สภาฯ ลงมติรับหลักการ ร่าง พ.ร.บ.งบปี 69 วาระแรก ด้วยคะแนน 322 ต่อ 158 เสียง นายกฯ ฝาก กมธ.พิจารณาทุกข้อเสนอแนะ วอนฝ่ายค้านร่วมกันพาประเทศผ่านวิกฤต
การประชุมสภาผู้แทนนราษฎร สมัยวิสามัญ (เป็นพิเศษ) วาระพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายงบประมาณ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระแรก เป็นวันสุดท้าย
หลังสมาชิกมีการอภิปรายเสร็จสิ้นที่สุดได้มีการลงมติรับหลักการในวาระแรก ผลปรากฎว่าที่ประชุม482 คน มีมติ 322 ต่อ 158เสียง “รับหลักการ” ในวาระแรก ก่อนมีการเสนอตั้งกมธ.วิสามัญ73คน เพื่อพิจารณาก่อนเสนอเข้าสู่สภาเพื่อพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ต่อไป
ทั้งนี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ในนามของรัฐบาลขอขอบคุณท่านประธานและและท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติทุกท่านที่ได้ร่วมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ที่รัฐบาลนำเสนอด้วยความตั้งใจ
รัฐบาลตระหนักดีว่าการทำงบประมาณในครั้งนี้ดำเนินการภายใต้ข้อจำกัดของวงเงินงบประมาณรายจ่าย มาตรการกีดกันทางการค้าของประเทศเศรษฐกิจหลัก ความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศ รวมถึงสภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีปัจจัยรอบด้านที่ส่งผลกระทบ
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวว่า แน่นอนว่า สภาวะเศรษฐกิจในประเทศซึ่งมีผลกระทบมากมาย ถึงวันนี้เราก็จะสามารถขับเคลื่อนประเทศให้ไปต่อได้ก็ด้วยนโยบายต่างๆ ที่รัฐบาลได้เสนอต่อสภาฯ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่างบประมาณที่ได้เสนอไปจะสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องคนไทยทุกๆ คนได้
ทั้งนี้ รัฐบาลมุ่งมั่นและตั้งใจที่จะใช้งบประมาณเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามที่ได้แถลงนโยบายไว้ต่อรัฐสภา โดยคำนึงถึงการจัดลำดับของความสำคัญของงบประมาณเพื่อที่จะรองรับปัญหาเร่งด่วนเสริมสร้างศักยภาพของทุนมนุษย์และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สนับสนุนการขับเคลื่อนพัฒนาตามแนวทางยุทธศาสตร์ชาติอย่างต่อเนื่อง
การจัดทำร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 มุ่งเน้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติและสร้างโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มได้เข้าถึงทรัพยากรที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม รวมถึงการมุ่งเน้นการรักษาวินัยการเงินการคลังของประเทศให้เป็นไปตามกรอบที่กฎหมายกำหนดไว้
สำหรับข้อคิดเห็นและข้อสังเกตและข้อเสนอแนะต่างๆ ที่ทุกท่านได้อภิปรายไว้ขอฝากคณะกรรมาธิการวิสามัญที่จัดตั้งขึ้นโดยสภาฯ แห่งนี้นำไปประกอบการพิจารณาอย่างละเอียดและครบถ้วนต่อไป
นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมือง ทั้งเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไม่ใช่เพียงแต่ประเทศของเรา แต่ส่งผลกระทบต่อทั่วโลก ดิฉันเดินทางไปต่างประเทศก็ได้คุยกับผู้นำประเทศมากมาย มีเรื่องของผลกระทบที่เจอในหลายด้านหลายมุมแตกต่างกัน ดิฉันมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกๆ ประเทศที่จะร่วมมือช่วยกันได้ก็ช่วยกันอย่างเต็มที่
การเปลี่ยนแปลงทุกวันนี้ก็อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายในการที่จะกำหนดทิศทางหรือหาข้อสรุปอย่างใดอย่างหนึ่งให้เป็นคำตอบที่ชัดเจนได้ในวันนี้เลย
แต่สิ่งหนึ่งที่ดิฉันมั่นใจนั่นคือรัฐบาลชุดนี้จะทุ่มเทแรงกายแรงใจในการทำนโยบาย ทุกๆ นโยบายเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจให้สำเร็จเป็นรูปธรรม เราจะลดรายจ่ายของพี่น้องประชาชน เพิ่มรายได้และขยายโอกาสและจะใช้เม็ดเงินจาก พ.ร.บ.งบประมาณชุดนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อพี่น้องประชาชน
ดิฉันทราบดีเหมือนที่ทุกท่านทราบกันเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายและทราบดีว่าพี่น้องประชาชนก็ไม่ได้ส่งเรามาทำเรื่องง่ายๆ รัฐบาลทำหน้าที่ในการบริหาร ฝ่ายค้านเป็นผู้ตรวจสอบ ถ้าเราทั้งสองมุ่งเน้นผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลักเป็นใจความสำคัญ ดิฉันมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าเราจะสามารถทำให้ประเทศผ่านวิกฤตไปได้และสามารถทำให้เห็นผลสำเร็จร่วมกันได้แน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้เสียงรัฐบาล มีจำนวนทั้งสิ้น 324เสียง แบ่งเป็นพรรคเพื่อไทย142 เสียง ภูมิใจไทย 69 เสียง รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง กล้าธรรม 26 เสียง ประชาธิปัตย์ 25 เสียง ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง ประชาชาติ 9 เสียง ชาติพัฒนา 3 เสียง ไทยรวมพลัง 2 เสียง เสรีรวมไทย 1 เสียง ประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง
ขณะที่ฝ่ายค้าน มี 171เสียง ประกอบด้วย พรรคประชาชน 143 เสียง พลังประชารัฐ 20 เสียง ไทยสร้างไทย 6 เสียง เป็นธรรม 1 เสียง ไทยก้าวหน้า 1 เสียง
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.posttoday.com/politics/domestic/724880&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw0tU385ZKLu2fw1lxnU4u08