ยนต์ที่ออกแบบ และตกแต่งได้สร้างสรรค์ที่สุดในงาน ได้แก่ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด
รางวัลรถยนต์ที่มีลักษณะสอดคล้องกับคำขวัญ “จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม…ยานยนต์ล้ำอนาคต” (Innovative Spirit…Futuristic Vehicles) ได้แก่ Denza Z9 GT บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด
รางวัลบริษัทรถยนต์ที่นำคำขวัญ “จิตวิญญาณแห่งนวัตกรรม…ยานยนต์ล้ำอนาคต” (Innovative Spirit…Futuristic Vehicles) มาแสดงออกสอดคล้องเป็นรูปธรรมที่สุดในงาน ได้แก่ บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด
รางวัลบูธรถยนต์ที่ควบคุมเสียงได้มาตรฐานที่สุดในงาน ได้แก่ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด
รางวัลบริษัทที่จัดชุดแต่งกายพรีเซนเตอร์ได้งามสง่าที่สุดในงาน ได้แก่ Lexus บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด-Lexus Group
พร้อมกันนี้ ยังมอบรางวัลแก่บริษัทที่นำรถยนต์เข้าร่วมแสดง ได้แก่
บริษัทที่นำรถยนต์แนวคิดมาเปิดตัวครั้งแรกในอาเซียน ได้แก่ iCAR X25 บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัทที่นำรถยนต์ต้นแบบมาเปิดตัวครั้งแรกในอาเซียน ได้แก่ Deepal P201 บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
รถยนต์เปิดตัวครั้งแรกในเอเชีย
Omoda C9 PHEV บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด
รถยนต์เปิดตัวครั้งแรกในอาเซียน
Aion V Aion Automobile Sales (Thailand) Co., Ltd.
Chery Fulwin E05 บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด
Deepal E07 บริษัท ฉางอาน ออโต้ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
Foton eTunland บริษัท มารูเบนิ (ประเทศไทย) จำกัด
Geely EX5 Thonburi Neustern Company Limited
Juneyao JY Air บริษัท จูนเหยา ออโต (ประเทศไทย) จำกัด
King Long Dracon บริษัท พี80 โก จำกัด
Leap Motor C10 บริษัท พระนครยนตรการ จำกัด
MG IM6 บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
Mazda BT-50 บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด
รถยนต์เปิดตัวครั้งแรกในไทย
Audi Q6 e-tron Audi Thailand by Meister Technik Company Limited
Aion M8 PHEV Aion Automobile Sales (Thailand) Co., Ltd.
BMW X3 M50 บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด
BYD Sealion 7 บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด
BYD Shark 6 บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด
Denza D9 บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด
Denza N7 บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด
Denza Z9 GT บริษัท เรเว่ ออโตโมทีฟ จำกัด
Geely EX5 Thonburi Neustern Company Limited
GWM Poer Sahar HEV บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด
GWM Tank 700 บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด
GWM Wey 80 บริษัท เกรท วอลล์ มอเตอร์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด
Hyundai Palisade Hyundai Mobility (Thailand) Co., Ltd.
Maserati Granturismo Folgore Maserati ประเทศไทย
Mercedes-Benz G-Class บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด
MINI Countryman S ALL4 บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู (ประเทศไทย) จำกัด
Neta S Shooting Brake บริษัท เนต้า ออโต้ (ไทยแลนด์) จำกัด
New Nissan Serena บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
Omoda J7 PHEV บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด
Riddara RD6 บริษัท ริดดารา ออโต้โมบาย (ประเทศไทย) จำกัด
Toyota GR Corolla บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
Volvo EX90 บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด
Xpeng X9 Xpeng Thailand
Zeekr 001FR บริษัท ซีเคอาร์ อินเทลลิเจนท์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด
Zeekr 7X บริษัท ซีเคอาร์ อินเทลลิเจนท์ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด
………………………………………………………………………………………………………….
ดิฟเฟอเรนเชียล (ไทยแลนด์)ฯ เผย 3 อันดับที่ลูกค้าพึงพอใจสูงสุด
บริษัท ดิฟเฟอเรนเชียล (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัทที่ปรึกษา และวิจัยการตลาดชั้นนำ เปิดเผยผลการศึกษาวิจัยดัชนีประสบการณ์ลูกค้าด้านการซ่อมสี และตัวถังรถยนต์ (BPCXI) ประจำปี 2568 ซึ่งเป็นการศึกษาในเรื่องนี้ครั้งแรกในประเทศไทย
การศึกษาวิจัยฯ มุ่งเน้นการศึกษาความพึงพอใจของลูกค้าที่มีต่อการบริการของศูนย์บริการซ่อมสี และตัวถังมาตรฐานของบริษัทรถยนต์ รวมถึงประสบการณ์ลูกค้าที่ใช้บริการที่อู่ซ่อมสี และตัวถังในเครือของบริษัทประกันภัยฯ โดยทำการศึกษาเชิงลึกจากกลุ่มเจ้าของรถยนต์ที่นำรถเข้ารับบริการซ่อมสี และตัวถังภายในช่วง 12 เดือนหลังจากการซ่อม โดยประเมินความพึงพอใจจาก 5 ปัจจัยหลัก (ตามลำดับความสำคัญ) ได้แก่ 1. ด้านคุณภาพงานบริการ 2. การตรงต่อเวลา 3. ด้านบุคลากร และสิ่งอำนวยความสะดวก 4. ด้านการสื่อสาร และความโปร่งใส และ 5. ด้านความสะดวกต่อการเข้าถึงบริการ
การศึกษาครั้งนี้ทำการเก็บรวบรวมข้อมูลจากเจ้าของรถยนต์ใหม่ 1,472 ราย ที่ซื้อรถระหว่างเดือนตุลาคม 2562-พฤศจิกายน 2567 และนำรถยนต์เข้ารับบริการซ่อมสี และตัวถัง ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2566-พฤศจิกายน 2567 โดยทำการศึกษาภาคสนามตั้งแต่เดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ที่ผ่านมา
การจัดอันดับดัชนีประสบการณ์ลูกค้าด้านการบริการซ่อมสี และตัวถังรถยนต์ (BPCXI) ประจำปี 2568 (จากระดับคะแนนเต็ม 1,000 คะแนน)
ศิรส สาตราภัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิฟเฟอเรนเชียล ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า การศึกษาดัชนีประสบการณ์ลูกค้าด้านการซ่อมสี และตัวถังรถยนต์ ในประเทศไทยครั้งนี้ เราพบว่า ศูนย์บริการซ่อมสี และตัวถังของผู้จำหน่ายรถ Isuzu (อีซูซุ) ได้คะแนนจากลูกค้าที่เข้ารับบริการเป็นอันดับ 1 ด้วยคะแนน 905 คะแนน จาก 1,000 คะแนน โดยโดดเด่นเป็นพิเศษในด้านการตรงต่อเวลาของการนัดหมาย การสื่อสารที่ชัดเจนของพนักงาน และความโปร่งใสในการให้บริการ และลำดับรองลงมา คือ ศูนย์บริการซ่อมสี และตัวถังของ Mazda (มาซดา) และของ Mitsubishi (มิตซูบิชิ) ซึ่งครองอันดับ 2 ร่วมกันด้วยคะแนน 903 คะแนน
“สิ่งที่มีความสำคัญสูงสุดต่อความพึงพอใจกับบริการซ่อมสี และตัวถังรถยนต์ คือ การตรงต่อเวลาของการรับรถหลังการซ่อม คุณภาพการซ่อมที่ดี และการสื่อสารของพนักงานที่ชัดเจน นอกจากนั้น เรายังพบจุดที่ควรปรับปรุงซึ่งเป็นปัญหาร่วมกันของหลายๆ บริษัท อาทิ ด้านความพร้อมของอะไหล่ การสื่อสารอัพเดทความคืบหน้าของการซ่อมเป็นระยะ รวมถึงความต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกในจุดบริการ เช่น Wi-Fi และเครื่องดื่มที่ควรมีบริการ ฯลฯ”
“นอกจากนั้น ยังพบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ ระหว่างศูนย์บริการซ่อมสี และตัวถังมาตรฐานของบริษัทรถยนต์ กับอู่ซ่อมสี และตัวถังในเครือของบริษัทประกันภัย โดยศูนย์บริการฯ ของบริษัทรถยนต์สามารถสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าในระดับที่สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัดในทุกๆ ด้าน ซึ่งย้ำถึงคุณค่าที่แตกต่างของลูกค้าที่เลือกจ่ายเบี้ยประกันภัยชั้นหนึ่งประเภทซ่อมห้าง ซึ่งให้สิทธิ์การเข้ารับบริการในศูนย์บริการซ่อมสี และตัวถังมาตรฐานของบริษัทรถ”
อย่างไรก็ตาม ผลจากการศึกษาวิจัยครั้งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการรับฟัง และทำความเข้าใจเสียงสะท้อนของลูกค้าเพื่อพัฒนาการบริการของทั้งศูนย์บริการซ่อมสี และตัวถังของบริษัทรถยนต์ และอู่ในเครือของบริษัทประกันอย่างจริงจังเพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้าของบริษัทฯ” ศิรส กล่าว
หมายเหตุ
1. การศึกษานี้ได้ทำการประเมินอย่างอิสระโดยบุคคลภายนอก ในประเด็นเกี่ยวกับประสิทธิภาพของบริษัทที่ให้บริการซ่อมสี และตัวถัง ที่ได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทรถยนต์ หรือเป็นพันธมิตรในเครือของบริษัทประกันภัยรถยนต์ในประเทศไทย
2. แผนภูมิ และกราฟจากข่าวเผยแพร่ฉบับนี้ หากนำไปใช้ จะต้องระบุ “แหล่งที่มา บริษัท ดิฟเฟอเรนเชียล (ไทยแลนด์) จำกัด”
3. การจัดอันดับจะพิจารณาจากคะแนนตัวเลข และอาจไม่จำเป็นต้องสะท้อนถึงความสำคัญทางสถิติ การใช้ข้อมูลในข่าวเผยแพร่ฉบับนี้เพื่อการโฆษณา หรือการส่งเสริมการขายต้องได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรล่วงหน้าจาก บริษัท ดิฟเฟอเรนเชียล (ไทยแลนด์) จำกัด
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.autoinfo.co.th/online/568053&ct=ga&cd=CAIyHDI4ODcxZTExZDQzMWVlYzA6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2hm1Ircbkrt3wmfD7GAt4W