รายงานตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจเวียดนาม ประจำเดือนเมษายน 2568 – กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

รายงานตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจเวียดนาม-ประจำเดือนเมษายน-2568-–-กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
รายงานตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจเวียดนาม ประจำเดือนเมษายน 2568 – กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
  1. ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจสำคัญ

1.1 ดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer price index: CPI) ในเดือนเมษายน 2568 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.07 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2568 และขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.12 เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 ทั้งนี้ CPI เฉลี่ยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – เมษายน) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.20 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567

1.2 ดัชนีภาวะเงินเฟ้อ ในเดือนเมษายน 2568 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.21 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2568 และขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.14 เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 ทั้งนี้ ดัชนีภาวะเงินเฟ้อเฉลี่ยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – เมษายน) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.05 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567

1.3 ดัชนีราคาทองคำ ในเดือนเมษายน 2568 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.54 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2568 และขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.14 เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 ทั้งนี้ ดัชนีราคาทองคำเฉลี่ยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – เมษายน) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.85 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567

1.4 ดัชนีมูลค่าเงินเหรียญสหรัฐ ในเดือนเมษายน 2568 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.97 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2568 และขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.17 เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 ทั้งนี้ ดัชนีมูลค่าเงินเหรียญสหรัฐเฉลี่ยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – เมษายน) ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.52 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567

  1. ภาคการเกษตร การป่าไม้ และประมง

ในเดือนเมษายน 2568 กิจกรรมหลักของภาคการเกษตรมุ่งเน้นที่การดูแลต้นข้าวฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิในพื้นที่ภาคเหนือ และการเก็บเกี่ยวข้าวและพืชไร่ในฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ รวมถึงการเพาะปลูกข้าวฤดูร้อน-ฤดูใบไม้ร่วงในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศ ส่วนภาคป่าไม้ให้ความสำคัญกับการปลูกป่าตามแผนที่กำหนดและปริมาณการตัดไม้เพิ่มมากขึ้น ด้านปศุสัตว์การเลี้ยงสุกรและสัตว์ปีกยังคงขยายตัวอย่างมั่นคง ภายใต้การควบคุมโรคระบาดที่มีประสิทธิภาพ ส่วนภาคการประมงทั้งในด้านการจับและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลง และราคาผลิตภัณฑ์ประมงที่ปรับตัวสูงขึ้น

2.1 ภาคการเกษตร

1) ข้าว พื้นที่เพาะปลูกข้าวของเวียดนามในช่วงฤดูหนาว 2567 – ฤดูใบไม้ผลิ 2568 มีจำนวนรวม 2.97 ล้านเฮกตาร์ เพิ่มขึ้น 15,700 เฮกตาร์เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566-2567 โดยเป็นพื้นที่เพาะปลูกข้าวในภาคเหนือจำนวน 1.05 ล้านเฮกตาร์ ลดลง 7,900 เฮกตาร์ เนื่องจากการเวนคืนที่ดินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงการปรับเปลี่ยนจากการเพาะปลูกข้าวไปสู่พืชเศรษฐกิจที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ขณะที่ภาคใต้มีพื้นที่เพาะปลูกข้าวจำนวน 1.92 ล้านเฮกตาร์ เพิ่มขึ้น 23,600 เฮกตาร์ เนื่องจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยและปัญหาการรุกล้ำของน้ำเค็มที่ลดลง ช่วยให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกได้เต็มพื้นที่ตามศักยภาพ

เนื่องจากการดูแลรักษาข้าวตั้งแต่ระยะเริ่มต้นเพาะปลูก ส่งผลให้พื้นที่ปลูกข้าวฤดูหนาว 2567 – ฤดูใบไม้ผลิ 2568 ส่วนใหญ่ในภาคใต้เจริญเติบโตได้ดี ปัจจุบันสามารถเก็บเกี่ยวได้ 1.64 ล้านเฮกตาร์ คิดเป็นร้อยละ 85 ของพื้นที่เพาะปลูก โดยเฉพาะพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงมีการเก็บเกี่ยวแล้วถึง 1.47 ล้านเฮกตาร์ หรือร้อยละ 97.6 ของพื้นที่ทั้งหมด เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 จากปีที่ผ่านมา

หลังการเก็บเกี่ยวได้มีการเพาะปลูกข้าวในช่วงฤดูร้อน – ฤดูใบไม้ร่วง 2568 ทันที โดยอาศัยสภาพอากาศที่ยังคงเอื้ออำนวย ส่งผลให้ภาคใต้สามารถเพาะปลูกข้าวฤดูร้อนได้แล้ว 719,900 เฮกตาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเขตสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงซึ่งมีถึง 715,900 เฮกตาร์ การเพาะปลูกข้าวฤดูร้อน – ฤดูใบไม้ร่วงในปีนี้มีความรวดเร็วกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 เนื่องจากหลายจังหวัดเก็บเกี่ยวข้าวได้เร็วกว่ากำหนดและมีการวางแผนล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากภัยแล้งและน้ำเค็มรุกล้ำ เช่น จังหวัดอานยาง (An Giang) มีอัตราการปลูกเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.4 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 จังหวัดลองอาน (Long An) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 และจังหวัดด่งท้าบ (Dong Thap) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5 อย่างไรก็ตาม พื้นที่ภาคใต้ ภาคกลาง และที่ราบสูงตอนกลางยังคงมีความเสี่ยงต่อความร้อนจัด ภัยแล้ง และการขาดแคลนน้ำจึงจำเป็นต้องนำเทคโนโลยีการเพาะปลูกที่ทันสมัยมาใช้ ควบคู่กับการบริหารจัดการน้ำและการปรับฤดูกาลเพาะปลูกให้เหมาะสม เพื่อรักษาเสถียรภาพการผลิตในฤดูถัดไป

2) พืชผลประจำปี ในเดือนเมษายน 2568 มีพื้นที่เพาะปลูกข้าวโพดจำนวน 391,300 เฮกตาร์ ลดลงร้อยละ 0.5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 พื้นที่เพาะปลูกมันเทศจำนวน 45,800 เฮกตาร์ ลดลงร้อยละ 6.2 เฮกตาร์ พื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลืองจำนวน 10,400 เฮกตาร์ ลดลงร้อยละ 7.8 พื้นที่เพาะปลูกถั่วลิสงจำนวน 97,300 เฮกตาร์ ลดลงร้อยละ 3.6 และพื้นที่เพาะปลูกผักและถั่วต่าง ๆ จำนวน 0.58 ล้านเฮกตาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 ทั้งนี้ พื้นที่ปลูกข้าวโพด ถั่วลิสง มันเทศ และถั่วเหลืองลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 เนื่องจากผลตอบแทนทางเศรษฐกิจยังไม่สูงนัก ทำให้เกษตรกรบางส่วนหันไปปลูกพืชชนิดอื่นที่ให้ผลตอบแทนดีกว่า

3) ปศุสัตว์ ในเดือนเมษายน 2568 ปริมาณการเลี้ยงกระบือลดลง โดยจํานวนกระบือลดลงร้อยละ 3.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 เนื่องจากให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจไม่คุ้มค่า ใช้ระยะเวลาเลี้ยงนาน จึงไม่จูงใจให้เกษตรกรขยายฝูงเพิ่มเติม ขณะที่การเลี้ยงโคเริ่มปรับตัวสู่รูปแบบการผลิตขนาดใหญ่ มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้และเชื่อมโยงกับภาคธุรกิจมากขึ้น โดยจํานวนโคลดลงร้อยละ 0.7 การเลี้ยงสัตว์ปีกมีการเติบโตที่ดี โดยจํานวนสัตว์ปีกเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 เนื่องจากฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อบางแห่งที่ร่วมมือกับภาคเอกชนในการจัดจำหน่ายจนเกิดเป็นระบบการผลิตแบบครบวงจรตั้งแต่ฟาร์มถึงผู้บริโภค สำหรับการเลี้ยงสุกรมีการขยายตัวอย่างชัดเจน โดยจํานวนสุกรเพิ่มขึ้นร้อยละ 0 เนื่องจากสามารถควบคุมโรคระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และความต้องการบริโภคเนื้อสุกรเพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุดยาว

2.2 ภาคการป่าไม้

ในเดือนเมษายน 2568 มีพื้นที่ป่าที่เพิ่งปลูกใหม่ทั่วประเทศประมาณ 32,200 เฮกตาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 โดยผลผลิตไม้ที่ได้รับการแปรรูปมีจํานวน 1.6 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 และมีพื้นที่ป่าที่เสียหายประมาณ 251.5 เฮกตาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 88.1

ทั้งนี้ ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – เมษายน) คาดว่าจะมีพื้นที่ป่าที่เพิ่งปลูกใหม่ประมาณ 77,800 เฮกตาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ผลผลิตไม้ที่ได้รับการแปรรูปมีจํานวน 5.9 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 และมีพื้นที่ป่าที่เสียหายประมาณ 475,400 เฮกตาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.4

2.3 ภาคการประมง

ในเดือนเมษายน 2568 ปริมาณผลผลิตจากภาคประมงทั่วประเทศอยู่ที่ประมาณ 794,400 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ประกอบด้วยปลาจำนวน 569,700 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 กุ้งจำนวน 110,300 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.4 และสัตว์น้ำอื่น ๆ จำนวน 114,400 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 สำหรับผลผลิตจากการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอยู่ที่ประมาณ 437,800 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ประกอบด้วยปลาจำนวน 291,800 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 กุ้งจำนวน 98,300 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0  ขณะที่ผลผลิตจากการทำประมงธรรมชาติอยู่ที่ประมาณ 356,600 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ประกอบด้วยปลาจำนวน 277,900 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 กุ้งจำนวน 12,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 และสัตว์น้ำอื่น ๆ จำนวน 66,700 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8

ทั้งนี้ ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – เมษายน) ปริมาณผลผลิตจากภาคการประมงคาดว่าจะมีปริมาณ 2.8 ล้านตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ประกอบด้วยปลาจำนวน 2,050,000 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 กุ้งจำนวน 312,700 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.9 และสัตว์น้ำอื่น ๆ จำนวน 425,100 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6

  1. ภาคอุตสาหกรรม

3.1 ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนเมษายน 2568 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2568 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 โดยภาคอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.8 อุตสาหกรรมการจัดการน้ำ การจัดการบำบัดขยะและน้ำเสียขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.6 อุตสาหกรรมการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 ขณะที่อุตสาหกรรมเหมืองแร่หดตัวลงร้อยละ 4.2

ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – เมษายน) ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.4 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 โดยอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 อุตสาหกรรมการจัดการน้ำ การจัดการบำบัดขยะและน้ำเสียขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 อุตสาหกรรมการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 ส่วนอุตสาหกรรมเหมืองแร่ลดลงร้อยละ 4.5 สำหรับอุตสาหกรรมสำคัญที่ขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ได้แก่ การผลิตยานยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.1 การผลิตเครื่องหนังและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.7 และการผลิตผลิตภัณฑ์จากยางและพลาสติกเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.4 ในทางกลับกัน บางกลุ่มอุตสาหกรรมมีแนวโน้มลดลง ได้แก่ การขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติลดลงร้อยละ 10.9 การผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าลดลงร้อยละ 6.2 และการผลิตเครื่องดื่มลดลงร้อยละ 0.1

3.2 จำนวนแรงงานในสถานประกอบการอุตสาหกรรม ณ วันที่ 1 เมษายน 2568 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2568 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 เมื่อพิจารณาตามประเภทกิจกรรม แรงงานในอุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2568 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.5 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 อุตสาหกรรมการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า ก๊าซ ไอน้ำ และเครื่องปรับอากาศ (คงที่/+0.2%) อุตสาหกรรมเหมืองแร่ (คงที่/-0.3%) และอุตสาหกรรมการจัดการน้ำการจัดการบำบัดขยะและน้ำเสีย (-0.1%/+1.2%)

ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเวียดนามในช่วงเดือนมกราคม – เมษายน 2568

หน่วย: %

  มี.ค. 2568
เทียบกับ

มี.ค. 2567

เม.ย. 2568
เทียบกับ

เม.ย. 2567

เม.ย. 2568
เทียบกับ
มี.ค. 2568
.ค. – เม.ย. 2568  เทียบกับ
ม.ค. – เม.ย. 2567
รวม 109.9 108.9 101.4 108.4
การทำเหมืองแร่และเหมือง 96.4  95.8  96.9  95.5
ถ่านหินและลิกไนต์ 104.6  108.4  96.5  106.4
น้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ 91.4  88.9  95.1  89.1
แร่โลหะ 101.4  96.7  98.0  103.6
การทำเหมืองแร่อื่นๆ 109.1  104.5  104.9  104.9
กิจกรรมบริการที่สนับสนุนการทำเหมืองแร่ 83.0  90.2  99.4  89.4
การผลิตสินค้า  111.7  110.8  101.7  110.1
สินค้าอาหาร  110.8  110.4  103.3  109.1
เครื่องดื่ม  95.8  106.3  103.3  99.9
ยาสูบ  105.2  107.2  101.2  103.1
สิ่งทอ  109.9  111.7  101.8  110.5
เสื้อผ้า  117.6  118.3  101.3  115.7
หนังและสินค้าที่เกี่ยวข้อง  114.7  113.4  103.5  116.7
การแปรรูปไม้และผลิตภัณฑ์จากไม้ ยกเว้นเฟอร์นิเจอร์ และการผลิตผลิตภัณฑ์หัตถกรรม  118.7  112.8  99.1  115.2
กระดาษและผลิตภัณฑ์จากกระดาษ  112.4  108.5  105.4  108.4
การพิมพ์และการทำสำเนาสื่อบันทึก  104.3  108.3  102.5  105.5
ผลิตภัณฑ์ถ่านโค้กและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม  130.6  147.2  98.2  114.1
เคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เคมี  108.2  111.1  102.0  106.0
ยาและผลิตภัณฑ์ทางพฤกษศาสตร์  106.0  97.6  101.4  96.3
ผลิตภัณฑ์จากยางพาราและพลาสติก  120.5  118.6  101.2  116.4
ผลิตภัณฑ์แร่โลหะอื่นๆ  108.9  108.9  105.1  108.1
โลหะพื้นฐาน  110.1  115.3  106.8  106.3
ผลิตผลิตภัณฑ์โลหะประดิษฐ์ (ยกเว้นเครื่องจักรและอุปกรณ์)  109.8  113.1  101.3  110.0
คอมพิวเตอร์และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์  111.5  108.3  98.5  109.8
อุปกรณ์ไฟฟ้า  96.8  81.4  100.8  93.8
เครื่องจักรและอุปกรณ์อื่นๆ  106.9  98.8  96.9  104.8
ยานยนต์  119.9  127.6  109.3  135.1
ยานพาหนะการขนส่ง ชิ้นส่วน อุปกรณ์และส่วนประกอบ  102.6  107.5  109.0  108.8
เฟอร์นิเจอร์  108.6  96.4  100.5  108.1
การผลิตสินค้าอื่นๆ  111.0  107.9  101.6  108.3
ซ่อม บำรุง รักษา และติดตั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์  112.3  103.1  103.6  110.5
การผลิตและจำหน่ายพลังงานไฟฟ้า  107.0  104.6  102.3  105.1
การผลิตน้ำประปาและการกำจัดของเสีย  108.6  107.6  104.9  110.2

ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม (General Statistics Office of Vietnam: GSO)

  1. การดำเนินธุรกิจ

ในเดือนเมษายน 2568 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ จำนวน 15,228 แห่ง ลดลงร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2568 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 โดยมีทุนจดทะเบียนมูลค่า 133,644 ล้านเวียดนามด่ง หรือประมาณ 5,140 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2568 และลดลงร้อยละ 23.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ทั้งนี้ มีธุรกิจที่กลับมาดำเนินการใหม่ จำนวน 9,014 แห่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.5 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ธุรกิจที่จดทะเบียนขอหยุดดำเนินการชั่วคราว จำนวน 7,184 แห่ง ลดลงร้อยละ 5.7 ธุรกิจที่หยุดดำเนินการรอการชำระบัญชี จำนวน 8,989 แห่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 93.1 และธุรกิจที่ปิดกิจการ จำนวน 1,750 แห่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.4

ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – เมษายน) มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ จำนวน 51,628 แห่ง ลดลงร้อยละ 9.1 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 โดยมีทุนจดทะเบียนมูลค่า 490,396 ล้านเวียดนามด่ง หรือประมาณ 18,861 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 6.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ทั้งนี้ มีธุรกิจที่กลับมาดำเนินการใหม่ จำนวน 38,321 แห่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.0 ธุรกิจที่จดทะเบียนขอหยุดดำเนินการชั่วคราว จำนวน 68,726 แห่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.9 ธุรกิจที่หยุดดำเนินการรอการชำระบัญชี จำนวน 20,152 แห่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.7 และธุรกิจที่ปิดกิจการ จำนวน 7,645 แห่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.1

  1. ภาคการลงทุน

5.1 การลงทุนของภาครัฐ ในเดือนเมษายน 2568 มีการลงทุนจากภาครัฐ มูลค่า 48,710 ล้านเวียดนามด่ง หรือประมาณ 1,873 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.9 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ส่วนในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – เมษายน) เวียดนามมีการลงทุนจากภาครัฐมูลค่าประมาณ 165,574 ล้านเวียดนามด่ง หรือประมาณ 6,368 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.7 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567

5.2 ต่างประเทศเข้ามาลงทุนในเวียดนาม

การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ดำเนินการในเวียดนามใน 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – เมษายน) มีมูลค่า 6,740 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 ในจำนวนนี้ อุตสาหกรรมการผลิตและแปรรูปมีมูลค่าการลงทุน 5,500 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 81.6 ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีมูลค่า 533.1 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 7.9 การผลิตและ การจำหน่ายไฟฟ้า, ก๊าซ, น้ำร้อน, ไอน้ำ และเครื่องปรับอากาศมีมูลค่า 266.2 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 3.9

FDI ในเวียดนามจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 มีมูลค่า 13,820 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 โดย FDI ที่ลงทะเบียนใหม่จำนวน 1,204 โครงการ มีมูลค่าการลงทุนรวม 5,590 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 23.8 ในส่วนของประเทศผู้ลงทุน สิงคโปร์เป็นนักลงทุนที่ใหญ่ที่สุดด้วยมูลค่าการลงทุน 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 28.6 ของมูลค่า FDI ที่ลงทะเบียนใหม่ รองลงมาคือ จีน 1,520 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 27.1 และญี่ปุ่น 573.2 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 10.3 นอกจากนี้ FDI ที่ปรับเพิ่มมูลค่าการลงทุน มีจำนวน 540 โครงการ เพิ่มทุนการลงทุนรวม 6,400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.9 เท่า และ FDI ที่ซื้อหุ้นและเพิ่มทุนในบริษัทของเวียดนาม มีจำนวน 1,106 โครงการ มีมูลค่าการลงทุนรวม 1,830 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2 เท่า

FDI โครงการใหม่ที่ได้รับอนุญาตในเวียดนามตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 30 เมษายน 2568

  โครงการใหม่

(จำนวน)

มูลค่าของโครงการใหม่

(ล้านเหรียญสหรัฐ)

มูลค่าของโครงการที่ปรับขึ้นมูลค่าลงทุน

(ล้านเหรียญสหรัฐ)

รวม 1,204 5,592.1 6,397.4
จังหวัดที่ได้รับการลงทุน      
Bac Ninh 100 619.2 2,059.1
Hai Phong 59 587.1 67.7
Ha Nam 25 470.6 289.7
Dong Nai 43 462.1 908.0
Ho Chi Minh City 475 442.5 164.6
Ba Ria – Vung Tau 17 380.9 535.2
Tay Ninh 8 263.6 109.8
Thai Binh 31 255.7 9.4
Can Tho 1 216.1 5.6
Binh Phuoc 18 178.0 33.9
Hung Yen 22 144.7 44.0
Hai Duong 21 142.3 129.6
Binh Duong 85 141.9 46.8
Tuyen Quang 2 135.3
Long An 49 127.1 105.9
Nam Dinh 8 122.2 93.2
Quang Ninh 7 119.9 51.8
Thai Nguyen 6 108.9 129.1
Quang Nam 8 89.7
Binh Dinh 6 67.1
จังหวัดอื่นๆ  213  517.1  1,614
ประเทศที่เข้าลงทุน      
Singapore 168 1,598.5 869.3
China 346 1,517.9 251.6
Japan 96 573.2 935.9
Special Administration Hong Kong 150 499.9 383.1
Taiwan 64 389.6 335.5
Virgin Islands (UK) 11 232.7 187.8
South Korea 115 148.0 2425.3
The United States 42 144.5 -98.2
Samoa 17 90.6 35.8
Denmark 2 71.0
Netherlands 7 51.6 16.3
Thailand 14 46.4 452.4
Cayman Islands 3 40.4 309.8
The United Kingdom 15 32.6 -4.2
Laos 1 30.3
Canada 12 28.2
Seychelles 7 19.5 21.6
Australia 15 19.3 10.3
Germany 9 17.6 5.3
Spain 4 14.2
Malaysia 14 5.9 61.9
ประเทศอื่นๆ 92 20.2 198.0

ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม

5.3 เวียดนามลงทุนในต่างประเทศ ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – เมษายน) เวียดนามลงทุนในต่างประเทศรวมมูลค่า 309.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.1 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 โดยมีโครงการใหม่ที่ได้รับใบรับรองการลงทุนจำนวน 43 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวม 269.2 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีโครงการที่ปรับเพิ่มทุนจำนวน 12 โครงการ มีมูลค่าการลงทุนเพิ่ม 40.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 69.1 เท่า

ทั้งนี้ มี 24 ประเทศที่ได้รับการลงทุนจากเวียดนาม โดยสปป.ลาว เป็นประเทศที่ได้รับการลงทุนสูงสุด มูลค่า 140.6 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 45.5 ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด รองลงมาคืออินโดนีเซีย 59.1 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 19.1 และฟิลิปปินส์ 34.3 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 11.1

  1. การค้า และการนำเข้า-ส่งออก

6.1 การขายปลีกสินค้าและบริการ

ในเดือนเมษายน 2568 การขายปลีกของสินค้าและบริการมีมูลค่า 582 ล้านล้านเวียดนามด่ง หรือประมาณ 22,387 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567

ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – เมษายน) การขายปลีกของสินค้าและบริการมีมูลค่า 2,285 ล้านล้านเวียดนามด่งหรือประมาณ 87,904 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 โดยการขายปลีกของสินค้ามีมูลค่า 1,752 ล้านล้านเวียดนามด่งหรือประมาณ 67,402 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 ธุรกิจบริการที่พักและร้านอาหารมีมูลค่า 270 ล้านล้านเวียดนามด่งหรือประมาณ 10,409 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 การท่องเที่ยวมีมูลค่า 30 ล้านล้านเวียดนามด่งหรือประมาณ 1,169 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.5 และการบริการอื่น ๆ มีมูลค่า 232 ล้านล้านเวียดนามด่งหรือประมาณ 8,923 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.6

ยอดขายปลีกสินค้าและบริการเวียดนามในเดือนเมษายน 2568

                                                                  หน่วย: พันล้านเวียดนามด่ง

    เม.ย. 2568 .ค. – เม.ย. 2568 เม.ย. 2568 เทียบกับ เม.ย. 2567 (%) .ค. – เม.ย. 2568 เทียบกับ ม.ค. – เม.ย. 2567 (%)
มูลค่ารวม โครงสร้าง (%)
รวม 582,064 2,285,514 100.0 111.1 109.9
ยอดขายปลีกสินค้า 442,820 1,752,460 76.7 108.8 108.7
ธุรกิจบริการที่พักและอาหาร 71,070 270,642 11.8 118.8 114.9
การท่องเที่ยว 9,118 30,401 1.3 146.1 124.5
บริการอื่นๆ 59,056 232,011 10.2 117.0 112.6

ที่มา: สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม

6.2 การนำเข้าสินค้า

ในเดือนเมษายน 2568 เวียดนามนำเข้าสินค้ามูลค่า 36,870 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเกือบเท่ากับเดือนมีนาคม 2568 ที่มีมูลค่า 36,880 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยการนำเข้าของบริษัทเวียดนาม มีมูลค่า 14,480 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 และเป็นการนำเข้าของบริษัทต่างชาติในเวียดนาม มีมูลค่า 22,390 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.2

ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – เมษายน) เวียดนามนำเข้าสินค้ามูลค่า 136,550 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.6 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 โดยเป็นการนำเข้าของบริษัทเวียดนามมีมูลค่า 51,260 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.1 และเป็นการนำเข้าของบริษัทต่างชาติในเวียดนาม มีมูลค่า 85,290 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.1 ทั้งนี้ จีนเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มูลค่า 53,200 ล้านเหรียญสหรัฐ

กลุ่มสินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ กลุ่มวัตถุดิบเพื่อใช้ในการผลิตสินค้า มูลค่า 128,170 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 93.9 และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค มูลค่า 8,380 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.1

6.3 การส่งออกสินค้า

ในเดือนเมษายน 2568 เวียดนามส่งออกสินค้ามูลค่า 37,450 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 2.8 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2568 โดยเป็นการส่งออกจากภาคการผลิตเพื่อส่งออกของเวียดนามมูลค่า 11,660 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.2 ภาคการผลิตเพื่อส่งออกของบริษัทต่างชาติในเวียดนาม มูลค่า 25,790 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 6.0

ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – เมษายน) เวียดนามส่งออกสินค้า มูลค่า 140,340 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.0 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 โดยเป็นการส่งออกจากภาคการผลิตเพื่อส่งออกของเวียดนามมูลค่า 40,740 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.1 และจากภาคการผลิตเพื่อส่งออกของบริษัทต่างชาติในเวียดนาม มูลค่า 99,600 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.0 ทั้งนี้ สหรัฐอเมริกาเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม มูลค่า 43,400 ล้านเหรียญสหรัฐ

กลุ่มสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมแปรรูป มูลค่า 123,710 ล้านเหรียญสหรัฐคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 88.2 กลุ่มสินค้าเกษตรและป่าไม้ มูลค่า 12,390 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 8.8 กลุ่มผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำ มูลค่า 3,210 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 2.3 และกลุ่มสินค้าเชื้อเพลิงและแร่ธาตุ  มูลค่า 1,030 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.7

  1. ดุลการค้า

ในเดือนเมษายน 2568 เวียดนามเกินดุลการค้า มูลค่า 580 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเกินดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกามูลค่า 10,400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 เมื่อเทียบกับเดือนมีนาคม 2568 เกินดุลการค้ากับสหภาพยุโรปมูลค่า 3,500 ล้านเหรียญสหรัฐ เท่ากับเดือนมีนาคม 2568 เกินดุลการค้ากับญี่ปุ่นมูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 100.0 ในขณะเดียวกัน เวียดนามขาดดุลการค้ากับจีนมูลค่า 10,200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 ขาดดุลการค้ากับเกาหลีใต้มูลค่า 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ เท่ากับเดือนมีนาคม 2568 และขาดดุลการค้ากับประเทศในภูมิภาคอาเซียนมูลค่า 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ 5.9

ในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2568 (มกราคม – เมษายน) เวียดนามเกินดุลการค้า มูลค่า 3,790 ล้านเหรียญสหรัฐ  โดยเกินดุลการค้ากับสหรัฐอเมริกามูลค่า 37,700 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.9 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2567 เกินดุลการค้ากับสหภาพยุโรปมูลค่า 13,400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.8 เกินดุลการค้ากับญี่ปุ่นมูลค่า 700 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 2 เท่า ในขณะเดียวกัน เวียดนามขาดดุลการค้ากับจีนมูลค่า 35,100 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 44.2 ขาดดุลการค้ากับเกาหลีใต้มูลค่า 9,600 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 และขาดดุลการค้ากับประเทศในภูมิภาคอาเซียนมูลค่า 5,400 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 83.1

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.ditp.go.th/post/205636&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw0IcH-08_VJ4ukE-Eduo9x2

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *