บิ๊กเอกชนชี้ทางรอด ประคองเศรษฐกิจไทย ฝ่ามรสุมครึ่งปีหลัง
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังยังคงเผชิญกับตัวแปรสำคัญหลายด้าน โดยเฉพาะสถานการณ์การส่งออกที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้เหลือเวลายืดหยุ่นน้อยลงเหลือต่ำกว่า 40 วันก่อนการเรียกเก็บภาษีตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ไทยเต็มอัตรา 36% ส่งผลให้ภาคเอกชนและภาครัฐต้องเร่งเจรจาเพื่อลดผลกระทบโดยด่วน
ทั้งนี้คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินว่า หากไทยเจรจาแล้วถูกเก็บภาษีตอบโต้ 10% และบังคับใช้เต็มปี การส่งออกของไทยอาจเติบโตเพียง 0.3-0.9% และจีดีพีของประเทศจะลดลงเหลือเพียง 1.19-1.4% ขณะที่หากการเจรจาไม่สำเร็จและภาษีนำเข้าสูงถึง 36% ในครึ่งปีหลังการส่งออกจะติดลบถึง 2% และจีดีพีจะต่ำกว่า 1%

นอกจากมาตรการภาษีแล้ว สถานการณ์ท่องเที่ยวก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทาย ตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนลดลงเกือบ 30% ในช่วง 4 เดือนแรกของปี ส่งผลกระทบโดยตรงต่อรายได้จากการท่องเที่ยว ฉะนั้นในครึ่งปีหลังต้องมีความพยายามฟื้นฟู โดยการจัดแคมเปญและการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่น แต่ยังต้องจับตาการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนอย่างใกล้ชิด โดยมีนักท่องเที่ยวยุโรป รัสเซีย และตะวันออกกลางเข้ามาทดแทนบ้าง
อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกัน ภาคส่งออกไทยในช่วง 4 เดือนแรกยังเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 14% โดยเฉพาะในเดือนเมษายนที่โตถึง 10.2% ส่วนหนึ่งมาจากการเร่งนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ก่อนหมดช่วงยืดเวลาภาษี
ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมต่าง ๆ เริ่มปรับตัวลดเวลาทำงานและแรงงานลงตามความเหมาะสม เพื่อรองรับความไม่แน่นอนนี้ รัฐบาลและภาคเอกชนจับมือกันหาตลาดใหม่ในภูมิภาคที่มีศักยภาพสูง เช่น ตะวันออกกลาง ละตินอเมริกา และเอเชียใต้ พร้อมเร่งบูรณาการข้อมูลจากทูตพาณิชย์ทั่วโลกแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถปรับกลยุทธ์การตลาดและการผลิตได้ทันสถานการณ์
ทั้งนี้ภาครัฐยังต้องเร่งปรับโครงสร้างและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน หลีกเลี่ยงการพึ่งพาสินค้าเก่าและห่วงโซ่อุตสาหกรรมที่ล้าสมัย โดยมุ่งสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีดิจิทัล BCG และเกษตรแปรรูป เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจในอนาคต
สรุปภาพรวมเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังนี้ ต้องจับตาผลการเจรจากับสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเรื่องภาษีนำเข้า หากสามารถลดภาษีจากระดับสูงสุดที่ 36% เหลือ 10% ได้ จะช่วยลดแรงกดดันต่อการส่งออกและจีดีพี ขณะที่การสร้างตลาดใหม่และฟื้นฟูการท่องเที่ยว จะเป็นกุญแจสำคัญในการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจไทย
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thansettakij.com/economy/trade-agriculture/628823&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw14AxRPiv6OyNfjomQpxVGQ