“ทักษิณ” เผย รัฐควรใช้ 1.57 แสนล้าน ดันเศรษฐกิจ แก้หนี้ครัวเรือน

นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเข้าร่วมงานครบรอบ 25 ปี เนชั่นทีวี และได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชลในเครือเนชั่นกรุ๊ป โดยได้ให้ความเห็นถึงกรณีการมาตรการใช้ภาษี 157,000 ล้านบาท ของรัฐบาล

โดยระบุว่า มาตรการ 157,000 ล้าน ที่เตรียมไว้สำหรับดิจิตจะต้อง wallet คิดว่าตอนนี้มาตรการภาษีของอเมริกามีผลกระทบหลายด้านจึงสำรองไว้เพื่อที่จะอุดหนุนช่วยประชาชนหรือ ภาคเอกชน ที่ได้รับผลกระทบจำนวนหนึ่ง 

นอกเหนือจากนั้นจะนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจคือการลงทุนให้เม็ดเงินอยู่ในพื้นที่อยู่กับประชาชน ซึ่งคิดว่าน่าจะดีกว่าในช่วงนี้เพราะว่าความไม่แน่นอนยังมีเยอะ

ส่วนกรณีจะมีดิจิตอลวอลเลตเฟส 3 หรือไม่นั้น นายทักษิณ กล่าวว่า ต้องมีรอให้เศรษฐกิจมันดีขึ้น คืออะไรที่สัญญากับประชาชนไว้ต้องทำ ทำช้าทำเร็วก็ต้องทำเหมือนกับว่าเรามีเจ้าหนี้อยู่ 100 บาท แต่ตอนนี้มีอยู่ 10 บาท ก็ต้องทยอยใช้เมื่อไหร่หาได้เกิน 100 ก็จะให้ครบ

ต่อมาผู้สื่อข่าวถามถึงมาตรการอะไรบ้างที่รัฐบาลควรจะต้องเร่งดำเนินการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นายทักษิณ ตอบว่า วันนี้ต้องเข้าถึง ยิ่งเรื่องของราคาสินค้าเกษตร เพราะว่ามันถึงประชาชนโดยตรง

แต่ผลกระทบมันเยอะ เพราะเนื่องจากว่าเราจะใช้เงินของรัฐไปค้ำประกันอย่างเดียวไม่พอเพราะตอนนี้รัฐมีเงินอุดหนุนไม่พอ รัฐมีหนี้สูงมาก จะเต็มเพดานอยู่แล้ว และหนี้ของภาคครัวเรือนก็สูงมาก เราพยายามทำระบบหนี้ให้มันไปได้ ต้องทั้ง

1.กระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้หนี้ลดลง

2.การกระตุ้นที่ไม่ก่อหนี้มากเกินไป 

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าควรปรับตัวอย่างไรเพื่อรองรับความไม่แน่นอนนี้ นายทักษิณ กล่าวว่า ตอนนี้ทุกคนต้องตื่น วิธีทำมาหากินวิธีเดิมอาจจะไม่ค่อยสำเร็จ เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือมันสินค้าจากจีนเข้ามาเยอะ การแข่งขันก็ลำบาก

รัฐบาลเองก็กำลังดูว่าสินค้าจากจีนที่เข้ามาถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้องก็ต้องขอความร่วมมือกับทางรัฐบาลจีนและบริหารให้ดีเพราะวันนี้มีการลักลอบเอาสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานเข้ามาเยอะเกินไป อันนี้เราก็ต้องมาดูไม่งั้น SME อยู่ไม่ได้

ปัญหาเศรษฐกิจที่กังวลที่สุดคือเรื่องหนี้ครัวเรือน ตอนนี้กำลังแก้ปัญหาหลายเรื่องคิดว่าประมาณ 500,000 รายแล้วที่ได้รับการแก้ไขจากทั้งหมดประมาณ 5 ล้านราย ปัญหาหนี้ครัวเรือนเบาบางลงประชาชนจะสามารถปรับตัวได้

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าจะมีการตั้งกองทุนล้างหนี้ให้ด้วยหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า คงไม่ถึงขนาดนั้นแต่เราสามารถใช้กลไกทั้งธนาคารของรัฐและกองทุนที่มีอยู่เราเอาตรงนี้มาแก้ปัญหานี้ให้ประชาชนแต่จะมาล้างเลยไม่ได้