อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยดิ่ง แนะรัฐอัดงบสร้างงาน กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

อุตสาหกรรมรถยนต์ในไทยดิ่งลงเรื่อย ๆ ส.อ.ท. แนะรัฐอัดงบสร้างงานสร้างอาชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. กล่าวว่า ในเดือนเม.ย. 68 ที่ผ่านมา ประเทศไทยผลิตรถยนต์ทั้งสิ้น 104,250 คัน ลดลงจากเดือนมี.ค. 68 ประมาณ 19.75% และลดลงจากเดือนเม.ย. 67 อยู่ที่ 0.40%

ทั้งนี้ที่ผลิตลดลงไม่มาก เพราะมีการผลิตรถยนต์นั่งและรถ SUV ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น โดยแบ่งได้ดังนี้

รถยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้า (BEV) เพิ่มขึ้น 639.75%

รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) เพิ่มขึ้น 319.11%

รถยนต์ไฮบริด (HEV) เพิ่มขึ้น 35.31%

แต่อย่างไรก็ตามการผลิตรถยนต์นั่งสันดาปภายในปรับลดลง 33.60% เพราะผลิตรถยนต์นั่งส่งออกลดลง 36.93% เนื่องจากมีการเปลี่ยนรุ่นรถยนต์บางรุ่น

ส่วนรถกระบะยังคงผลิตลดลง 3.06% เพราะผลิตขายในประเทศลดลง 33.16% ตามยอดขายรถกระบะในประเทศที่ยังคงลดลง 22.25% ขณะที่จำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ในเดือนม.ค. – เม.ย. 68 หรือไตรมาส 1/68 นั้นมีจำนวนทั้งสิ้น 456,749 คัน ซึ่งลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 67 (YOY) ถึง 11.96%

ขณะที่ยอดขายรถกระบะ ลดลง 21.7% และรถพีพีวี ยังคงลดลง 20.5% จากมาตรการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถกระบะจากหนี้ครัวเรือนสูง โดยผู้ขอสินเชื่อ 50% ยังถูกปฏิเสธ หากรัฐบาลไม่แจกเงิน 10,000 บาทในเฟสที่ 3 ก็ต้องหามาตรการสนับสนุนการสร้างงาน และต้องติดตามการเจรจาภาษีทางการค้ากับสหรัฐฯ ว่าเป็นอย่างไร

“สถานการณ์อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศไทยยังอยู่ในช่วงวิกฤติ และต้องจับตาดูต่อไปอีก 2-3 ปี จึงจะบอกได้ว่าพ้นจากวิกฤติหรือไม่ สถานการณ์ขณะนี้ ก็ต้องรอเวลาอีก 1-2 เดือนจะเห็นความชัดเจนเรื่องการเจรจามาตรการภาษีกับสหรัฐฯ ส่วนปีนี้จะมีการปรับเป้าการผลิตรถยนต์หรือไม่ จากเดิมคาดการณ์ว่าอยู่ที่ 1.5 ล้านคัน ซึ่งจะมีการพิจารณาว่าต้องปรับลดลงหรือไม่ในอีก 2 เดือนข้างหน้า”

นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปเดือนเม.ย.68 นั้นประเทศไทยส่งออกได้ 65,730 คัน ลดลงจากเดือนที่แล้ว 18.77% และลดลงจากเดือนเม.ย.2567 ที่ 6.31% เนื่องจากมีการเปลี่ยนรุ่นรถยนต์นั่งบางรุ่น รวมถึงการเข้มงวดในเรื่องเทคโนโลยีช่วยเหลือเรื่องความปลอดภัยของรถยนต์ในบางประเทศ

ขณะเดียวกันยังรวมถึงการปล่อยคาร์บอนในบางประเทศคู่ค้า ทำให้การส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป และอเมริกาเหนือ นอกจากนี้เรายังคงต้องติดตามผลการเจรจาของประเทศไทยและประเทศคู่ค้าสำคัญของประเทศไทยกับสหรัฐอเมริกาต่อไป

“อย่างไรก็ตามในเดือนเม.ย. 68 นี้ต้องบันทึกไว้ในประวัติศาตร์ว่าประเทศไทยได้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ส่งออกได้แล้วจำนวน 660 คัน และคิดเป็น 1.43% ของการส่งออกทั้งหมด “