เปิดแผน “Digital ID” ระยะที่ 2 เปลี่ยนเศรษฐกิจ-สังคมยุคดิจิทัล | เดลินิวส์

เปิดแผน-“digital-id”-ระยะที่-2-เปลี่ยนเศรษฐกิจ-สังคมยุคดิจิทัล-|-เดลินิวส์
เปิดแผน “Digital ID” ระยะที่ 2 เปลี่ยนเศรษฐกิจ-สังคมยุคดิจิทัล | เดลินิวส์

ประเทศไทย ได้มีนโยบายส่งเสริมการใช้งาน Digital ID หรือ Digital Identity   เพื่อพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลให้สามารถใช้งานได้จริง!!

เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลของประเทศให้เกิดเป็นระบบนิเวศน์ที่รองรับการทำธุรกรรมออนไลน์ที่เชื่อมโยงกับ Digital ID  เพื่อการพิสูจน์และการยืนยันตัวตนทางดิจิทัล มีความปลอดภัย น่าเชื่อถือ หวังให้กลายเป็นกุญแจหลักในการขับเคลื่อนประเทศในยุคดิจิทัล

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โดย สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ เอ็ตด้า จึงได้  “กรอบการขับเคลื่อนการให้บริการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลประเทศไทย ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2565 – 2567)” หรือ “Digital ID Framework ระยะที่ 1”   ซึ่งถือเป็น “แผนปฏิบัติการ Digital ID ระดับชาติ” เพื่อรวมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อน Digital ID เกิดการใช้งานในวงกว้าง

ซึ่งตลอดระยะเวลา 3 ปีของเฟสแรก ภายใต้ Digital ID Framework ระยะที่ 1 ได้สร้างฐานการใช้งาน Digital ID ผ่านบริการภาครัฐและเอกชนหลากหลายบริการ โดยคนไทยมีการใช้งานและ Digital ID ผ่านแอปพลิเคชันตลอดจนบริการต่างๆ รวมไม่น้อยกว่า 113 ล้านคน ประกอบด้วย แอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” มีผู้ใช้งานมากถึง 30 ล้านคน (ข้อมูล ณ วันที่ 16 ต.ค.67), แอปพลิเคชัน “ThaiD” ของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย มีผู้ใช้บริการ 21 ล้านคน (ข้อมูล ณ วันที่ 8 ม.ค.68)

แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยธนาคารกรุงไทย มีผู้ใช้งาน 40 ล้านคน (ข้อมูล ณ วันที่ 23 พ.ค.67), แพลตฟอร์ม NDID ซึ่งใช้ในธุรกรรมด้านการเงิน มีผู้ใช้งาน 22 ล้านคน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ส.ค.67) และบริการ Mobile ID ที่ใช้ระบุตัวตนผ่านหมายเลขโทรศัพท์มือถือ มีผู้ใช้งานในช่วงทดสอบ 150,000 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ส.ค.67) และคาดว่าในอนาคตจะมียอดการใช้งาน Digital ID เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน ทางเอ็ตด้า ได้เดินหน้าสู่ “Digital ID Framework ระยะที่ 2 (พ.ศ. 2568 – 2570)”โดยมุ่งเป้าหมายที่ชัดเจน คือ การทำให้ Digital ID กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชน เข้าด้วยกันในระบบนิเวศดิจิทัลที่ปลอดภัย ไร้รอยต่อ และครอบคลุมทุกภาคส่วน รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล

ภายใต้ 5 เป้าหมายหลักของเฟส 2 ที่ตอบโจทย์อนาคต ไม่ว่าจะเป็น 1.ยกระดับธุรกรรมดิจิทัลให้ใช้งานสะดวกและเข้าถึงง่าย 2. เสริมสร้างให้ธุรกรรมดิจิทัลมั่นคงปลอดภัย มีการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 3.ส่งเสริมการบูรณาการและการทำงานร่วมกันระหว่างภาคส่วนและระหว่างประเทศ 4. เพิ่มการใช้งานให้แพร่หลายเป็นวงกว้าง ครอบคลุมทุกภาคส่วน และ 5. สร้างกลไกให้เกิดธรรมาภิบาลในการให้บริการ

โดยได้วางแผนการขับเคลื่อนผ่าน 6 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่  กลยุทธ์ที่ 1 ส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการภาครัฐด้วย Digital ID ได้อย่างสะดวกและครอบคลุม ที่เน้นผลักดันให้ประชาชนสามารถใช้ Digital ID เข้าถึงบริการทั้งจากภาครัฐและเอกชนได้มากขึ้น โดยขยายกลุ่มเป้าหมายให้ครอบคลุมถึงนิติบุคคล คนต่างด้าว และกลุ่มเปราะบาง

กลยุทธ์ที่ 2 สร้างความเชื่อมั่นในการใช้ Digital ID เพื่อป้องกันการปลอมแปลงและการฉ้อโกง มุ่งส่งเสริมความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน ผ่านช่องทางสื่อต่าง ๆ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้รู้เท่าทันมิจฉาชีพ รู้จักตรวจสอบแหล่งที่มาอย่างรอบคอบก่อนติดตั้งแอปพลิเคชัน หรือ สแกน QR code หรือ คลิกลิงก์ ที่อาจเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวง

กลยุทธ์ที่ 3 ส่งเสริมการใช้ Digital ID ในการทำธุรกรรมนิติบุคคล ผลักดันให้เกิดระบบรองรับธุรกรรมนิติบุคคลด้วย Digital ID ที่เชื่อถือได้ เช่น ระบบกลางสำหรับการมอบอำนาจ เพื่อให้ผู้ให้บริการสามารถตรวจสอบอำนาจของผู้ดำเนินการแทนนิติบุคคลได้อย่างมั่นใจ

กลยุทธ์ที่ 4 สนับสนุนการใช้ Digital ID เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างภาคส่วน วางมาตรฐานและสร้างระบบนิเวศในการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างภาคธุรกิจและภาครัฐ ทั้งในรูปแบบ B2B, B2G และ G2G ให้มีความปลอดภัยและสอดคล้องกับโมเดลทางธุรกิจ

กลยุทธ์ที่ 5 ผลักดันโครงสร้างพื้นฐานในการพิสูจน์ตัวตนของคนต่างด้าว ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อพัฒนากลไกการพิสูจน์ตัวตนของคนต่างด้าว โดยนำข้อมูลการเข้า–ออกประเทศมาใช้ในการอ้างอิงเพื่อทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้อย่างมั่นใจ

และกลยุทธ์ที่ 6 พัฒนากลไกติดตามและประเมินความเสี่ยงของผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ Digital ID เพื่อสร้างความมั่นใจว่าระบบ Digital ID ที่ใช้อยู่จะมีความปลอดภัยสูงสุด ทั้งในมุมของผู้ให้บริการและผู้ใช้งาน โดยเฉพาะในยุคที่ภัยคุกคามทางไซเบอร์ทวีความซับซ้อนมากขึ้น

 อย่างไรก็ตามภายใต้กรอบการทำงานตามแผนเฟสสองนั้น ได้วางเป้าหมายภายในปี 70 คาดว่าประชาชน นิติบุคคล และคนต่างด้าว จะสามารถใช้ Digital ID เพื่อเข้าถึงบริการ e-Service ได้อย่างทั่วถึง โดยประชาชนจะสามารถเข้าถึงบริการภาครัฐไม่ต่ำกว่า 1,000 รายการ และมีการนำร่องให้กลุ่มนิติบุคคลและคนต่างด้าวสามารถใช้บริการได้อย่างน้อย 8 กลุ่มภาคบริการ นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมให้ประชาชนสามารถใช้ เอกสารรับรองดิจิทัล เอกสารสำแดงดิจิทัล และกระเป๋าเอกสารดิจิทัล (Document Wallet) แทนเอกสารกระดาษในการทำธุรกรรม แบ่งเป้าหมายรายปี คือ

ปี 2568-เร่งเริ่มต้นระบบใหม่ วางรากฐานเชิงเทคนิคและเชิงนโยบาย เช่น ประชาชนเข้าถึง Digital ID ได้สะดวกขึ้น ด้วยการใช้ระบบพิสูจน์ตัวตนด้วยใบหน้าทางดิจิทัล (Face Verification Service) ของกรมการปกครอง เชื่อม Digital ID กับบริการ e-Service ต่างๆ และทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของนิติบุคคล นำร่องในกลุ่มงานบริการภาคการเงินในบริการการเปิดบัญชี การขอสินเชื่อ  และประชาชนใช้ Digital ID เพื่อลดปัญหาการปลอมแปลงตัวตนและการฉ้อโกง (Fraud) ของหน่วยงานภาคการเงิน การธนาคาร ป็นต้น

ปี 2569-เดินหน้าขยายการเข้าถึง และเริ่มใช้จริงในหลายบริบท เช่น กลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้เยาว์และผู้สูงอายุ สามารถใช้ Digital ID เพื่อเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้ ขยายผลการทำธุรกรรมของนิติบุคคลไปยังกลุ่มงานบริการภาครัฐ และนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าว สามารถใช้ Digital ID เข้าถึง e-Service ขณะที่ประชาชนเริ่มมีการใช้งานเอกสารรับรองดิจิทัลและเอกสารสำแดงดิจิทัล และ ประชาชนใช้ Digital ID ในการเข้าใช้บริการแพลตฟอร์ดิจิทัล ลดปัญหาการปลอมแปลงตัวตนและการฉ้อโกง (Fraud) กลุ่มบริการ Online Market Place, Social Commerce, Social Media และ Ride Sharing เป็นต้น

ปี 2570-บรรลุเป้าหมายสำคัญ สร้างผลลัพธ์เชิงระบบในระดับประเทศ เช่นประชาชนใช้ Digital ID เพื่อเข้าถึงบริการ e-Service ภาครัฐได้ไม่น้อยกว่า 1,000 บริการ e-Service ขยายผลการทำธุรกรรมของนิติบุคคล ไปยังกลุ่มงานบริการภาคการค้า นักศึกษา คนต่างด้าวที่อยู่ในไทยระยะยาว สามารถใช้ Digital ID ในการทำ e-Service และ ประชาชนใช้ Digital ID ในการเข้าใช้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล ลดปัญหาการปลอมแปลงตัวตนและการฉ้อโกง เป็นต้น

Digital ID ไม่ใช่เพียงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของประเทศ แต่ถือเป็นหัวใจและรากฐานที่รองรับการเติบโตเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของไทยด้วย

จิราวัฒน์ จารุพันธ์

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.dailynews.co.th/news/4744175/&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2q8i9Z8r52IMvYyu8N5XF-

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *