พิชัย ชูเสน่ห์หุ้นไทย ดันศก.โต ลุยออก G Token ระดมทุนแก้ขาดดุลงบฯ

พิชัย-ชูเสน่ห์หุ้นไทย-ดันศก.โต-ลุยออก-g-token-ระดมทุนแก้ขาดดุลงบฯ
พิชัย ชูเสน่ห์หุ้นไทย ดันศก.โต ลุยออก G Token ระดมทุนแก้ขาดดุลงบฯ

พิชัย รมว.คลัง เผยเร่งเครื่อง แก้กฎหมายตลาดทุนไทย ปรับปรุงกฎเกณฑ์คุม naked short sell และ เทรดอัตโนมัติ สร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน ลั่นลุยออก G Token ระดมทุนอุดขาดดุลงบฯ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “เสน่ห์หุ้นไทย : พลังผลักดันเศรษฐกิจ” ว่า ตลาดทุน หรือ ตลาดหุ้น ไม่ใช่แค่ช่องทางการลงทุน แต่เป็นเครื่องจักรสำคัญ ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยมองว่า หุ้นไทยยังมีศักยภาพ หุ้นไทยยังมีเสน่ห์มากในหลายเซกเตอร์ มีเสน่ห์ในจังหวะที่ราคามีความผันผวน แต่นักลงทุนที่มีความเข้าใจในกลไกเศรษฐกิจและวัฏจักรของตลาด เช่นในอดีตที่ดัชนีเคยร่วงไปอยู่ระดับต่ำกว่า 1,200 จุด แต่ยังกลายเป็นโอกาสสำคัญของผู้ที่มองการณ์ไกล

ตลาดหุ้นเป็นพลังผลักดันเศรษฐกิจไทย สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ ตลาดทุนต้องเข้มแข็ง มีเสน่ห์ต่อผู้ลงทุน หากเราเข้าใจมัน และจังหวะของมัน เราก็จะมองเห็นโอกาส โดยเฉพาะผู้ที่เข้าใจวัฏจักรเศรษฐกิจ เช่นในอดีตที่ดัชนีเคยร่วงต่ำกว่า 1,200 จุด ก็ยังดึงดูดนักลงทุนที่มองการณ์ไกล

แม้ตลาดหุ้นจะมีศักยภาพในตัวเอง แต่สัญญาณหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความอ่อนแรงของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมา คือ การเติบโตของ GDP ที่ชะลอลงต่อเนื่องตลอด 15 ปี จากอัตราโตระดับ 10% ในอดีต สู่ระดับเพียง 1.9% ในปัจจุบัน โดยปัจจัยที่ ฉุดการเติบโตของประเทศ ได้แก่ 

1.โตต่ำกว่าศักยภาพของประเทศ  แม้ไทยจะมีพื้นที่เกษตรอุดมสมบูรณ์ ประชากรกว่า 60 ล้านคน และเป็นจุดหมายท่องเที่ยวระดับโลก แต่ศักยภาพเหล่านี้กลับไม่สะท้อนออกมาเป็นการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริง

2.โตต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน  ในขณะที่หลายประเทศในภูมิภาคเดียวกันมีการเติบโตที่แข็งแรง ไทยกลับถูกทิ้งห่าง

3.การลงทุนที่หดตัวลงครึ่งหนึ่ง จากเดิมที่การลงทุนภาคเอกชนเคยสูงถึง 40% ของ GDP ในช่วงก่อนหน้านี้ ปัจจุบันลดเหลือเพียง 20% เท่านั้น ทั้งที่ขนาดเศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 19 ล้านล้านบาท

ดังนั้น การลงทุนภาคเอกชนคือหัวใจของการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งหากภาครัฐไม่สามารถกระตุ้นหรือสร้างความมั่นใจให้เอกชนได้ การลงทุนจะไม่เกิด และเศรษฐกิจก็จะไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้งในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ การแข่งขันทางการค้า และการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทาน ล้วนเป็นปัจจัยที่ไทยควรตามให้ทัน แม้เราควบคุมปัจจัยภายนอกไม่ได้ แต่ต้องคาดการณ์เป็น วางกลยุทธ์ให้แม่น ไม่เช่นนั้นจะเสียโอกาสจากความลังเล

ทั้งนี้ นายพิชัยยังเปิดเผยว่า รัฐบาลได้หารือกับกองทุนขนาดใหญ่และนักลงทุนสถาบันเพื่อ ทบทวนข้อจำกัดด้านกฎเกณฑ์ โดยเฉพาะกฎหมายที่ล้าสมัยซึ่งทำให้กองทุนบางแห่ง เช่น กองทุนประกันชีวิต ไม่สามารถลงทุนในหุ้นได้

นอกจากนั้น กระทรวงการคลังยังเร่งแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน โดยเฉพาะพระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ เพื่อป้องกันการเก็งกำไรผิดปกติ เช่น naked short sell หมายถึงการขายหุ้นโดยที่นักลงทุนไม่ได้ถือหุ้นนั้นอยู่จริงก่อนที่จะส่งคำสั่งขาย และการใช้ Algorithmic Trading หรือระบบเทรดอัตโนมัติ คือการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นอย่างไม่เป็นธรรม พร้อมเสนอให้หน่วยงานกำกับดูแลมีอำนาจฟ้องร้องคดีโดยตรง

หากปล่อยให้ความเชื่อมั่นสึกหรอจากความล่าช้า ตลาดทุนไทยจะอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ ผมอยากเห็นตลาดทุนของเราเดินหน้าอย่างมั่นคง บนกติกาที่โปร่งใสและสามารถแข่งขันได้ในระดับสากล แม้เราจะควบคุมปัจจัยภายนอกไม่ได้ แต่เราต้องปรับตัวให้ทัน ต้องวางกลยุทธ์ให้แม่นยำ และกล้าตัดสินใจ เพราะหากลังเล โอกาสก็จะหลุดมือไป

ในด้านนโยบายการคลัง นายพิชัยเผยว่า รัฐบาลเตรียมออก โทเคนดิจิทัลภาครัฐ (G Token) วงเงินเบื้องต้น 5,000 ล้านบาท เพื่อระดมทุนอุดช่องว่างงบประมาณ  เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถลงทุนได้ แม้มีเงินเพียงหลักพันบาท ต่างจากพันธบัตรที่เน้นนักลงทุนรายใหญ่เท่านั้น สำหรับไทม์ไลน์ยังคงเป็นไปตามกรอบเดิม โดยขณะนี้อยู่ระหว่างหารือรายละเอียดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อนจะได้ออกเป็นข้อสรุปที่ชัดเจนต่อไป นอกจากนี้ยังเตรียมเชื่อมระบบระหว่างตลาดทุนแบบเดิมกับ digital asset ให้สามารถ  สามารถทำงานได้บนหลายแพลตฟอร์มได้ในอนาคต รวมถึงอาจเชื่อมกับ exchange ต่างประเทศ เพื่อขยายฐานนักลงทุน 

สิ่งที่เราทำไม่ใช่คริปโตเก็งกำไร แต่เป็นทางเลือกใหม่ในการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยของรัฐ ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล อยู่ระหว่างการเชื่อมโยงระบบระหว่างตลาดทุนแบบเดิมกับสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึงเตรียมพัฒนา cross-platform กับ exchange ต่างประเทศ เพื่อขยายฐานนักลงทุนในอนาคต

นอกจากนี้ รัฐบาลเตรียมอัดฉีดงบ 157,000 ล้านบาท ภายใน 3 เดือน กระตุ้นเศรษฐกิจไทยปีนี้ ที่โตชะลอเหลือ 3.1% ใน 9 เดือนแรก คาด GDP ปีนี้โต 1.2-2% จากเดิม 3% งบลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรวมกว่า 4 ล้านล้านบาท เตรียมจัดลำดับความสำคัญใหม่ ภาษีเก็บได้ 14% ของ GDP ลดจาก 16% เดิม ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก 18% พร้อมช่วย SMEs ผ่าน soft loan เพิ่มสภาพคล่องตลาด หวังฟื้นความเชื่อมั่นดึงเงินลงทุนกลับสู่ตลาดหุ้นอีกครั้ง
 

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.posttoday.com/business/724590&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw1GyPdpvExov4w9RrfW7Y4x

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *