เศรษฐกิจและชาติจะดับ เพราะต่างชาติแย่งซื้ออสังหาริมทรัพย์

ดูอย่างตอนนี้หมู่บ้านหลายแห่งจีนมายึดแล้ว ที่เมียนมาและกัมพูชาก็เหมือนกัน พวกเขากำลังจะ “สิ้นชาติ” แล้วไทยจะต้านได้นานแค่ไหน

ทุกวันนี้ไทยให้ต่างชาติซื้อที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมได้ แรกๆ ก็ให้ซื้อเฉพาะในเขตผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก (Export Processing Zone หรือ EPZ) แต่เดี๋ยวนี้ให้ซื้อที่ดินตรงไหนก็ได้ในนิคมอุตสาหกรรม แต่ในเวียดนามที่ผมไปประเมินค่าทรัพย์สินในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ บ่อยๆ ทั่วประเทศ

ปรากฏว่าเขาให้ต่างชาติเช่าที่ดินได้เท่านั้น โดยเช่าได้เพียง 50 หรือ 70 ปีเป็นสำคัญ แต่ปรากฏว่านักลงทุนแห่ลงทุนกันใหญ่แล้ว พวกเขาไม่สนใจว่าจะได้ซื้อที่ดินหรือไม่ แต่ที่เวียดนาม มีโอกาสทางธุรกิจสูงกว่าไทย มีขนาดเศรษฐกิจที่กำลังจะใหญ่กว่าไทยแล้ว

ที่ไทยของเรายังให้ต่างชาติที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ซื้อที่ดินได้ 5 ไร่ไว้ประกอบการ (นอกนิคมอุตสาหกรรม) ให้ซื้อที่ได้อีก 10 ไร่ ไว้ให้ต่างชาติอยู่อาศัย และให้ซื้อที่ดินได้อีก 20 ไร่ ไว้ให้คนงานของพวกเราอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องที่ประหลาดมาก

เพราะในช่วงที่ญี่ปุ่นมาลงทุนในไทย จนไทยกลายเป็น “เสือตัวที่ 5” แห่งเอเชียนั้น นักลงทุนญี่ปุ่นไม่ได้ต้องการอยู่บ้านขนาด 10 ไร่ พวกเขาอยู่ห้องชุดพักอาศัย

ผู้เขียนเองมีพนักงาน 100 คน ก็ไม่เคยต้องไปซื้อที่ดินสร้างบ้านให้พวกเขาอยู่ จึงน่าสงสัยว่า พวกนักลงทุน (จีน) พวกนี้ จะไปเอาคนงานจากซินเกียงหรือที่ไหนมาอยู่ในไทยกันแน่

นิคมอุตสาหกรรมหรือเขตเศรษฐกิจพิเศษของเวียดนาม ลาว กัมพูชาก็คือนิคมอุตสาหกรรมขนาดเขื่องๆ เท่านั้น แต่ไทยกลับประกาศให้ภาคตะวันออกทั้งภาคเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ไม่ใช่เฉพาะชลบุรี ระยองและฉะเชิงเทรา แต่ยังรวมทุกซอกมุมของทั้ง 7-8 จังหวัดในภาคตะวันออกด้วย

ทุกวันนี้มีนายทุนนายหน้ารายใหญ่ๆ วันๆ ก็พานักลงทุนจีนไปซื้อที่ดินภาคตะวันออกเก็บไว้มากมาย แต่สำหรับในอินโดนีเซีย หรือเวียดนาม ที่ดินนอกนิคมอุตสาหกรรมแทบทั้งหมดต่างชาติห้ามแตะเด็ดขาด

ในภาคตะวันออกของไทยยังมีข้อที่ทำให้ไทยถดถอยต่างจากชาติอื่น

1. ให้ต่างชาติถือโฉนดที่ดินไทยได้โดยไม่มีข้อจำกัดทั้งขนาดและเวลา หรือเช่าที่ดินไทยได้ 50+49 รวม 99ปี

2. ต่างชาติถือครองห้องชุดได้ 100%

3. นำแรงงานเข้ามาทำงานได้

4. ไม่ต้องใช้เงินบาทในพื้นที่ EEC

5. ทำกิจการต่างๆ ได้มากมายรวมทั้งกิจการบริการ

นี่ขนาดไทยทำถึงขนาดนี้ก็ยังไม่สามารถดึงดูดการลงทุนได้มากนักเมื่อเทียบกับประเทศอื่น แต่ก็ทำให้เป็นโอกาสให้คนจีนแห่งมาปักหลักในประเทศไทยมากขึ้น

เมื่อเร็วๆ นี้มีข่าวโครงการบ้านจัดสรรที่เชียงใหม่เกิดขึ้นมากมาย หลายโครงการมีคนจีนไปซื้ออยู่โดยบางแห่งแทบจะทั้งหมู่บ้าน จนมีคนเริ่มถามว่าต่อไปเชียงใหม่จะกลายเป็นหมู่บ้านจีนเทาหรือไม่ โดยเฉพาะโซนอำเภอหางดง, สันกำแพง และอำเภอเมือง

นอกจากนี้ยังมีใช้บริษัทนอมินีมาซื้อ หรือ มาแต่งงานกับคนไทย ให้สามี หรือ ภรรยาเป็นคนซื้อ จะพบว่าหมู่บ้านจัดสรรบางโครงการจะมีภาษาจีนเขียนอยู่ในป้ายโฆษณา เพื่อหวังลูกค้าชาวจีน และส่วนหนึ่งก็เป็นพวกจีนเทา มาทำเว็บพนันออนไลน์ หรือเป็นสแกมเมอร์ ทั้งนี้ก็มีถูกตำรวจจับบ้างแล้ว

แต่ถ้าเทียบกับที่ประเทศไทย รัฐบาลจีนไม่อนุญาตให้ต่างชาติไปอยู่อาศัยตามหมู่บ้านต่างๆ คนต่างชาติสามารถซื้อห้องชุดในจีนได้ แต่ซื้อบ้านพร้อมที่ดินไม่ได้ คนต่างชาติที่จะซื้อห้องชุดในจีน ต้องอยู่อาศัยที่นั่น ทำมาหากินถูกกฎหมายที่นั่นมา 1-2 ปีก่อน ไม่ใช่อยู่ๆ ก็เข้าไปซื้อได้เลย

และที่ว่า “ซื้อ” นั้น อันที่จริงเพียงแค่การเช่าห้องชุดได้เพียง 70 ปีเท่านั้น ทั้งชาวจีนและชาวต่างชาติไม่สามารถซื้อขาดบ้านและที่ดินในประเทศจีน ต่างจากประเทศไทยที่ทำได้หมดเลย

การให้ต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยก็ยังหละหลวม เช่น

1. ไทยไม่มีกำหนดอัตราภาษีซื้อ เช่น สิงคโปร์กำหนดไว้ที่ 60% หลายชาติกำหนดไว้ที่ 10-20% ทำให้มีเงินจากนักลงทุนต่างชาติมาพัฒนาประเทศ

2. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ในต่างประเทศก็เก็บถึง 1% ของราคาตลาด แต่ในไทยเก็บ 0.02% ของราคาประเมินราชการที่ต่ำกว่าราคาตลาดหลายเท่า ก็แสดงว่าไทยไม่ได้เก็บภาษีจากต่างชาติ แต่คนไทยไปซื้ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศตะวันตกต้องเสียภาษี

3. ภาษีกำไรจากการขายต่อ เช่น เมื่อนำราคาขายมาหักราคาซื้อ ได้กำไร ในต่างประเทศอาจคิดภาษี 20% ของกำไรนี้ แต่ในไทยก็แทบไม่เก็บเลย

4. ในต่างประเทศเก็บภาษีมรดกกันอย่างมาก แต่ในไทยกำหนดว่าจะเก็บภาษีจากกองมรดกที่มีราคาเกิน 100 ล้านบาทตามราคาประเมินราชการ ซึ่งต่ำมาก ทำให้แทบไม่มีใครเสียภาษีมรดก

5. หลายประเทศมีการกำหนดราคาขั้นต่ำ เช่น มาเลเซียกำหนดไว้ที่ 15 ล้านบาท อินโดนีเซียกำหนดไว้ราว 10 ล้านบาท เพื่อไม่ให้คนต่างชาติมากว้านซื้อบ้านในไทยแข่งกับผู้ซื้อบ้านคนไทยเอง

การที่ไทยหละหลวมเช่นนี้คงเป็นเพราะการสมคบคิดกันระหว่างข้าราชการที่เกี่ยวข้องทั้งในระดับนโยบาย ระดับปฏิบัติการ นำผลประโยชน์ของชาติมาเป็นข้อต่อรองหากิน ทำให้จีนทั้งไทยและเทามาอยู่กันเต็มบ้านเต็มเมือง

หลายคนคงเคยได้ยินข่าวการสวมบัตรประชาชนคนไทย หรือการอำนวยความสะดวกต่อการประกอบกิจการของจีนเทาบ้าง ในเวียดนามเคยติดให้ต่างชาติ (จีน) เช่าที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ใกล้จีน 99 ปี แต่ชาวบ้านไม่ยอม เดินขบวนกันทั่วประเทศ จนรัฐบาลเวียดนามยกเลิกนโยบายดังกล่าว

ที่น่ากลัวกว่านี้ก็คือ มีรายงานข่าวว่าทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมย้าย ผู้อำนวยการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยย้ายด่วนไปพิษณุโลก หลังนำเจ้าหน้าที่บุกจับทุนจีนรุกที่ป่าสงวนฯ และที่ปลูกทุเรียนใน ต.คลองตะเกรา อ.ท่าตะเกียบ กว่า 600 ไร่

โดยคดีนี้ DSI รับเป็นคดีพิเศษ​ นี่ถ้ากลายเป็นว่าจีนเทาสามารถชี้นิ้วย้ายข้าราชการได้ ประเทศไทยก็คงเศร้าหมองแน่ เราจะปล่อยให้ข้าราชการมาหากินส่วนตัวแบบนี้ไม่ได้