นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า ในวันที่ 18 ก.ค.นี้ น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ (บอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ) เพื่อพิจารณาการใช้วงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 157,000 ล้านบาท ภายหลังจากคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการฯ ได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว โดยจะพิจารณาจากโครงการที่มีความพร้อมมากที่สุด ในเบื้องต้นวงเงินอยู่มากกว่า 100,000 ล้านบาท และตนจะเน้นเรื่องโครงการที่ทำได้ก่อน ส่วนเรื่องการใช้เงินงบประมาณนั้น ตามหลักเกณฑ์ให้เสร็จภายในปีงบประมาณนี้ และต้องใช้เงินภายในปีงบประมาณหน้า
นายพิชัย ยังได้กล่าวถึงการคัดเลือกผู้สมัครผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่อยู่ระหว่างการคัดสรร ด้วยว่า “ตนคุยกับใครก็ได้ ขอให้คณะกรรมการเลือกมาเถอะ เพราะเดี๋ยวนี้เราเข้าใจกันเยอะขึ้น และตนเองก็ทำงานใกล้ชิดกับ ธปท.มากขึ้น”
ส่วนความคืบหน้าการเจรจาการค้าและภาษีไทย-สหรัฐอเมริกา นายพิชัย กล่าวว่า ขณะนี้เราเริ่มเจรจาในระดับทางการแล้ว และคาดว่า ยื่นข้อเสนอที่เป็นรายละเอียดอย่างเป็นทางการได้ในสัปดาห์นี้ แต่บางเรื่องก็ไม่ควรเปิดเผย โดยตอนนี้เป็นการพูดคุยแบบออนไลน์ แต่การเจรจาในครั้งต่อไปก็ต้องเจอหน้ากัน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีกำหนดเวลาเจรจาเมื่อใดนั้น นายพิชัย เอามือจุ๊จุ๊ปากแล้วบอกว่า ขอให้ใจเย็นๆ
ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม กล่าวว่า ตามที่กระทรวงคมนาคมขอรับจัดสรรงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 60,000 ล้านบาท ถูกคัดกรองเหลือ 40,000 ล้านบาท ขณะนี้กรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท ได้จัดเตรียมโครการ ขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างเอาไว้พร้อมแล้ว เนื่องจากรัฐบาล มีนโยบายต้องการผลักดันการลงทุนระยะสั้น ให้เม็ดเงินออกสู่ระบบอย่างรวดเร็ว เป็นโครงการที่มีความพร้อม โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาด 5-15 ล้านบาท กระทรวงคมนาคม จึงพร้อมเริ่มลงทุนได้ตามกำหนดในช่วงต้นเดือน ก.ค. โดยต้องรอสรุปยอดรับจัดสรรชัดเจน ในการประชุมบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจโดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 18 มิ.ย.นี้
ด้านที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (17มิ.ย.) น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงหลังเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมาตรการช่วยเหลือเกษตร กรชาวไร่อ้อย เก็บเกี่ยวอ้อยสดภาพดี เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ฤดูการผลิต 2567/2568 ผ่านมาตรการสร้างแรงจูงใจ กรอบวงเงิน 5,175 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินทุนจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) และพิจารณาเลือกการจ่ายเงินให้กับเกษตร ผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ได้เข้าถึงบริการของภาครัฐ ทั้งนี้ได้มีการมอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรมจัดทำแผนดำเนินงาน สนับสนุนให้เกษตรกรชาวไร่อ้อย สามารถเปลี่ยนวิธีการเก็บเกี่ยวอ้อย โดยไม่ต้องใช้วิธีเผา เพื่อให้เป็นวิธีการที่ยั่งยืน ไม่เป็นภาระต่องบประมาณของภาครัฐ
นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กรอบวงเงินที่ครม.อนุมติ 5,175 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในมาตรการสร้างแรงจูงใจแก่ชาวไร่อ้อยเก็บเกี่ยวอ้อยสดคุณภาพดี 100% โดยจ่ายเงินสนับสนุนเกษตรกรชาวไร่อ้อยในอัตรา 69 บาทต่อตัน เฉพาะอ้อยสดคุณภาพดีเท่านั้น ซึ่งในฤดูกาลผลิตปี 67/68 คาดการณ์ว่าปริมาณอ้อยทั้งสิ้น 93.17 ล้านตัน โดยมีสัดส่วนปริมาณอ้อยสดคุณภาพดีทั้งหมด 75 ล้านตันอ้อย หรือคิดเป็น 80% ของปริมาณอ้อยทั้งหมด ทั้งนี้ แหล่งเงินทุนจะใช้เงินจาก ธ.ก.ส. ไปพลางก่อน
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thairath.co.th/money/economics/thai_economics/2865100&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw3fez069TVak-IRYZmMWUnU