ครม.โยกเงินดิจิทัล1.57แสนล้านพลิกเกมกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่

ครมโยกเงินดิจิทัล1.57แสนล้านพลิกเกมกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่
ครม.โยกเงินดิจิทัล1.57แสนล้านพลิกเกมกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่

รัฐบาลอัดฉีดงบฯ 1.57 แสนล้านบาท โยกจากดิจิทัลวอลเล็ต เน้น 4 แผนหลัก 5 เรื่องสำคัญ หวังกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ฟื้นการท่องเที่ยวยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ

งบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท: ยุทธศาสตร์กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของรัฐบาล

ภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจที่ต้องการการกระตุ้น รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 157,000 ล้านบาท ซึ่งถูกโยกมาจากโครงการเงินดิจิทัล โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจให้ได้มากที่สุด และสร้างผลทวีคูณ (Multiplier Effect) ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยงบประมาณก้อนนี้จะถูกนำไปใช้ใน 4 แผนหลักเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเน้น 5 เรื่องสำคัญ และเร่งรัดให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเบิกจ่ายให้เสร็จสิ้นภายในปีงบประมาณนี้

แผนการดำเนินงานและกรอบเวลา

รัฐบาลได้กำหนดกรอบเวลาการดำเนินงานไว้อย่างชัดเจน โดยในเดือนพฤษภาคม 2568 หน่วยงานต่างๆ จะต้องยื่นข้อเสนอโครงการ จากนั้นในเดือนมิถุนายน 2568 ครม. จะพิจารณาอนุมัติโครงการ และสำนักงบประมาณจะจัดสรรงบประมาณให้กับหน่วยงานต่างๆ ในเดือนกรกฎาคม 2568 เพื่อให้การเบิกจ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างรวดเร็วและทันท่วงที

4 แผนหลักและ 5 เรื่องที่เน้น

งบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท จะถูกจัดสรรภายใต้ 4 แผนหลักเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้แก่:

  • โครงสร้างพื้นฐานน้ำ
  • เศรษฐกิจชุมชน
  • การเพิ่มผลผลิตและลดผลกระทบทางเศรษฐกิจ
  • การท่องเที่ยว

ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังได้เน้นย้ำถึง 5 เรื่องสำคัญที่จะได้รับงบประมาณเป็นพิเศษ ได้แก่

  • การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
  • ระบบน้ำ
  • ระบบคมนาคม
  • การท่องเที่ยวและส่งออก
  • การปั้นเศรษฐกิจชุมชน
  • ตัวอย่างโครงการที่ได้รับพิจารณา

มีหลายโครงการที่คาดว่าจะได้รับจัดสรรงบประมาณ 

  • การสนับสนุนกองทุนหมู่บ้าน (SML)
  • การพัฒนาเศรษฐกิจชุมชนและทุนมนุษย์ด้านการศึกษา
  • การพัฒนาภาคแรงงาน, การให้สินเชื่อ, การส่งเสริมการส่งออก, การพัฒนาด้านดิจิทัล และภาคเกษตรกรรม
  • การพัฒนาพื้นที่เพาะปลูกและเทคโนโลยีการเกษตร
  • การพัฒนาเมืองรองและแหล่งท่องเที่ยว รวมถึงการติดตั้ง CCTV, การพัฒนาห้องน้ำและสนามกีฬา
  • การพัฒนาระบบชลประทาน และการตัดถนนเชื่อมพื้นที่เกษตรกรรมและการท่องเที่ยว
  • การกำกับดูแลและการป้องกันการทุจริต
  • เพื่อให้มั่นใจว่างบประมาณจะถูกใช้อย่างโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ รัฐบาลได้วางมาตรการกำกับดูแลที่เข้มงวด โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและเร่งรัดการเบิกจ่าย นอกจากนี้ กรมบัญชีกลางจะพิจารณาผ่อนปรนเกณฑ์การเบิกจ่ายเพื่อให้รวดเร็วขึ้น แต่ยังคงยึดหลักการไม่ให้เกิดการรั่วไหล และจะมีการจัดตั้งคณะกรรมการเกาะติดโครงการเพื่อป้องกันการทุจริตในทุกขั้นตอน
     

ข้อเสนอแนะจากธนาคารแห่งประเทศไทย

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยได้ให้ข้อเสนอแนะที่สำคัญ โดยเน้นย้ำให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง เช่น ผู้ส่งออกและผู้ผลิต นอกจากนี้ ยังเสนอให้เร่งรับมือกับปัญหาสินค้าราคาถูกทะลักเข้าประเทศ (Import Dumping) โดยการใช้กฎหมายและกระบวนการไต่สวนอย่างจริงจัง รวมถึงการกำหนดให้แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ขายสินค้าในไทยมีระบบชำระภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชัดเจน

การตอบสนองจากหน่วยงานต่างๆ

หน่วยงานภาครัฐต่างให้ความสนใจต่องบประมาณก้อนนี้เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกระทรวงหลักที่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ:

  • กระทรวงมหาดไทย: ได้สั่งการให้ทุกจังหวัด องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และเทศบาล เร่งเสนอโครงการ
  • กระทรวงคมนาคม: ได้สั่งการให้กรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบทเตรียมความพร้อมโครงการต่างๆ โดยกรมทางหลวงเสนอ 100 โครงการ งบประมาณหมื่นล้านบาท ขณะที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เสนอ 123 โครงการ งบประมาณ 2,700 ล้านบาท อาทิ การปรับปรุงลานคอนเทนเนอร์ รั้ว สถานี และการศึกษาเส้นทางใหม่ ส่วนการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ขออนุมัติงบประมาณเพื่อชดเชยเอกชนและค่าเวนคืนที่ดิน
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา: ขออนุมัติงบประมาณ 3,180 ล้านบาท เพื่อโครงการต่างๆ เช่น โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง, การสนับสนุนแพลตฟอร์มท่องเที่ยวออนไลน์, และการส่งเสริมตลาดจีน
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์: เน้นโครงการชลประทานและการจ้างแรงงานเกษตรกรในช่วงว่างงาน

ข้อสังเกตสำคัญ

ทุกกระทรวงและหน่วยงานต่างให้ความสำคัญกับงบประมาณก้อนนี้เป็นอย่างมาก โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงสุด โครงการที่ได้รับพิจารณาจะเน้นไปที่โครงการที่สามารถเบิกจ่ายได้เร็ว (Quick Win) และสามารถสร้างผลดีในระยะยาวให้กับประเทศได้

งบประมาณ 1.57 แสนล้านบาทนี้ จึงเป็นความหวังสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวและเติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคตอันใกล้

เนื้อหาประกอบรายงานข่าว ที่มา เนชั่นอินไซต์

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.posttoday.com/politics/724994&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw0JNUi7jQ646_1St1mDgwSJ

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *