ธอส.อัดฉีดเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ เติมวงเงินกู้ผ่านสินเชื่อซ่อม-แต่ง Plus สูงสุดรายละ 3 แสน

ธอส.อัดฉีดเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ-เติมวงเงินกู้ผ่านสินเชื่อซ่อม-แต่ง-plus-สูงสุดรายละ-3-แสน
ธอส.อัดฉีดเม็ดเงินสู่ระบบเศรษฐกิจ เติมวงเงินกู้ผ่านสินเชื่อซ่อม-แต่ง Plus สูงสุดรายละ 3 แสน

กรุงเทพฯ 26 พ.ค. – ธอส. อัดฉีดเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ เติมวงเงินกู้ผ่านสินเชื่อซ่อม-แต่ง Plus รวมสูงสุดรายละ 3 แสนบาท อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.00% ต่อปี ให้กู้เพิ่มเพื่อปรับปรุง ต่อเติม เปลี่ยนเฟอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์ภายในบ้านมากมาย

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) พร้อมดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง อัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ผ่านสินเชื่อซ่อม-แต่ง และสินเชื่อซ่อม-แต่ง Plus ให้กู้เพิ่มรวมวงเงินสูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท/ราย โดยวงเงิน 100,000 บาทแรก อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้นเพียง 1.00% ต่อปี สำหรับลูกค้าปัจจุบันของธนาคารที่ต้องการกู้เพิ่มเพื่อปรับปรุง ต่อเติม หรือซื้ออุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย อาทิ รีโนเวทบ้านใหม่ เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ หรือติดตั้ง Solar Roof ยื่นกู้ง่ายๆ โดยไม่ต้องจดทะเบียนการจำนองเพิ่มที่สำนักงานที่ดิน เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้าที่มีประวัติการผ่อนชำระหนี้ดี จำนวนกว่า 400,000 ราย มั่นใจส่งผลบวกต่อระบบเศรษฐกิจในระยะสั้นได้ ผู้ที่สนใจสามารถยื่นกู้ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายกมลภพ วีระพละ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาลและกระทรวงการคลัง ที่ต้องการให้ ธอส. ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ เป็นกลไกหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ และจัดทำมาตรการช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัยให้คนไทย ซึ่ง ธอส. ดำเนินงานโดยไม่มุ่งเน้นกำไรสูงสุด แต่ดำเนินการตามพันธกิจ “ทำให้คนไทยมีบ้าน” จัดทำสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ เพื่อแบ่งเบาภาระของลูกค้าและประชาชน ล่าสุด ธอส.ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ย MRR ธอส. อยู่ในระดับต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับธนาคารพาณิชย์และสถาบันการเงินของรัฐอื่น และที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ ธอส. จัดทำสินเชื่อซ่อม-แต่ง กรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี เพียง 1.00% ต่อปี ให้กู้เพื่อต่อเติม ซ่อมแซม หรือซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย วงเงินให้กู้ต่อรายต่อหลักประกันสูงสุด 100,000 บาท ซึ่งได้รับความสนใจจากลูกค้าเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเพื่อให้ลูกค้าได้มีวงเงินกู้เพิ่มขึ้น ธอส. จึงจัดสรรกรอบวงเงิน 5,000 ล้านบาท เพื่อเติมวงเงินกู้ให้กับลูกค้าเพิ่มอีก 200,000 บาท/ราย ผ่านสินเชื่อซ่อม-แต่ง Plus ที่อัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1-3 เท่ากับ 1.99% ต่อปี และปีที่ 4-5 เท่ากับ 3.50% ต่อปี

สำหรับลูกค้าปัจจุบันของ ธอส. ทำนิติกรรมสัญญาและผ่อนชำระเงินกู้กับธนาคารมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี วงเงินกู้เดิมภายใต้หลักประกันสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท มีประวัติการผ่อนชำระสม่ำเสมอทุกเดือนไม่น้อยกว่า 1 ปี สามารถขอกู้เพิ่มเพื่อปรับปรุง ต่อเติม หรือซื้ออุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวเนื่องเพื่อประโยชน์ในการอยู่อาศัย อาทิ รีโนเวทบ้านใหม่ เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าใหม่ หรือติดตั้ง Solar Roof ซึ่งการกู้เพิ่มดังกล่าว ลูกค้าไม่ต้องจดทะเบียนการจำนองเพิ่มที่สำนักงานที่ดิน เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับลูกค้า ทำให้ ธอส. มั่นใจว่าลูกค้าได้รับความสะดวกในการยื่นกู้

“จากข้อมูลของ ธอส. พบว่ามีลูกค้าที่มีประวัติการผ่อนชำระหนี้ดี สามารถกู้เพิ่มภายใต้โครงการสินเชื่อซ่อม-แต่ง และสินเชื่อซ่อม-แต่ง Plus จำนวนกว่า 400,000 ราย วงเงินกู้สูงสุดรายละ 300,000 บาท กรอบวงเงินรวม 10,000 ล้านบาท แบ่งเป็น สินเชื่อซ่อม-แต่ง วงเงิน 100,000 บาทแรก อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 1.00% ต่อปี และสินเชื่อซ่อม-แต่ง Plus วงเงิน 200,000 บาท อัตราดอกเบี้ย 1.99% ต่อปี โดยเชื่อว่ายังคงได้รับความสนใจจากลูกค้า และเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจในระยะสั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ” นายกมลภพ กล่าว

ลูกค้าที่สนใจสามารถยื่นคำขอกู้ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ G H Bank Call Center โทร. 0-2645-9000 หรือ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และติดตามข่าวสารของธนาคารได้ที่ Application : GHB ALL GEN และ www.ghbank.co.th.-111-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด


ดูทั้งหมด

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่ 26 พ.ค.-เชียงใหม่ฝนตกหนัก น้ำป่าไหลหลาก สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง เกรงจะเกิดอันตราย ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ น้ำท่วมหลายชุมชน ระบายน้ำไม่ทัน บางจุดรถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ฝนตกหนัก ทั่วทั้งจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากลงลำห้วย ทางหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ เชียงใหม่ สั่งปิดน้ำตก 3 แห่ง ทั้งน้ำตกแม่สา น้ำตกตาดหมอก อำเภอแม่ริม และน้ำตกหมอกฟ้า อำเภอแม่แตง เนื่องจากปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นและมีสีแดงขุ่น กระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก เกรงว่าจะเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยว ขณะที่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่ ฝนที่ตกหนักบนดอยสุเทพ และในตัวเมืองเชียงใหม่ ทำให้น้ำป่าบนดอยสุเทพ ไหลหลากลงลำห้วยมาตามทางระบายน้ำและไหลลงลำคลองคูไหว ทำให้เอ่อล้น จนระบายน้ำไม่ทัน เข้าท่วมขังในชุมชนศรีปิงเมือง ชุมชนฟ้าใหม่ ชุมชนกาดก้อม ระดับน้ำท่วมขังสูง 30-50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ทำให้ประชาชนและร้านค้าได้รับผลกระทบเป็นบริเวณกว้าง ประกอบกับนักเรียนกำลังเดินทางไปเรียน อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางเทสบาลนครเชียงใหม่ กำลังเร่งสูบระบายน้ำอย่างเร่งด่วน.-สำนักข่าวไทย

กทม. 25 พ.ค.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยฝนตกหนักถึงหนักมาก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม กรมอุตุนิยมวิทยา เผยบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ขอให้ประชาชนในบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินโคลนถล่ม โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง และเส้นทางที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมขังในระยะสั้นได้ สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกัน โดยการปรับปรุงระบบทางระบายน้ำในแปลงเพาะปลูก เพื่อลดผลกระทบและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับผลผลิตทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยง เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศไทยตอนบน และภาคใต้ตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันตอนบนควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย .-สำนักข่าวไทย

กทม. 25 พ.ค.- ภารกิจสำเร็จ! ทีมกู้ภัยนำร่าง “นายดาว” คนงานพลัดตกหลุมเสาเข็ม ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ขึ้นมาด้านบนสำเร็จ หลังใช้เวลาปฏิบัติการกว่า 130 ชั่วโมง ความคืบหน้ากรณีนายศราวุฒิ หรือ นายดาว อายุ 33 ปี ชาวศรีสะเกษ คนงานที่พลัดตกลงไปในหลุมเสาเข็มความลึก 19 เมตร บริเวณพื้นที่ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย บริเวณปากซอยหลานหลวง 6 และ 8 แขวงมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา เข้าสู่วันที่ 6 แล้ว หลังจากเมื่อวานนี้ เจ้าหน้าที่ได้คาดพิกัดที่อาจพบร่างผู้เสียชีวิตที่ระดับความลึก 11.5 เมตร ล่าสุดเมื่อเวลา 19.00 น.วันที่ 24 พ.ค. บริเวณซอยหลานหลวง 8 เจ้าหน้าที่ทีมกู้ภัย USAR และมูลนิธิร่วมกตัญญู ยังคงพยายามเร่งค้นหาเพื่อกู้ร่างนายศราวุฒิ ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยมี […]

สงขลา 25 พ.ค.- ชาวสวนยางสงขลา ผวา! แม่งูจงอางหวงไข่ดุมาก ไล่ฉกเจ้าของสวนวิ่งป่าราบ ต้องหยุดกรีดยาง ร้อนถึง “บังยาบองหลาคิงส์” ราชางูจงอางภาคใต้ ต้องมาช่วยจับ บังยา บองหลาคิงส์ ราชางูจงอางของภาคใต้ ตีรถด่วนจาก จ.กระบี่ มาช่วยจับงูจงอางนอนฟักไข่เฝ้ารังอยู่ในป่าสวนยาง พื้นที่บ้านควนยาง หมู่ 9 ต.สำนักแต้ว อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นสวนยางของนายปรีชา อายุ 46 ปี ซึ่งตอนนี้เดือดร้อนมาก ไม่กล้าไปกรีดยางเพราะมีแม่งูจงอางมานอนฟักไข่เฝ้ารังติดกับต้นยาง ครั้งแรกที่ไปเจอตอนไปกรีดยางเมื่อ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา เกือบโดนฉกมาแล้วเพราะเข้าไปใกล้รัง จนต้องวิ่งหนีสุดชีวิต หลังจากนั้นก็ไม่กล้าขึ้นไปกรีดยางอีกเลย จนต้องแจ้งขอความช่วยเหลือไปยัง บังยา บองหลาคิงส์ ให้มาช่วยจับ เมื่อทีมงานบังยา บองหลาคิงส์ มาถึงก็ต้องเดินเท้าขึ้นไปที่ป่าสวนยาง ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านพอสมควร เมื่อไปถึงก็พบแม่งูจงอางตัวนี้นอนอยู่บนรังไม่ไปไหน และดุมากชูคอฉกตลอดเวลาหากเข้าใกล้ บังยาต้องหลอกล่ออยู่สักพักก็อาศัยจังหวะความนิ่งใช้มือเปล่าล็อกคอเอาไว้ได้ เป็นแม่งูสาวน่าจะท้องแรกหรือท้องสอง ยาวเกือบ 3 เมตร และเมื่อรื้อรังดูก็มีไข่อยู่ในรัง 28 ฟองและอีกไม่เกิน 10 […]

ข่าวแนะนำ


เชียงใหม่ 26 พ.ค. – ฝนที่ตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำจากบนดอยไหลหลากเข้าท่วมหลายพื้นที่ของเชียงใหม่ ทั้งในเขตตัวเมืองและอีกหลายอำเภอ โดยเฉพาะริมลำน้ำขานใน อ.สันป่าตอง และดอยหล่อ น้ำทะลักท่วมบ้านเรือนเป็นวงกว้าง ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก แม้ระดับน้ำจะลดลงบ้างแล้ว แต่ยังต้องเฝ้าระวังฝนตกหนัก ซึ่งจะทำให้มวลน้ำไหลมาท่วมเพิ่มขึ้นอีก.-สำนักข่าวไทย

26 พ.ค. – ฝนตกหนักในพื้นที่ จ.ชัยนาท ทำให้คันกั้นอ่างเก็บน้ำเขาแหลมแตกทะลักท่วมพื้นที่เกษตรใน ต.ไร่พัฒนา กว่า 70 ไร่ ส่วนที่เพชรบูรณ์ รถออฟโรดลื่นไถลพลิกคว่ำทางลงผาตัด โชคดีไม่มีใครบาดเจ็บ ที่เห็นอยู่นี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณทางขึ้นผาตัด ต.เข็กน้อย อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 25 พ.ค.ที่ผ่านมา รถกระบะออฟโรดคันหนึ่งกำลังค่อยๆ ขับลงเนินมา แต่เมื่อถึงกลางเนิน รถเกิดลื่นไถลลงไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับเสียหลักด้านข้างชนกับภูเขาจนรถพลิกคว่ำล้อชี้ฟ้า โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ขณะที่คนเข้าไปช่วย ก็ลื่นไถลเหมือนสไลเดอร์เช่นกัน ผาตัด เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังและเป็นที่ชื่นชอบของคนขับรถออฟโรดและรถจักรยานยนต์วิบาก และเป็นจุดอันตราย เคยมีรถออฟโรดพลิกคว่ำ ทำให้คนขับเสียชีวิตเมื่อ 3 ปีที่แล้ว คันกั้นอ่างเก็บน้ำเขาแหลมแตก ทะลักท่วมพื้นที่เกษตรจากฝนที่ตกหนักในพื้นที่ จ.ชัยนาท ทำให้ช่วงเช้าที่ผ่านมา (26 พ.ค.) คันกั้นสระพักน้ำหลัก สถานีสูบน้ำอู่ตะเภา-ไร่พัฒนา หรืออ่างเก็บน้ำเขาแหลม ใน ต.ไร่พัฒนา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ทรุดตัวและแตกเป็นช่องกว้างกว่า 15 เมตร น้ำที่มีอยู่ในอ่างกว่า 70,000 ลูกบาศก์เมตร ไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่การเกษตรในพื้นที่ ม.1 […]

กทม. 26 พ.ค. – DSI ส่งสำนวน สั่งฟ้อง 5 ผู้ต้องหา คดีนอมินี บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ให้อัยการ บ่ายนี้ ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ กล่าวภายหลังประชุมคณะพนักงานสอบสวนคดีความผิดตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 หรือคดีนอมินี บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด กรณีตึก สตง.ถล่ม ว่า วันนี้ (26 พ.ค.) ดีเอสไอได้สรุปสำนวนสั่งฟ้องต่ออัยการคดีพิเศษ มีผู้ต้องหาทั้งหมด 5 คน เป็นนอมินีคนไทย 3 คน นายชวนหลิง จาง และนายบินลิง วู ที่ยังหลบหนีอยู่และการข่าวพบว่ายังอยู่ในไทย เชื่อว่าจะจับกุมตัวได้โดยเร็ว ชุดสืบสวนสะกดรอยและการข่าวกำลังเร่งติดตามตัว ยังไม่มีการประสานเข้ามอบตัว โดยการสอบสวนยังพบว่านอมินีคนไทยเกี่ยวข้องมีตำแหน่งในอีก 17 บริษัท ซึ่งดีเอสไอจะแยกสำนวนเป็นอีกคดี […]

ก.มหาดไทย 26 พ.ค.-“อนุทิน” รมว.มหาดไทย เผยน้ำท่วมแม่สาย เอาอยู่ ยังไม่ถึงขั้นประกาศภัยพิบัติ ระดมสรรพกำลังช่วยเต็มที่ บอกจังหวัดข้างเคียงเตรียมลอกท่อ แก้สิ่งปฏิกูลขวางทางน้ำ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนานกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ว่า รับทราบสถานการณ์ตั้งแต่วันศุกร์แล้ว ซึ่งขณะนี้สถานการณ์อยู่ในระดับที่ควบคุมได้เป็นอย่างดี เราได้ระดมบุคลากรเข้าไป ทั้งฝ่ายปกครอง และฝ่ายทหาร ซึ่งเจ้ากรมทหารช่างอยู่ในพื้นที่พอดีจึงทำให้สามารถที่จะป้องกันน้ำท่วมได้ในระดับหนึ่ง การช่วยเหลือก็เข้าไปพร้อม ซึ่งเราควบคุมสถานการณ์ได้ก่อน จึงยังไม่ถึงขั้นจะต้องประกาศเป็นเขตภัยพิบัติ ผู้ว่าก็อยู่ในพื้นที่ตลอดเวลา ขณะนี้อธิบดีปภ.ก็อยู่ในพื้นที่เช่นกัน และก็ได้ขอให้อธิบดี ปภ. ไม่เดินทางไปต่างประเทศ เพราะมีภารกิจที่สำคัญเช่นกัน ให้ประจำอยู่ที่เชียงรายบัญชาการ เตรียมความพร้อมในการป้องกันและรอบต่อไปให้มากที่สุด ที่ จ.เชียงใหม่ ก็เช่นกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดได้เร่งระดมกำลัง กำจัดพวกวัชพืชที่อยู่บริเวณทางผ่านของน้ำ เพื่อไม่ให้ติดตรงคอสะพาน และขวางเส้นทางน้ำ เหมือนปีที่ผ่านมา และปีนี้ต่อให้มีปริมาณฝนจำนวนมาก ถ้าเราสามารถทำให้การระบายน้ำไม่มีอุปสรรคได้ ก็จะทำให้น้ำระบายไปที่เขื่อนภูมิพลได้อย่างเต็มที่ นายอนุทิน ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันเสาร์ (24 พ.ค.) ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีอยู่ต่างประเทศก็เร่งสั่งการด้วยความเป็นห่วงเรื่องสถานการณ์น้ำท่วมที่ภาคเหนือ เลขาธิการนายกรัฐมนตรีก็ได้โทรมาสอบถาม และแจ้งว่าถ้าต้องการการสนับสนุนจากส่วนกลาง สำนักนายกรัฐมนตรีอย่างไรให้รีบแจ้ง […]

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://tna.mcot.net/business-1534483&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw1vPOMKIKnJ5W8Gf-gJh_uE

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *