เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. ที่ห้องประชุมจำลอง โรงพยาบาลขอนแก่น นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานหลังประสบภาวะวิกฤติทางการเงินการคลัง โดยมี นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 7 และ นพ.สุรสิทธิ์ จิตรพิทักษ์เลิศ ผอ.รพ.ขอนแก่น นำเสนอแผนฟื้นฟูทางการเงินการคลังตามข้อเสนอแนะของกระทรวงฯ สำหรับปีงบประมาณ 2568
นายสมศักดิ์ เทพสุทิน กล่าวว่า รพ.ขอนแก่นเริ่มประสบภาวะขาดสภาพคล่องตั้งแต่ปี 2564 โดยยอดขาดทุนสะสมจนถึงปัจจุบันสูงถึงกว่า 1,200 ล้านบาท สะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างด้านงบประมาณและการบริหารจัดการในระบบสาธารณสุขระดับจังหวัด ซึ่งหากไม่รีบดำเนินการแก้ไขอาจส่งผลกระทบต่อการให้บริการประชาชนในวงกว้าง ในเบื้องต้น กระทรวงสาธารณสุขได้เสนอแนวทางการแก้ไขโดยขอยืมเงินจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) จำนวน 300 ล้านบาท เพื่อเพิ่มสภาพคล่องเร่งด่วนให้กับโรงพยาบาล พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เข้าตรวจสอบการดำเนินงานและสาเหตุของปัญหาดังกล่าว เพื่อให้การใช้งบประมาณเป็นไปอย่างโปร่งใสและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด
“สาเหตุพบว่ารายรับเงินบำรุงไม่เป็นไปตามแผน เนื่องจากขาดประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้ ผู้ป่วยสิทธิข้าราชการและชำระเงินเองมีน้อยกว่าโรงพยาบาลที่ขนาดและปริมาณผู้ป่วยใกล้เคียงกัน เพราะมีทางเลือกไปรับบริการที่โรงพยาบาลอื่น ขณะที่การควบคุมรายจ่ายเงินบำรุงก็ไม่มีประสิทธิภาพและไม่เป็นไปตามแผน โดยมีต้นทุนค่าแรงสูงกว่าโรงพยาบาลที่ขนาดและปริมาณผู้ป่วยใกล้เคียงกัน และยังขาดประสิทธิภาพในการควบคุมกำกับการบริหารจัดการภายใน สำหรับกรณีเงินงบประมาณที่ไม่สามารถเบิกจ่ายได้ทันตามกำหนดเวลาที่ส่งเรื่องไปยัง สปสช. เมื่อปลายปีงบประมาณที่ผ่านมา” นายสมศักดิ์ กล่าว
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การขาดทุนสะสมในระดับสูงของโรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่ เช่น รพ.ขอนแก่น ซึ่งถือเป็นเสาหลักของระบบบริการสุขภาพในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้สร้างความกังวลต่อทั้งบุคลากรทางการแพทย์และประชาชนผู้รับบริการ เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพและความต่อเนื่องของการดูแลรักษาในอนาคต หากไม่สามารถฟื้นฟูสถานะทางการเงินได้อย่างยั่งยืน ส่วนแนวทางและมาตรการที่ทางกระทรวงสาธารณสุขให้ทางโรงพยาบาลดำเนินการเพื่อเป้าหมายที่จะหยุดการขาดทุนของกระแสเงินสดหรือเงินบำรุง ให้มีรายรับมากกว่าหรือเท่ากับรายจ่าย โดยเจ้าหนี้ไม่เพิ่มขึ้นและมีปริมาณคงคลังที่เหมาะสมมีทั้งหมด 7 ข้อ
“จากนี้ไปจะร่วมกันจัดทำแผนเงินบำรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง โดยจัดทำเป็นแผนสมดุลรายรับและรายจ่ายเงินบำรุง และให้คณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลควบคุมกำกับอย่างเคร่งครัด มีการจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจด้านการจัดเก็บรายได้ โดยการมีส่วนร่วมของแผนกต่างๆ เพื่อเพิ่มรายรับเงินบำรุงให้มากกว่า 10% การที่คณะกรรมการที่เกี่ยวข้องด้านต้นทุนพัสดุ ทบทวนรายการที่มีมูลค่าการใช้สูงสุด 20 อันดับแรก และกำหนดมาตรการควบคุมการใช้ให้เหมาะสม เพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายด้านพัสดุให้ลดลงมากกว่า 20% ขณะเดียวกันคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลควบคุมการจัดซื้อจัดจ้างให้เป็นไปตามระเบียบและแผนเงินบำรุง มีการจัดทำ Dashboard สถานการณ์การเงินของโรงพยาบาลเพื่อสื่อสารให้บุคลากรรับทราบข้อมูลและให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา การแก้ไขปัญหาสภาพคล่อง โดยเร่งรัดการเรียกเก็บลูกหนี้จากหน่วยบริการภายในจังหวัดและเขตสุขภาพ พร้อมทั้งนำมาตรการเพิ่มรายรับและควบคุมรายจ่ายเงินบำรุงจากคณะทำงานที่เกี่ยวข้องมาจัดทำแผนฟื้นฟูกิจการเสนอคณะกรรมการแก้ไขปัญหาฯ และขอรับความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากส่วนกลาง และการให้คณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลเร่งแก้ไขตามข้อเสนอแนะของกองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ สธ.” นายสมศักดิ์ กล่าว
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.dailynews.co.th/news/4790731/&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2WyEOnbZUfSuLNhvy9e1VB