กาแล็กซี่ เล็งลงทุน สถานบันเทิงครบวงจร ชี้เศรษฐกิจฟื้น หนุน GDP โต

Galaxy Entertainment Group สนใจลงทุน EC ในกรุงเทพฯ

นายเควิน เคลย์ตัน ยืนยันว่า ปัจจุบัน กาแล็กซี่ กรุ๊ป (GEG) ยังไม่มีข้อตกลงใดๆ กับบุคคลที่สามเกี่ยวกับการพัฒนา เอ็นเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ (EC ) ในกรุงเทพฯ

โดยระบุว่าทุกอย่างยังอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นของการพูดคุย และจะมีการยื่นข้อเสนอ (RFP) หลังจากการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ Entertainment Complex ผ่านรัฐสภาและวุฒิสภา 

“เราให้ความสนใจเป็นพิเศษในการลงทุนในกรุงเทพฯ” นายเคลย์ตันกล่าว “เราต้องการสร้าง Entertainment Complex  ที่เป็นแลนด์มาร์ค ซึ่งจะเป็นความภาคภูมิใจของประเทศไทย เหมือนที่เราประสบความสำเร็จมาแล้วกับ Galaxy Resorts Macau ที่มีทั้งอารีน่า สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับ MICE (การประชุม การท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล การประชุมนานาชาติ และการจัดนิทรรศการ) โรงแรมหลายแห่ง และสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย”

แม้จะมีข่าวลือและการพูดคุยในสื่อเกี่ยวกับสถานที่ตั้ง แต่ “กาแล็กซี่” ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกสถานที่ที่แน่ชัดในกรุงเทพฯ โดยเน้นย้ำว่าการลงทุนจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเงื่อนไขเหมาะสม ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดด้านภาษี การเข้าถึงตลาดมวลชน และระดับการลงทุนที่จำเป็น

โอกาสทางเศรษฐกิจและการจ้างงานมหาศาล

นายเคลย์ตันเน้นย้ำถึงผลกระทบเชิงบวกของ EC ขนาดใหญ่ที่มีต่อเศรษฐกิจและสังคม โดยอ้างอิงจากกรณีศึกษาของ Galaxy Resorts Macau และ Marina Bay Sands ในสิงคโปร์

“EC จะนำมาซึ่งการเติบโตของการท่องเที่ยวและ GDP ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ” เขากล่าว “แต่ไม่เพียงเท่านั้น ยังสร้างงานจำนวนมาก ตัวอย่างเช่น Galaxy Resorts Macau สร้างงานไปแล้ว 21,000 ตำแหน่ง เราตั้งเป้าที่จะจ้างงานคนไทยจำนวนมาก และจัดให้มีการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะ เพื่อให้คนรุ่นใหม่สามารถให้บริการที่มีคุณภาพสูงแก่ลูกค้าของเรา”

การลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่สิ่งก่อสร้าง แต่ยังรวมถึงมูลค่าทางเศรษฐกิจ การสร้างงาน การฝึกอบรมและพัฒนา และความภาคภูมิใจที่คนไทยจะมีต่อสิ่งที่กลายเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ

การรับมือกับความเสี่ยงทางสังคม และ บทเรียนจากสิงคโปร์

ประเด็นความกังวลเกี่ยวกับปัญหาทางสังคม เช่น การพนันและผลกระทบที่ตามมา เป็นสิ่งที่นายเคลย์ตันตระหนักดี โดยเขาได้เปรียบเทียบสถานการณ์ของประเทศไทยกับสิงคโปร์ในปี 2004-2005

“ประเทศไทยกำลังตั้งคำถามเดียวกันกับที่สิงคโปร์เคยตั้งในปี 2004-2005” นายเคลย์ตันกล่าว “สิงคโปร์มีตลาดการพนันขนาดใหญ่และกำลังเผชิญกับปัญหาด้านการท่องเที่ยว พวกเขาตัดสินใจที่จะนำ Entertainment Complex (EC) เข้ามา พร้อมกับมาตรการการเล่นเกมอย่างมีความรับผิดชอบ และบริการช่วยเหลือปัญหาการพนัน ซึ่งในขณะนั้นสิงคโปร์ยังไม่มีสิ่งเหล่านี้เลย”

นายเคลย์ตันชี้ให้เห็นว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีตลาดการพนันที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย โดยมีมูลค่าประมาณ 33,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการพนันที่ผิดกฎหมายและไม่มีการควบคุม และจากผลการวิจัยพบว่ามีคนไทยประมาณ 6 ล้านคนที่อาจมีความเสี่ยงจากปัญหาการพนัน แต่ไม่มีบริการสนับสนุนหรือโปรแกรมการเล่นเกมอย่างมีความรับผิดชอบรองรับ

“เมื่อ Entertainment Complex เข้ามาในประเทศไทย สิ่งที่เรานำมาด้วยคือระเบียบข้อบังคับ กระบวนการ ขั้นตอน และโปรแกรมสนับสนุนทั้งหมด” เขากล่าว “มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าปัญหาการพนันอาจไม่หมดไป แต่จะลดลง และมีการจัดการที่ดีขึ้น เพราะมีโปรแกรมเหล่านี้เข้ามาช่วยลดและบริหารจัดการปัญหา”

ข้อเสนอแนะเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย

เมื่อถูกถามถึงข้อเสนอแนะที่ประเทศไทยควรปรับปรุงเพื่อดึงดูดประโยชน์สูงสุดจาก EC นายเคลย์ตันเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเรียนรู้จากโมเดลของสิงคโปร์

“เราได้ยินเรื่องสิงคโปร์กันมามากในเช้านี้” เขากล่าว “ประเทศไทยเป็นประเทศที่ยอดเยี่ยมในตัวเอง เป็นหนึ่งในสิบอันดับแรกของสถานที่ท่องเที่ยวทั่วโลก แต่สิ่งที่ไทยกำลังประสบคือการดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มีมูลค่าสูง EC จะดึงดูดลูกค้าและนักท่องเที่ยวที่มีมูลค่าสูงขึ้น สร้างผลตอบแทนที่มากขึ้น”

นายเคลย์ตันแนะนำว่าประเทศไทยควรพิจารณาอย่างรอบคอบในการนำแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดของสิงคโปร์มาปรับใช้ทันที และทำงานร่วมกับบริษัท Entertainment Complex ในลักษณะของความร่วมมือ นอกจากนี้ยังควรเปิดใจรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายค้านและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลัก เพื่อให้เกิดความร่วมมืออย่างปรองดอง โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและระเบียบข้อบังคับ ซึ่งอาจรวมถึงผู้เชี่ยวชาญจากสิงคโปร์ มาร่วมให้คำปรึกษาด้วย

“เมื่อทุกคนมารวมตัวกันและมุ่งเน้นไปที่เป้าหมายเดียวกันเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย ผมคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้เร็วมาก และจะนำไปสู่สิ่งที่มีพลังอย่างยิ่งสำหรับประเทศนี้” นายเคลย์ตันกล่าวทิ้งท้าย

การจัดตั้ง Entertainment Complex ในประเทศไทยจึงเป็นประเด็นที่ซับซ้อน แต่หากมีการวางแผนและบริหารจัดการอย่างรอบคอบ โดยเรียนรู้จากบทเรียนของประเทศอื่น และนำแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดมาปรับใช้ ก็มีศักยภาพที่จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างประโยชน์ที่ยั่งยืนให้กับคนไทย