อาเซียนยืนยันสนับสนุนการค้าเสรีพหุภาคี แม้เผชิญแรงกดดันจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ – กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

อาเซียนยืนยันสนับสนุนการค้าเสรีพหุภาคี-แม้เผชิญแรงกดดันจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ-–-กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
อาเซียนยืนยันสนับสนุนการค้าเสรีพหุภาคี แม้เผชิญแรงกดดันจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ – กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

ที่มา : สำนักข่าว Berita Harian

กลุ่มประเทศอาเซียนยังคงยึดมั่นในหลักการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคีภายใต้กติกาสากล แม้จะต้องเผชิญแรงกดดันจากมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

เติงกู ดาตุก เซอรี ซัฟรุล อับดุล อาซิซ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน การค้า และอุตสาหกรรมของมาเลเซีย (MITI) กล่าวภายหลังการประชุมสภาชุมชนเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ครั้งที่ 25 ว่า อาเซียนไม่มีแผนตอบโต้ด้วยมาตรการภาษี เนื่องจากเชื่อมั่นในระบบการค้าพหุภาคีที่มีองค์การการค้าโลก (WTO) เป็นกลไกหลัก

“อาเซียนจะไม่ใช้มาตรการภาษีเพื่อตอบโต้ เนื่องจากเรายึดมั่นในหลักการของความร่วมมือพหุภาคี และจะรักษาความเป็นกลางของภูมิภาค” รัฐมนตรีกล่าว พร้อมย้ำถึงความจำเป็นในการดำเนินการเจรจาอย่างสร้างสรรค์กับสหรัฐฯ

ที่ผ่านมา อาเซียนได้แสดงจุดยืนร่วมในเวทีหารือกับประเทศคู่ค้าสำคัญ เช่น จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ว่าด้วยความท้าทายของมาตรการภาษีระดับโลก และการส่งเสริมความเป็นหนึ่งเดียวกันของภูมิภาค

เติงกู ซัฟรุล ยังกล่าวว่า แม้แต่ละประเทศจะมีอำนาจอธิปไตยในการเจรจาทวิภาคีของตน แต่อาเซียนจะยังคงเสริมสร้างจุดยืนร่วมกันในกรอบความร่วมมือของกลุ่มต่อไป

ในด้านความร่วมมือเศรษฐกิจ อาเซียนยังคงให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับ
กลุ่มเศรษฐกิจสำคัญ เช่น สหภาพยุโรป (EU), ความตกลง CPTPP และความตกลง RCEP รวมถึงการพิจารณาความร่วมมือกับกลุ่มเศรษฐกิจ BRICS ซึ่งอินโดนีเซียได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกแล้ว

รัฐมนตรีกล่าวว่า ความร่วมมือกับกลุ่มเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมการค้า การลงทุน และสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในภูมิภาค

ทั้งนี้ อาเซียนยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มสัดส่วนการค้าระหว่างประเทศสมาชิก (Intra-ASEAN trade) ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนเพียงประมาณร้อยละ 23 โดยคาดว่าอัตราการเติบโตของ GDP อาเซียนในปี 2568 จะอยู่ที่ร้อยละ 4.7 และอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 3 แม้จะมีความเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลก

ในตอนท้าย รัฐมนตรีแสดงความหวังว่า การสรุปสาระสำคัญของความตกลง ATIGA ฉบับปรับปรุง และกรอบเศรษฐกิจดิจิทัล (DEFA) จะช่วยส่งเสริมการค้าภายในภูมิภาคให้เติบโตยิ่งขึ้น

ด้านดาโต๊ะ มัสตูรา อาหมัด มุสตาฟา รองปลัดกระทรวงการค้า และหัวหน้าคณะเจรจาภาษีกับสหรัฐฯ กล่าวว่า ปัญหาเกี่ยวกับสินค้าในระหว่างการขนส่ง โดยเฉพาะในกรณีของประเทศสมาชิกอาเซียน เช่น ไทยจะได้รับการหารือภายใต้กลไกทางเทคนิคและข้อตกลงร่วมกันของอาเซียน เพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการกีดกันทางการค้าในภูมิภาค

บทวิเคราะห์ผลกระทบ

ท่าทีของอาเซียนที่ยังคงยึดมั่นในระบบการค้าพหุภาคี แม้เผชิญแรงกดดันจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ส่งผลดีในภาพรวมต่อเสถียรภาพการค้าและการลงทุนในภูมิภาค รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะภาคธุรกิจส่งออกที่ยังสามารถอาศัยกรอบความร่วมมือ เช่น RCEP, CPTPP และ ATIGA ฉบับปรับปรุงเป็นแนวทางกระจายความเสี่ยงจากตลาดสหรัฐฯ และขยายโอกาสทางการค้ากับพันธมิตรอื่น ๆ ขณะเดียวกัน ความพยายามเพิ่มสัดส่วนการค้าภายในอาเซียน (Intra-ASEAN trade) ยังเป็นโอกาสที่สำคัญต่อผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SME ที่อาจเข้าถึงตลาดภูมิภาคได้มากขึ้นผ่านความร่วมมือทางเศรษฐกิจดิจิทัลและการเจรจาระดับภูมิภาคที่อาเซียนกำลังดำเนินการ

ความคิดเห็น สคต.

สำนักงานฯ มึความเห็นว่า ท่าทีของอาเซียนในครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการรักษาความร่วมมือทางเศรษฐกิจและความเป็นกลางของภูมิภาค ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทยอย่างยิ่ง สำนักงานฯจะสนับสนุนให้ภาคธุรกิจไทยใช้ประโยชน์จากข้อตกลงทางการค้าในภูมิภาค เช่น RCEP, CPTPP และ ATIGA ฉบับปรับปรุง เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและขยายตลาดการส่งออก นอกจากนี้ สำนักงานฯ จะติดตามความคืบหน้าในการหารือประเด็นด้านภาษีและข้อจำกัดทางการค้าระหว่างประเทศอย่างใกล้ชิด พร้อม วิเคราะห์สถานการณ์ และแจ้งเตือนผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถปรับตัวและดำเนินธุรกิจได้อย่างมั่นคงภายใต้ความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.ditp.go.th/post/205155&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw3lGG5hzsT–VCmUGZ8EiLf

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *