‘บุณยสิทธิ์’ จี้รัฐงัด ‘ควิกวิน’ ฟื้นเศรษฐกิจ จีดีพีโตต่ำลากยาว ‘นโยบายทรัมป์’ ตัวชี้ขาด

‘บุณยสิทธิ์’-จี้รัฐงัด-‘ควิกวิน’-ฟื้นเศรษฐกิจ-จีดีพีโตต่ำลากยาว-‘นโยบายทรัมป์’-ตัวชี้ขาด
‘บุณยสิทธิ์’ จี้รัฐงัด ‘ควิกวิน’ ฟื้นเศรษฐกิจ จีดีพีโตต่ำลากยาว ‘นโยบายทรัมป์’ ตัวชี้ขาด

ธุรกิจ

‘บุณยสิทธิ์’ จี้รัฐงัด ‘ควิกวิน’ ฟื้นเศรษฐกิจ จีดีพีโตต่ำลากยาว ‘นโยบายทรัมป์’ ตัวชี้ขาด

06 มิ.ย. 2025 เวลา 6:23 น.

แม่ทัพใหญ่เครือสหพัฒน์ ออกโรงกระตุกรัฐเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นต่างชาติ หวังดึงเงินเข้าลงทุนไทย หนึ่งใน “ควิกวิน” ฟื้นเศรษฐกิจ 3-6 เดือน

“เสี่ยบุณยสิทธิ์” ผู้นำอาณาจักรแสนล้าน “เครือสหพัฒน์” นิยามเศรษฐกิจไทยเหมือนรถยนต์สามล้อ เติบโตในภาวะถดถอย จับตาตัวแปรใหญ่ “นโยบายทรัมป์” ชี้ชะตาสถานการณ์ลากยาว แนะรัฐงัด “ควิกวิน” ฟื้นเศรษฐกิจ เร่งสร้างความเชื่อมั่นลงทุน ปลุกตลาดหุ้น ดึงเม็ดเงินเข้าประเทศ 

งานสหกรุ๊ปแฟร์ที่จัดประจำทุกปี “เสี่ยบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา” ประธานเครือสหพัฒน์ ออกมาให้ทัศนะเกี่ยวกับภาพรวมเศรษฐกิจ กำลังซื้อ รวมถึงมีข้อเสนอแนะให้ภาคธุรกิจ รวมถึงภาครัฐในการหามาตรการกระตุ้นอำนาจซื้อโดยรวม การสร้างเครื่องยนต์เพื่อขับเคลื่อนและฟื้นเศรษฐกิจไทย

เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะถดถอย

หากมองฉากทัศน์ปี 2568 “เสี่ยบุณยสิทธิ์” ให้นิยาม “เศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะถดถอย” เปรียบเสมือนยุครถยนต์มีสามล้อ ที่หมายถึงการถอยลงมา ไม่ใช่เจริญก้าวหน้า พัฒนาเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรืออีวีสะท้อนภาพเศรษฐกิจดี

เศรษฐกิจในปี 2568 ทำให้ธุรกิจเผชิญความยากลำบากกว่าปีที่แล้ว และช่วงวิกฤติโควิด-19 ระบาด เพียงแต่สิ่งที่ต่างคือ บริบท หรือยุคไม่เหมือนกัน แต่ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือไม่ ถือเป็นโอกาสในการปรับตัว

“เศรษฐกิจยุคสามล้อ เครือสหพัฒน์เราก็อยู่ได้ และเศรษฐกิจดีหรือไม่ดี เราต้องรู้จักปรับตัวเพื่อการอยู่รอด”

เมื่อเศรษฐกิจคือ ตัวแปรสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชน สอดคล้องกับกำลังซื้อผู้บริโภค และการค้าขาย “เศรษฐกิจที่โตต่ำ” จะเกิดขึ้นลากยาวแค่ไหน “เสี่ยบุณยสิทธิ์” ให้มุมมองว่า นโยบาย และภาษีทรัมป์ คือ ปัจจัยใหญ่ที่จะกระเทือนเศรษฐกิจทั่วโลก

“จะมองอนาคตเศรษฐกิจ ต้องมองนโยบายของสหรัฐก่อน แต่คาดหวังว่าเศรษฐกิจที่โตต่ำจะเกิดขึ้นไม่นาน”

สงครามการค้าระหว่าง “สหรัฐ-จีน” เป็นอีกปัจจัยเขย่าโลก ไทยจะอยู่รอดในสมการนี้ ควรมีจุดยืน “เป็นกลาง” อย่าไปชิดซ้าย หรือชิดขวา

“จุดแข็งของไทยคือ สามารถยืนอยู่ตรงกลาง และสงครามการค้าดีสุดเราต้องไม่ไปชิดซ้าย ชิดขวา”

ประเทศไทยถูก “หั่นเป้าจีดีพี” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อีกทั้งการเติบโตเศรษฐกิจยังต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านทั้งเวียดนาม อินโดนีเซีย ฯลฯ มิตินี้ หากมองอาเซียน “พื้นฐานจีดีพี” เพื่อนบ้านค่อนข้างต่ำ และไทยเจริญเติบโตมานาน เมื่อเป็นตัวเลขคาดการณ์จึงอยู่ในระดับต่ำ

“เศรษฐกิจไทยเคยเติบโตนำภูมิภาค เคยดีมาก่อน หากถามเศรษฐกิจไทยตอนนี้ยังมองว่าดี เพราะจีดีพีเรามาจากฐานที่สูง ส่วนเพื่อนบ้านมาจากฐานที่ต่ำ”

ปลุกเชื่อมั่นดึงลงทุนต่างชาติ ควิกวิน ศก.

เมื่อไทยตกอยู่ในห้วงภาวะเศรษฐกิจถดถอย หากจะฟื้นการเติบโต “เสี่ยบุณยสิทธิ์” มองนโยบาย “ควิกวิน” ภายใน 3-6 เดือน รัฐต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติโดยเร็ว เพื่อนำเงินเข้ามาลงทุนในไทย กระตุ้นตลาดทุนให้ดีขึ้น

เครือสหพัฒน์มีการผนึกพันธมิตร “ทุนญี่ปุ่น” เพื่อดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เวลานี้ นักลงทุนญี่ปุ่นยังมีความเชื่อมั่นด้านการลงทุนไทยต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจในญี่ปุ่นจะไม่ดีก็ตาม

“เมื่อเศรษฐกิจดี จะส่งผลต่อกำลังซื้อผู้บริโภคให้มีการจับจ่ายใช้สอยด้วย อย่างมาตรการควิกวันที่ต้องมีการสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน หลายประเทศอยากเข้ามาลงทุนในไทย แต่ไทยเราออกมาตรการช้า”

ส่วนมาตรการระยะกลางถึงยาว ต้องการให้เดินหน้าลงทุนโครงการขนาดใหญ่หรือเมกะโปรเจกต์ ทั้งขยายขนาดโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) การพัฒนาโครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้หรือแลนด์บริดจ์ รวมถึงทบทวนโครงการการขุดคอคอดกระ ซึ่งจะสนับสนุนโลจิสติกส์ของประเทศ ในการส่งออกสินค้าไปยังทวีปยุโรป โดยไม่ต้องอ้อมผ่านช่องแคบมะละกา และยังเอื้อต่อการเชื่อมตลาดไต้หวัน ญี่ปุ่น 

“เมื่อเรามีระเบียงเศรษฐกิจฝั่งตะวันออก ก็ต้องมีฝั่งใต้ ซึ่งแลนด์บริดจ์สำคัญ เปรียบเหมือนมีเขตเศรษฐกิจทั้งซ้าย และขวา ส่วนอีอีซีต้องขยายโครงการด้วยซ้ำ ที่สำคัญควรขุดคอคอดกระ เหล่านี้จะทำให้เศรษฐกิจไทยดี แต่ตอนนี้เราไม่ทำ มัวแต่พูดไม่ลงมือ ต้องกล้าๆ แม้มีบางประเทศเห็นต่าง”

มาตรการแจกเงินไม่สร้าง ศก.แค่หาเสียง

ขณะที่มาตรการแจกเงินต่างๆ มองว่าไม่ได้สร้างเศรษฐกิจ แต่เป็นนโยบาย “หาเสียง” มากกว่า

“มาตรการที่ควรออกมากระตุ้นเศรษฐกิจมีอีกมาก การพัฒนาโครงการต่างๆ เป็นหลักของประเทศเพื่อสร้างการเจริญเติบโตอย่างไร ส่วนการแจกเงิน มาตรการนี้ไม่มีอยู่ในตำราเศรษฐกิจเลย แต่อยู่ในตำราการหาเสียง”

ด้านแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจ เครือสหพัฒน์ การลงทุนจะไม่ฝืนธรรมชาติ เน้นจับจังหวะช้า-เร็วให้เหมาะสม

นอกจากนี้ การลงทุนของเครือสหพัฒน์ ยังเน้นร่วมมือกับพันธมิตรมากขึ้นจากทั่วโลก ส่วนธุรกิจที่ให้เน้นมากขึ้น ได้แก่ หมวดอาหาร อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจบริการ ซึ่งเติบโตเร็ว เช่น ขยายตลาดของแบรนด์คิวพี มาม่ามุ่งส่งออก รวมถึงธุรกิจสุขภาพหรือเฮลท์แคร์ ร่วมกับดุสิตธานีบริหารจัดการอสังหาฯ เป็นต้น ส่วนธุรกิจแฟชั่น เสื้อผ้า สิ่งทออยู่ในภาวะถดถอย

“เครือสหพัฒน์เราต่อสู้กับเศรษฐกิจขึ้นลงมาค่อนข้างมาก เศรษฐกิจดีเราก็โต เศรษฐกิจไม่ดีเราก็โตช้าเล็กน้อย ภายนอกอาจมองว่าเราเติบโตช้ากว่าคนอื่น แต่ทุกอย่างที่โต เราสร้างจากรากฐานเราเอง นอกจากนี้ ธุรกิจของเครือยังมุ่งสร้างความปลอดภัย มั่นคง บริหารจัดการความเสี่ยง ไม่เน้นพึ่งพาการกู้เงิน หรือกู้จากต่างประเทศ”

พิสูจน์อักษร….สุรีย์  ศิลาวงษ์

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.bangkokbiznews.com/business/business/1183531&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw1LrJRhWxbmv3NjUeRRiWaY

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *