เว็บไซต์รัฐบาลไทย

เว็บไซต์รัฐบาลไทย
เว็บไซต์รัฐบาลไทย

​รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ หารือกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยั่งยืน เสนอความร่วมมือผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียน

​รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ หารือกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยั่งยืน เสนอความร่วมมือผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียน

วันที่ 6 มิถุนายน 2568 นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้การต้อนรับนายวิชาญ ตั้งเคียงศิริสิน ประธานบริหาร กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย พร้อมด้วยคณะ ในโอกาสมาเข้าพบเพื่อแนะนำตัวและหารือแนวทางความร่วมมือในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมไทยสู่ความยั่งยืน โดยมีนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวไพลิน เทียนสุวรรณ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ นางดวงดาว ขาวเจริญ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และนายธีรทัศน์ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม คณะผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ห้องประชุม อก.1 ชั้น 2 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

ในการหารือครั้งนี้ กลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ได้นำเสนอภาพรวมของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยตลอดเกือบ 50 ปีที่ผ่านมา ตลอดจนทิศทางในอนาคตที่มุ่งเน้นการดำเนินงานอย่างยั่งยืน มีผลิตภัณฑ์และกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชน โดยเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการเป็นพันธมิตรกับภาครัฐเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับสากล โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน การลดของเสีย และการส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า โดยกลุ่มบริษัทฯ ได้รายงานผลการดำเนินงานของโครงการ Smart Recycling Hub ซึ่งเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2566 โดยเป็นความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐ มีการจัดตั้งศูนย์คัดแยกวัสดุ (Material Recovery Facility – MRF) ต้นแบบในจังหวัดระยอง และกำลังอยู่ระหว่างการขยายสู่พื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยคาดหวังให้โครงการนี้เป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนยุทธศาสตร์การบริหารจัดการขยะพลาสติกของประเทศ ตลอดจนการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทดาวฯ ยังเสนอแนวทางการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนของพลาสติก (Circular Economy for Plastics) ซึ่งมองว่าประเทศไทยมีจุดแข็งและมีขีดความสามารถในการแข่งขันสูงเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน อีกทั้งยังเสนอแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมที่ยั่งยืน ด้วยการใช้เทคโนโลยีพลังงานสะอาด เช่น Small Modular Reactor (SMR) ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในการลดการปล่อยคาร์บอนในภาคอุตสาหกรรม ที่มีความยืดหยุ่นและมั่นคงกว่าพลังงานหมุนเวียนรูปแบบอื่น ๆ หากประเทศไทยสามารถพัฒนาและดำเนินการได้ก่อนประเทศคู่แข่ง ก็จะช่วยเสริมศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และสนับสนุนนโยบายการเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมของภูมิภาคอาเซียนในระยะยาว และต้องการกำหนดให้ภาครัฐกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมภาคบังคับเกี่ยวกับการกำหนดสัดส่วนของวัสดุรีไซเคิลในผลิตภัณฑ์บางประเภท เพื่อกระตุ้นอุปสงค์ในตลาด และสนับสนุนการยกระดับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ของภาคอุตสาหกรรมไทยให้เป็นไปตามมาตรฐานของตลาดส่งออกหลัก อาทิ ยุโรปและสหรัฐอเมริกา รวมถึงแนวทางความร่วมมือกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมในการศึกษาความเป็นไปได้ของการติดตั้งเครื่องตรวจวัดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ที่ปล่องระบายอากาศของโรงงานกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพื่อเสริมประสิทธิภาพการตรวจสอบมลพิษทางอากาศ และยกระดับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อภาคอุตสาหกรรมโดยรวม

รัฐมนตรีฯ เอกนัฏ กล่าวชื่นชมบทบาทของกลุ่มบริษัท ดาว ประเทศไทย ที่ให้ความสำคัญกับประเด็นด้านความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม และพร้อมสนับสนุนแนวทางการดำเนินงานที่มีเป้าหมายสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงฯ ซึ่งมุ่งยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยให้ทันสมัย สะอาด โปร่งใส และมีความสามารถแข่งขันในระดับโลก

“การขับเคลื่อนกฎหมายใหม่อย่างพระราชบัญญัติกากของเสียอุตสาหกรรม จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำกับดูแลการจัดการกากของเสียในภาคอุตสาหกรรมให้เกิดความรับผิดชอบร่วมกันของผู้ผลิต มีกระบวนการแยกและจัดการที่ชัดเจน โดยกระทรวงอุตสาหกรรมเน้นการทำงานร่วมกับทั้ง กระทรวงมหาดไทย และ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงพื้นที่อุตสาหกรรมทั่วประเทศ เพื่อให้การดำเนินงานของโรงงานไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และไม่รบกวนการใช้ชีวิตของประชาชนในพื้นที่โดยรอบ และหากทุกภาคส่วนสามารถร่วมมือกันอย่างเข้มแข็ง จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ภาคอุตสาหกรรมไทย และสามารถกระตุ้นเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ สร้างมูลค่ารวมทั้งคุณค่าให้กับภาคอุตสาหกรรมไทย ซึ่งระยะต่อไปจะขยายตัวและเติบโตในแนวทางที่ยั่งยืน” นายเอกนัฏ กล่าว

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/97234&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw1u_9ct_YQb6dTHo_1xY-Cy

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *