เมื่อการไม่มีทายาททางธุรกิจ กลายเป็นภัยเงียบที่บ่อนทำลายเศรษฐกิจท้องถิ่น แม้จะยังคงทำกำไรได้ดี แต่ธุรกิจจำนวนมากในจังหวัดฟุกุชิมะ ประเทศญี่ปุ่น กลับต้องปิดตัวลงอย่างน่าเสียดาย เหตุผลไม่ใช่เพราะขาดทุน หรือขาดลูกค้า หากแต่เกิดจาก “การไร้ทายาทธุรกิจ” หรือเกิด Business Succession Crisis ซึ่งกำลังคืบคลานกลายเป็นปัญหาใหญ่ที่อาจลุกลามไปทั่วประเทศ และอาจไม่หยุดแค่ญี่ปุ่น
จากข้อมูลของ Teikoku Databank สาขาฟุกุชิมะ พบว่าจากจำนวนธุรกิจที่เลิกกิจการในปีที่ผ่านมา 871 แห่ง มีถึง 34.9% ที่ยังทำกำไรอยู่ ธุรกิจเหล่านี้ไม่ได้ล้มเหลวทางเศรษฐกิจ แต่พ่ายแพ้ต่อข้อจำกัดของอายุและการไม่มีผู้สืบทอดกิจการต่อ (ไม่สามารถหาผู้มารับช่วงต่อได้ทันเวลา)
“เศรษฐกิจไม่ได้ล้ม แต่คนล้ม” ประโยคสั้นๆ นี้อธิบายสถานการณ์อันน่าวิตกนี้ได้อย่างชัดเจน
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ปรากฏการณ์เช่นนี้มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัญหาขาดแคลนแรงงานจากภาวะสังคมสูงวัยและอัตราการเกิดที่ลดต่ำลง พร้อมเรียกร้องให้มีมาตรการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะอาจนำไปสู่การถดถอยของเศรษฐกิจระดับภูมิภาค
วิกฤตเงียบที่สะสมมานาน
เมื่อเจาะลึกลงไปพบว่าสาเหตุหลักมาจากอายุเฉลี่ยของเจ้าของกิจการในฟุกุชิมะที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2023 อยู่ที่ 61.3 ปี ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ และสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วประเทศที่ 60.7 ปี ขณะเดียวกัน มากกว่า 80% ของเจ้าของธุรกิจในฟุกุชิมะมีอายุ 50 ปีขึ้นไป และ 4.8% มีอายุ 80 ปีขึ้นไป ขณะที่การสำรวจทั่วประเทศพบว่า ในปีที่ผ่านมา มีบริษัทถึง 316 แห่งล้มละลายเนื่องจากเจ้าของเสียชีวิตหรือเจ็บป่วย
สถิตินี้สะท้อนว่าโครงสร้างประชากรของผู้บริหารธุรกิจกำลังก้าวเข้าสู่วัยเกษียณอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่มีใครพร้อมจะรับช่วงต่อ
เจ้าหน้าที่จาก Teikoku Databank เน้นย้ำว่า ควรเร่งดำเนินการเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝันตั้งแต่เนิ่นๆ
“เจ้าของกิจการควรเริ่มมองหาผู้สืบทอดจากคนใกล้ตัว เช่น ลูกค้า” เจ้าหน้าที่ Teikoku Databank กล่าว

The Japan Times รายงานกรณีของคิมิฮิโระ มัตสึซากิ วัย 79 ปี เจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อ “Yanagi” ที่ตั้งอยู่หน้าสถานีอิวากิ คือภาพแทนของเจ้าของธุรกิจจำนวนมากที่อยากให้ร้านอยู่ต่อ แต่ตัวเองทำต่อไม่ไหว
มัตสึซากิเปิดร้านนี้มาตั้งแต่ปี 1974 ยืนหยัดแม้ผ่านเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่และภัยพิบัตินิวเคลียร์ฟุกุชิมะ เพราะลูกค้ายังมาอุดหนุนไม่ขาดสาย แต่วันนี้เขายอมรับว่าร่างกายไม่ไหว และต้องการขายร้านในราคาสมเหตุสมผลให้กับคนรุ่นใหม่ที่พร้อมสืบสานความตั้งใจ
เมนูขึ้นชื่อของร้านที่ใช้วัตถุดิบสดใหม่จากชายฝั่งจังหวัดฟุกุชิมะได้แก่ เมนูปลาดิบสไตล์ญี่ปุ่นที่ทำจากปลาโบนิโตะ (Bonito) หรือที่บางครั้งเรียกว่าคัตสึโอะ (Katsuo) ในภาษาญี่ปุ่น โดยเมนูนี้จะหั่นเนื้อปลาเป็นชิ้นบางๆ และเสิร์ฟแบบดิบ คล้ายกับซาชิมิทั่วไป เช่น แซลมอนหรือทูน่า และเมนูหม้อไฟสุดพิเศษที่ใช้ปลาแองเกลอร์ฟิช (Anglerfish) หรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ปลาอังโค (Anko) เป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งเป็นของหายากและถือว่าเป็นอาหารเลิศรสประจำฤดูหนาวของญี่ปุ่น
มัตสึซากิเล่าว่า ความสุขที่สุดของเขาคือการได้เห็นลูกค้าเดินออกจากร้านพร้อมรอยยิ้ม แม้เขาจะมีท่าทีจริงจังขณะอยู่หน้าครัว แต่ทุกครั้งที่เห็นลูกค้าเพลิดเพลินกับอาหาร ก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้
เขาเริ่มเปิดร้านนี้เมื่ออายุ 29 ปี หลังจากฝึกฝนเป็นพ่อครัวมานาน 5 ปี ร้านของเขาและความเป็นกันเองของเขาได้รับการชื่นชมจากคนในพื้นที่
“วันที่ยากลำบากที่สุดคือช่วงแผ่นดินไหวใหญ่สึนามิ และเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ แต่ผมไม่เคยคิดจะเลิก เพราะยังมีลูกค้ามาเสมอ”
แต่เมื่อใกล้ 80 ปีแล้ว เขายอมรับว่าเริ่มไม่ไหว หากหาใครมารับช่วงได้ เขาพร้อมจะขายร้านในราคาย่อมเยา
มัตสึซากิหวังว่าผู้สืบทอดจะรักษาชื่อร้าน “Yanagi” ซึ่งแปลว่า “ต้นหลิว” ในภาษาญี่ปุ่น สื่อถึงความอ่อนโยนแต่ยืดหยุ่น ไม่หักแม้ลมแรง ซึ่งสะท้อนหัวใจของร้านนี้ได้อย่างแท้จริง
“ผู้คนมาเยือนอิวากิเพื่อสัมผัสรสชาติอาหาร ผมไม่อยากให้ร้านนี้ต้องเลือนหายไป”
ทำไมไม่มีคนรับช่วง?
ศูนย์สนับสนุนการสืบทอดกิจการ ซึ่งจัดตั้งโดยรัฐบาลกลางในจังหวัดฟุกุชิมะ รายงานว่าจำนวนคำปรึกษาเกี่ยวกับการหาผู้สืบทอดธุรกิจเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปีงบประมาณ 2023 มีจำนวนถึง 1,156 รายการ
อย่างไรก็ตาม การจับคู่ระหว่างเจ้าของธุรกิจที่ต้องการส่งต่อกิจการกับผู้ที่สนใจเข้ารับช่วงต่อ ไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากเงื่อนไขหรือความสนใจในสายอาชีพที่ไม่ตรงกัน กระบวนการจับคู่เจ้าของเดิมกับผู้สืบทอดจึงยังเต็มไปด้วยข้อจำกัด ทั้งด้านแนวคิด เงินทุน และเป้าหมายทางอาชีพ
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกรณีบริษัทจากเมืองหลวง (โตเกียว) ที่เข้าซื้อกิจการต่างจังหวัด แล้วปล่อยปละละเลย ไม่ส่งคนมาบริหาร จนสุดท้ายกิจการล้มเหลว เป็นการ ฆ่าธุรกิจท้องถิ่นทางอ้อม
ปัญหานี้เชื่อมโยงกับไทยอย่างไร?
ประเทศไทยเองก็กำลังเผชิญวิกฤตแบบเดียวกัน จากข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) พบว่าเจ้าของกิจการ เอสเอ็มอีจำนวนมากในไทยมีอายุเกิน 50 ปี และ มากกว่า 60% ไม่มีแผนการสืบทอดกิจการอย่างชัดเจน ซึ่งอาจนำไปสู่การสูญเสียธุรกิจคุณภาพที่เติบโตมานาน โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจฐานราก
ประเทศไทยยังเผชิญกับโครงสร้างประชากรสูงวัยที่คล้ายคลึงกับญี่ปุ่น ความท้าทายที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญจึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว
ทางออกของไทยควรเป็นอย่างไร?
1. ตั้งหน่วยงานกลางระดับประเทศ
คล้ายศูนย์สนับสนุนการสืบทอดธุรกิจในญี่ปุ่น ควรมีองค์กรกลางที่จัดระบบฐานข้อมูลของกิจการที่ต้องการหาผู้สืบทอด พร้อมจัดกระบวนการ “จับคู่” ที่โปร่งใสและตรงเป้าหมาย
2. ปรับ Mindset คนรุ่นใหม่
มีคนรุ่นใหม่จำนวมนไม่น้อยมองว่าการเริ่มธุรกิจใหม่ด้วยตัวเองเท่านั้นคือ “ความสำเร็จ” แต่ความจริงแล้วการสืบทอดธุรกิจเก่าที่มีฐานลูกค้าและระบบอยู่แล้ว อาจเป็นทางลัดที่ฉลาดและยั่งยืนกว่าการเริ่มจากศูนย์
3. ส่งเสริมระบบ “แฟรนไชส์กลับด้าน” ให้เจ้าของกิจการรุ่นเก่าสามารถถ่ายทอด know-how พร้อมเปิดให้คนรุ่นใหม่ซื้อกิจการในรูปแบบแฟรนไชส์ หรือ co-owner โดยรัฐสนับสนุนเงินทุนและที่ปรึกษาทางธุรกิจ
4. ส่งเสริมการสืบทอดภายในครอบครัวหรือพนักงานที่ใกล้ชิด เช่น ลูกหลาน หรือพนักงานที่ทำงานมานาน อาจเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพียงแต่ต้องได้รับการฝึกฝนและการสนับสนุนที่เหมาะสม
ธุรกิจดีที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมานาน ไม่ควรต้องล่มสลายเพราะไร้คนดูแล
ธุรกิจแบบร้าน Yanagi ของมัตสึซากิ คือความทรงจำ ความภาคภูมิใจ และคุณค่าทางเศรษฐกิจที่ยากจะประเมินราคา หากปล่อยให้ล้มหายไปตายจากไปเพราะไม่มีใครสานต่อ คือการสูญเสียที่ไม่ควรเกิดขึ้น
ในวันที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์และเอสเอ็มอีคือกระดูกสันหลังของเศรษฐกิจไทย เราจำเป็นต้องตั้งคำถามอย่างจริงจังว่า เราจะรักษาธุรกิจที่ดีให้อยู่ต่ออย่างไร เมื่อเจ้าของเก่าไปต่อไม่ไหว แต่คนใหม่ยังไม่พร้อมหรือไม่มีใครสานต่อ? เพราะธุรกิจที่ดี มีความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง ไม่ควรต้องปิดตัวเพียงเพราะเจ้าของชราภาพ ทำต่อไม่ไหว ถึงเวลาแล้วที่ไทยจะสร้างระบบรองรับการสืบทอดธุรกิจอย่างจริงจัง ก่อนที่ทรัพย์สินอันทรงคุณค่าทางเศรษฐกิจในท้องถิ่นจะค่อยๆ เลือนหายไปธุรกิจแล้วธุรกิจเล่า
ที่มา : Profitable Fukushima companies closing due to lack of successors
Post Views: 49
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.salika.co/2025/06/04/fukushima-family-business-lesson-thailand/&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw25vIivRW6djdbhpgFedBBH