วันนี้ ( 26 พ.ค.2568) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความเข้มแข็งของภาคเศรษฐกิจไทย แม้ในช่วงที่ผ่านมา มีความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ โดยเดือนเม.ย.ขยายตัว 10.2% หรือ25,625.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นเงินบาท 857,700 ล้านบาท ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 10 หากหักสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย การส่งออกยังขยายตัว 7.1%กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมและอุตสาหกรรมเกษตรเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์
ขณะเดียวกัน ตลาดส่งออกสำคัญของไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น อาเซียน และสหภาพยุโรป ส่งผลให้ภาพรวมการส่งออกในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 ขยายตัว14% และหากไม่รวมสินค้าน้ำมัน ทองคำ และยุทธปัจจัย จะมีอัตราการขยายตัวอยู่ที่12.1%
หลายฝ่ายเคยคาดว่าภาษีจากสหรัฐฯ จะทำให้ส่งออกไทยตกฮวบ แต่ตัวเลขพิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริงส่งออกไทยยังโตได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดสหรัฐฯ ขยายตัวถึง 23.8% และโตต่อเนื่องมาแล้ว 19 เดือนติดต่อกัน
ส่วนตลาดสำคัญอื่นๆ ก็มีการขยายตัวเช่นกัน อาเซียนขยายตัว 7.8% ต่อเนื่อง 2 เดือน เอเชียใต้ 8.7% ต่อเนื่อง 7 เดือน สหภาพยุโรป 6.1% ต่อเนื่อง 11 เดือน ญี่ปุ่น 5.5% ต่อเนื่อง 2 เดือน และจีน 3.2% ต่อเนื่อง 7 เดือน
สำหรับตลาดยุโรป กระทรวงพาณิชย์เตรียมเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหภาพยุโรปให้แล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ โดยจะเข้าพบกรรมาธิการยุโรปด้านการค้า นายมารอส เซฟโควิช รวมถึงพบปะกับ OECD เพื่อผลักดันให้การเจรจาสำเร็จเร็วที่สุด ซึ่งจะช่วยเพิ่มศักยภาพการค้าของไทยในตลาดยุโรปได้อย่างมาก
ส่งออกยังคงเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย โดยแม้ในกรณีที่ในช่วง 8 เดือนที่เหลือของปี 2568 การส่งออกไม่เติบโตเพิ่มเติมเลย ไทยก็ยังจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตเฉลี่ยได้มากกว่าร้อยละ 4 ซึ่งมากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า
รมว.พาณิชย์กล่าวอีกว่า หากสามารถเจรจากับสหรัฐฯ ให้ไทยได้รับอัตราภาษีในระดับเดียวกับประเทศอื่น ก็จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของไทยได้อีกมาก พร้อมระบุว่าการเจรจากับสหรัฐฯ คืบหน้าไปมาก และคาดว่าจะสามารถสรุปผลได้ภายใน 90 วัน ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์มั่นใจว่านโยบายส่งออกในปัจจุบันเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง และจะสามารถนำพาเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
ด้านนายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการนำเข้า มีมูลค่า 28,946.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 16.1% ดุลการค้า ขาดดุล 3,321.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 4 เดือนไทยนำเข้า มีมูลค่า 109,397.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 9.6% ขณะที่ ดุลการค้า ขาดดุล 2,240.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้การส่งออกสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร หดตัว 8.4%ต่อเนื่อง 2 เดือน สินค้าสำคัญที่ขยายตัว ได้แก่ ยางพารา ไก่สด แช่เย็น แช่แข็ง และแปรรูป น้ำตาลทราย อาหารสัตว์เลี้ยง ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่น ๆ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ และผลไม้กระป๋องและแปรรูป
ขณะที่สินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ข้าว อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)
ขณะที่การส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมขยายตัว 16.6%ต่อเนื่อง 13 เดือน สินค้าสำคัญที่ขยายตัว เช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ผลิตภัณฑ์ยาง แผงวงจรไฟฟ้า อัญมณีและเครื่องประดับ (ไม่รวมทองคำ) แผงสวิทซ์และแผงควบคุมกระแสไฟฟ้า)
ส่วนสินค้าสำคัญที่หดตัว เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด
ตลาดส่งออกสำคัญส่วนใหญ่ขยายตัวต่อเนื่อง มีปัจจัยหนุนต่อเนื่องจากการเร่งส่งออกท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายภาษีของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ ที่ขยายตัวสูง หลังการเลื่อนเก็บภาษีศุลกากรต่างตอบแทนออกไปอีก 90 วัน
ผอ.สนค. กล่าวอีกว่า แนวโน้มการส่งออกช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่าไทยจะยังต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่อาจถูกเรียกเก็บภายหลังพ้นจากช่วงเวลาที่ได้รับการยกเว้น 90 วัน
โดยที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ประชุมหารือกันอย่างต่อเนื่องในการเตรียมพร้อมแนวทางการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ
และวางแผนออกมาตรการเยียวยาเพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ประกอบการ ตลอดจนทำงานเชิงรุกผ่านการเจรจา FTA ในระดับต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาสินค้าให้มีมูลค่าสูง เร่งรัดการเปิดตลาดใหม่ ควบคู่กับการใช้มาตรการเชิงรับ
สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการสร้างเครื่องมือและกลไกต่าง ๆ เพื่อป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการค้าของโลก ด้วยเป้าหมายที่จะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส และรักษาระดับการเติบโตของการส่งออกไทยให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี 2568 แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน
อ่านข่าว:
พลิก “Thai SELECT” เทียบ “มิชลินสตาร์” ดันไทยฟู้ดสู่ “ครัวโลก”
กำลังซื้อหด-หนี้เสียพุ่ง ฉุดยอดผลิตรถเม.ย.ต่ำสุดรอบ 44 เดือน
ไทย 1ใน 25 “ตลาดเกิดใหม่” น่าลงทุน คลังชี้ไทย-USA สัมพันธ์ปึ้ก
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thaipbs.or.th/news/content/352519&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw3JFTTDffnnfYsgoBb6pF1S