“อินเดีย”แซงญี่ปุ่น ขึ้นแท่นเศรษฐกิจอันดับ 4 ของโลกโฉมหน้ามหาอำนาจเศรษฐกิจใหม่ ที่คนไทยต้องจับตา

“อินเดีย”แซงญี่ปุ่น ขึ้นแท่นเศรษฐกิจอันดับ-4-ของโลกโฉมหน้ามหาอำนาจเศรษฐกิจใหม่-ที่คนไทยต้องจับตา
“อินเดีย”แซงญี่ปุ่น ขึ้นแท่นเศรษฐกิจอันดับ 4 ของโลกโฉมหน้ามหาอำนาจเศรษฐกิจใหม่ ที่คนไทยต้องจับตา

ในขณะที่สมดุลอำนาจเศรษฐกิจโลกกำลังปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ประเทศเกิดใหม่หลายแห่งเริ่มก้าวขึ้นมามีบทบาททัดเทียมมหาอำนาจดั้งเดิม และหนึ่งในตัวอย่างสำคัญล่าสุด คือ อินเดีย 

ซึ่งได้แซงหน้า ญี่ปุ่น กลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็น อันดับ 4 ของโลก ตามข้อมูลจาก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ที่รายงานอ้างอิง economictimes ล่าสุด

โดยระบุ “บี.วี.อาร์. สุพรามันยม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารขององค์กร NITI Aayog (สถาบันนโยบายแห่งชาติของอินเดีย) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจของอินเดีย มี GDP ในปี 2568 อยู่ที่ 4.187 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งแซงหน้าญี่ปุ่นเล็กน้อย และคาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องราว 6.2% ตลอดทั้งปี

อัปเดตขนาดเศรษฐกิจของมหาอำนาจโลก 

  • สหรัฐอเมริกา : 30.507 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ 
  • จีน : 19.231 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
  • เยอรมนี : 4.744 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ 
  • อินเดีย : 4.187 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ 
  • ญี่ปุ่น : 4.186 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ  

“อินเดียกำลังก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางใหม่ของเศรษฐกิจโลก ด้วยโครงสร้างประชากรขนาดใหญ่ นโยบายส่งเสริมการลงทุน และการปฏิรูปเศรษฐกิจภายในประเทศที่ต่อเนื่องและชัดเจน”

อินเดีย จากตลาดเกิดใหม่สู่ “ขั้วเศรษฐกิจใหม่”

ถ้าเจาะในรายละเอียด จะพบว่า การเติบโตของอินเดียไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากปัจจัยเชิงโครงสร้างหลายด้าน ได้แก่

  • การบริโภคภายในประเทศที่แข็งแกร่ง
  • การใช้จ่ายภาครัฐที่ต่อเนื่อง
  • ภาคบริการที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม (คิดเป็น 54% ของ GDP)
  • แผนยุทธศาสตร์ “Viksit Bharat @ 2047” ที่ตั้งเป้าเป็นประเทศรายได้สูงในปี 2590

อินเดียยังได้ชื่อว่าเป็นประเทศในกลุ่ม Global South ที่มีศักยภาพสูงสุด ด้วยเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในกลุ่ม G20 ท่ามกลางความผันผวนของสงครามการค้าโลกและความไม่แน่นอนของภูมิรัฐศาสตร์

อินเดียวันนี้ คือ “โอกาสใหม่” ที่คนไทยไม่ควรมองข้าม

ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ควรเป็น “สัญญาณเตือน” ที่สำคัญสำหรับประเทศเล็กๆ อย่าง ไทย ซึ่งพึ่งพาการค้าและการลงทุนจากต่างประเทศอย่างมาก

ในวันที่สมดุลอำนาจทางเศรษฐกิจโลกไม่ได้มีแค่ “สหรัฐฯ และจีน” อีกต่อไป แต่กลายเป็นระบบ “พหุขั้ว” (Multipolar Economy) ที่ประเทศเศรษฐกิจขนาดกลาง–ขนาดใหญ่ เช่น อินเดีย บราซิล อินโดนีเซีย กำลังก้าวขึ้นมาอย่างมั่นคง

ประเทศไทยต้องปรับทิศทางยุทธศาสตร์การค้าการลงทุน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ เช่น

  • การส่งออกสินค้าอุปโภคบริโภค ไปยังตลาดชนชั้นกลางของอินเดียที่เติบโตเร็ว
  • การลงทุนในบริการสุขภาพ การท่องเที่ยว และการศึกษา ผ่านกิจการร่วมค้า (Joint Venture)
  • การผลักดันความตกลงการค้าเสรีไทย–อินเดีย เพื่อลดอุปสรรคภาษีศุลกากร

ในอดีต เมื่อพูดถึง “มหาอำนาจเศรษฐกิจ” เราอาจนึกถึงเพียงจีน ญี่ปุ่น สหรัฐฯ หรือยุโรป แต่ในอนาคตอันใกล้ ภูมิทัศน์นี้จะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หากไทยไม่ปรับมุมมอง ยุทธศาสตร์ และพฤติกรรมทางการค้าให้ทันต่อการขยับตัวของโลก 

ประเทศเล็กอย่างเราจะไม่เพียงแค่ “ตามไม่ทัน” แต่อาจ “หายไป” จากเวทีการแข่งขันด้วยซ้ำ อินเดียไม่ได้เป็นแค่ “ตลาดใหม่” แต่คือ “เพื่อนบ้านมหาอำนาจ” ที่ไทยต้องเร่งสร้างสัมพันธ์อย่างมียุทธศาสตร์  ทั้งในเชิงการค้า การลงทุน และการทูต

ติดตามข้อมูลด้านเศรษฐกิจและนโยบายรัฐบาล กับ ThairathMoney ได้ที่ 

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thairath.co.th/money/economics/global_economics/2863877&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw0Uzl-DV4FHJpJNuZv4Stu9

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *