รัฐบาลกับโอกาสฟื้นเศรษฐกิจ

เศรษฐกิจประเทศไทยมีแนวโน้มเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากนโยบายการค้าโลก แต่ไทยมีมูลค่าเงินสำรองระหว่างประเทศช่วงปลายปี 2567 จัดอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง เป็นถ้อยคำแถลงยืนยันจาก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กลางเวทีที่ประชุมสภาฯ สมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569

เมื่อจำแนกรายจ่ายตามยุทธศาสตร์ โดยเฉพาะยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขัน โดยมุ่งพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล ใช้วงเงิน 1,555 ล้านบาท ผ่านโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลในส่วนของโครงข่ายสื่อสารหลัก บรอดแบนด์ความเร็วสูงที่มีคุณภาพและปลอดภัยเพื่อให้ครอบคลุมทั่วประเทศ

เน้นส่งเสริมลงทุนและใช้ทรัพยากรโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลร่วมกัน อาทิ บริการคลาวด์ภาครัฐ พร้อมมาตรการเฝ้าระวังภัยคุกคามไซเบอร์ ตัดวงจรอาชญากรรมออนไลน์ ตรวจสอบเหตุการณ์ละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล แก้ปัญหาแพลตฟอร์มออนไลน์ เพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือประชาชนด้านคดีและภัยออนไลน์

เมื่อส่องดูยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ เพื่อยกระดับการบริการภาครัฐให้มีขีดสมรรถนะสูง เปลี่ยนผ่านไปสู่ราชการทันสมัยในระบบดิจิทัล โดยเน้นให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล ใช้วงเงิน 6,921 ล้านบาท หวังยกระดับเปลี่ยนผ่านดิจิทัลภาครัฐให้คล่องตัว บริการประชาชนและภาคธุรกิจได้เต็มศักยภาพ

ขณะที่ ก.พ.ร.ได้รายงานพบอุปสรรคที่สำคัญทั้งงานบริการและข้อมูลภาครัฐไม่เชื่อมโยงกัน เกิดจากพัฒนาระบบไม่ได้มาตรฐานเดียวกัน ไม่ตอบโจทย์ประชาชนผู้ใช้งาน ฉะนั้นเมื่อเหลืออีก 2 ปีตามปฏิทินงบประมาณ รัฐบาลต้องผลักดันให้ไทยเดินไปสู่เป้าหมายในปี 2570 รวมบริการทุกหน่วยเข้าระบบกลางของประเทศให้ได้

ทั้งสองยุทธศาสตร์ที่รัฐบาลเน้นผลักดัน รวมถึงนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล นโยบายฮับดิจิทัลระดับภูมิภาค นโยบายฮับบล็อกเชนระดับภูมิภาค ยังเป็นการผลักดันที่มีโอกาสล้มเหลวสูงมาก เนื่องจากทั้งหมดเป็นเรื่องเดียวกัน ที่ต้องเริ่มจากโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล มีหัวใจสำคัญอยู่ที่นวัตกรรมหรือเครื่องมือที่นำมาใช้

แต่รัฐบาลหรือหน่วยงานของรัฐยังไม่มีนวัตกรรมดังกล่าว คือ บล็อกเชนสาธารณะ ที่มีองค์ประกอบบล็อกเชน 3เลเยอร์ สามารถจดบันทึกธุรกรรมและบัญชีชนิดเรียลไทม์ รวดเร็ว ปลอดภัย ควบคู่กับซอฟต์แวร์อินเตอร์เน็ตออฟ แอสเซต ส่งข้อมูลสินทรัพย์ดิจิทัลได้ไร้ขอบเขต ถ้ารัฐบาลตีโจทย์นี้แตกถึงจะมีโอกาสพลิกฟื้นเศรษฐกิจได้.