แบงก์ชาติ ส่งหนังสือถึง รัฐบาล แนะใช้ 1.57 แสนล้าน ดูแลผู้ส่งออก

แบงก์ชาติ-ส่งหนังสือถึง-รัฐบาล-แนะใช้-1.57-แสนล้าน-ดูแลผู้ส่งออก
แบงก์ชาติ ส่งหนังสือถึง รัฐบาล แนะใช้ 1.57 แสนล้าน ดูแลผู้ส่งออก

เศรษฐกิจ

27 พ.ค. 2025 เวลา 15:38 น.

แบงก์ชาติ ส่งหนังสือถึง รัฐบาล แนะใช้ 1.57 แสนล้าน ดูแลผู้ส่งออก

“ผู้ว่าแบงก์ชาติ” ส่งหนังสือถึงรัฐบาล แนะตีกรอบใช้งบกระตุ้น ศก. 1.57 แสนล้าน ดูแลกลุ่มผู้ส่งออกสินค้าไปสหรัฐ /กลุ่มผู้ผลิตที่กระทบจากสินค้าทะลักเข้าไทย

  • “ผู้ว่าแบงก์ชาติ” ส่งหนังสือถึงรัฐบาล แนะตีกรอบใช้งบกระตุ้นศก. 1.57 แสนล้าน
  • ควรใช้ดูแลกลุ่มผู้ส่งออกสินค้าไปสหรัฐ / กลุ่มผู้ผลิตที่กระทบจากสินค้าทะลักเข้าไทย
  • เผยข้อมูล 2565-2567 สินค้านำเข้าสุดท้ายเพิ่ม 1.3 หมื่นล้าน
  • ระบุกลุ่ม SME เจอ import flooding ปรับตัวยาก

ภายหลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยโยกงบประมาณที่จะใช้กับโครงการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เฟส 3 มาดำเนินโครงการอื่นแทนนั้น

สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้มีหนังสือด่วนที่สุด แจ้งว่ากระทรวงการคลัง ได้เสนอเรื่องแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท และขอให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เสนอความเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อประกอบการพิจารณาของ ครม.โดยด่วน ซึ่ง นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เสนอความเห็นมายัง ครม. มีสาระสำคัญดังนี้ 

ธปท. เห็นด้วยกับการทบทวนแผนการใช้งบประมาณให้สอดรับกับสภาวการณ์ ทางเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ทันท่วงที และไม่ขัดข้องกับหลักการของแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ที่เน้นการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การเพิ่มผลิตภาพการผลิต และการรักษาระดับการจ้างงาน โดยเฉพาะในภาคการผลิต และการส่งออกที่มีแนวโน้มได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าและการประกาศนโยบายการจัดเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) ของประเทศมหาอำนาจ

ทั้งนี้ ธปท. เห็นว่า ควรให้น้ำหนักกับการบรรเทาผลกระทบ และสนับสนุนการปรับตัวของภาคธุรกิจมากขึ้นด้วย โดยมีข้อสังเกต เพิ่มเติม ดังนี้

1.ควรจัดสรรงบประมาณโดยให้ความสำคัญกับการบรรเทาความเดือดร้อนต่อกลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ได้แก่

1) กลุ่มผู้ส่งออกสินค้าไปสหรัฐ รวมถึงธุรกิจที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทาน (supply chain) ที่เกี่ยวข้อง

2) กลุ่มผู้ผลิตที่จะถูกกระทบจากการทะลักของสินค้าจากต่างประเทศ (import flooding) ที่รุนแรงขึ้น ซ้ำเติมปัญหาเชิงโครงสร้างในภาคการผลิตที่ไทยเผชิญอยู่ โดยตั้งแต่ ปี 2565 – 2567 การนำเข้าสินค้าขั้นสุดท้ายเพิ่มขึ้นประมาณ 1.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งผู้ผลิตในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการ SMEs ที่มีข้อจำกัดในการปรับตัว

นอกจากนี้ ควรมีโครงการที่ช่วยให้ภาคธุรกิจ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ปรับตัวเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพิ่มโอกาสในการเปิดตลาดใหม่ควบคู่ไปด้วย

2. ควรมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อรับมือกับ import flooding เพราะถ้าไม่ดำเนินการ ในเรื่องนี้ก่อน โครงการหรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้แผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อาจไม่มีประสิทธิผลเท่าที่ควร โดยแนวทางการรับมือที่ต้องเร่งดำเนินการ อาทิ

1) การบังคับใช้กฎหมาย และการตรวจสอบที่เข้มงวดใน 3 ด้าน ได้แก่ การตรวจมาตรฐานสินค้า การตรวจสินค้าผ่านด่าน และการป้องกันสวมสิทธิสินค้าเพื่อใช้ไทยเป็นทางผ่านในการส่งออก

2) การเร่งรัดกระบวนการไต่สวน ข้อพิพาทกับต่างประเทศ เรื่องการที่สินค้าจากต่างประเทศเข้ามาทุ่มตลาดในไทย

3) การกำหนดให้แพลตฟอร์มออนไลน์ที่ขายสินค้าในไทยต้องจัดตั้งสำนักงานในประเทศไทย เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ การตรวจสอบมาตรฐานสินค้า และมีระบบชำระภาษีมูลค่าเพิ่ม

4) การกำหนดมาตรการเพิ่มเติมด้านภาษี โดยตั้งภาษีหรือกำหนดโควตาการนำเข้าสินค้า หรือการเก็บภาษีสำหรับสินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท

พิสูจน์อักษร….สุรีย์  ศิลาวงษ์

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1182136&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw0Dpn_A-id-fwuY3vZ1o9Pr

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *