สั่งกรองถี่ยิบงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้าน นายกฯ กังวลขัดม.144 เอื้อประโยชน์การเมือง

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงงบกลางปี 2568 สำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000  ล้านบาท ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการ รวมถึงงบกลางต่าง ๆ ที่แต่ละกระทรวงได้เสนอมา และอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณ โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ทุกกระทรวง มีการพิจารณางบประมาณและโครงการที่เสนอของบประมาณด้วยความละเอียดรอบคอบ และผ่านการพิจารณาและกลั่นกรองอย่างถี่ถ้วน จากสำนักงบประมาณและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นไปตามกรอบของกฎหมาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญที่บัญญัติไว้ว่า  “การกระทำด้วยประการใด ๆ ที่ มีผลให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) สมาชิกวุฒิสภา หรือกรรมาธิการ มีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายจะกระทำมิได้“ เพื่อให้โครงการต่าง ๆ ที่ครม.อนุมัตถูกต้อง และสอดคล้องกับข้อกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้มีข่าวออกมามีผู้ยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ป.ป.ช.) ตรวจสอบการตั้งงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ  157,000 ล้านบาท ว่าเป็นการคิดโครงการจาก ส.ส.และคณะกรรมาธิการในสภาฯ ซึ่งอาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ อีกทั้ง ยังมีข่าวว่า มีการตกลงว่าจะให้งบกับ ส.ส.พรรคเพื่อไทยคนละ 50 ล้านบาท เพื่อทำโครงการในพื้นที่ เป็นเหตุให้นายกฯ เน้นย้ำถึงมาตรา 144 

ด้านนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ในฐานะเป็นประธานคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ วงเงิน 157,000 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปรายละเอียดของโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แต่ละหน่วยงานเสนอมา เนื่องจากต้องพิจารณาด้วยความละเอียดรอบคอบ ไม่รีบร้อน การใช้เงินต้องเป็นไปตามกรอบและเงื่อนไขที่กำหนด หากเสนอไม่ตรงเงื่อนไขก็ให้นำกลับไปทบทวนมาใหม่ ส่งผลให้ต้องเลื่อนการประชุมคณะกรรมการโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ออกไปก่อน  

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า คณะอนุกรรมการฯ ต้องประชุมอีกหลายครั้ง เนื่องจากมีคำขอโครงการเข้ามากว่า 10,000 โครงการ มูลค่าเกิน 400,000 ล้านบาท ทำให้ต้องใช้เวลาพิจารณาว่า แต่ละโครงการที่เสนอตรงวัตถุประสงค์และตามหลักเกณฑ์หรือไม่ อาทิ โครงการน้ำแล้ง น้ำท่วม เป็นพื้นที่น้ำแล้งน้ำท่วมซ้ำซากจริงหรือไม่ ไม่ใช่ทำในพื้นที่ใดก็ได้, โครงการถนน ต้องเป็นเพิ่มประสิทธิภาพการใช้ถนนเพิ่มขีดความสามารถประเทศ  

“ในเบื้องต้นได้กำหนดกรอบว่า โครงการใดต่ำกว่า 500,000 บาท ตัดทิ้ง หรือไม่รับพิจารณา และไม่ใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างวิธีพิเศษ เพื่อไม่ให้เม็ดเงินเกิดการรั่วไหล ต้องเกิดความโปร่งใสในการดำเนินการ ซึ่งนายกฯ ได้สั่งการในที่ประชุมครม. ว่า การพิจารณางบกระตุ้นเศรษฐกิจ งบกลาง และงบประมาณปี 69 ต้องพิจารณาอย่างละเอียดรัดกุมรอบคอบ และระมัดระวัง ไม่เอื้อประโยชน์ฝ่ายการเมือง เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ระบุว่า ผู้ใดให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัดหรือสมาชิกสภาเทศบาล เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”  

สำหรับกรณีที่หลายฝ่ายตั้งประเด็นคำถาม ภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ รัฐบาลต้องเติมเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจโดยด่วน แต่การเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต้องใช้เวลาพิจารณารายละเอียดมาก หากแจกเงินจะเห็นผลกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วกว่านั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ทุกฝ่ายสามารถแสดงความเห็นหลากหลายได้ โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการลงทุนต่างๆ จะก่อให้เกิดการจ้างงาน และสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจหลายรอบ การแจกเงิน 10,000 บาท เห็นผลเร็ว แต่เม็ดเงินหมุนเวียนไม่หลายรอบเท่าการลงทุน ตามคำแนะนำของหน่วยงานราชการ

  “วงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 157,000 ล้านบาท ขณะนี้ยังมีเวลาพิจารณาโครงการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรอบคอบ เนื่องจากประเมินว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจะเริ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้”