ตีกรอบใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้าน ปัดตกโครงการต่ำกว่า 5 แสนบาท

ตีกรอบใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ-1.57-แสนล้าน-ปัดตกโครงการต่ำกว่า-5-แสนบาท

เศรษฐกิจ

10 มิ.ย. 2025 เวลา 14:45 น.

ตีกรอบใช้งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้าน ปัดตกโครงการต่ำกว่า 5 แสนบาท

คณะอนุกรรมการ กลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ตีกรอบใช้งบ 1.57 แสนล้าน ต้องเข้าเกณฑ์ ปัดตกโครงการต่ำกว่า 5 แสนบาท ยันใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างปกติ

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยในฐานะประธานการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้กรอบวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ว่า วันนี้ (10 มิ.ย.68) ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าจะอนุมัติโครงการใด เนื่องจากต้องการให้มีการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ โดยโครงการที่ใช้งบประมาณดังกล่าวจะต้องเข้าเงื่อนไข 4 กลุ่มเป้าหมายที่กำหนด ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)

ดังนั้น การประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ในวันพรุ่งนี้จึงจะเลื่อนออกไปก่อน

“การพิจารณาโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายใต้วงเงิน 1.57 แสนล้านบาท เราจะไม่รีบร้อน เพราะเป็นเงินก้อนใหญ่ และต้องใช้ให้เข้าเงื่อนไขตามกรอบที่กำหนด หากเสนอมาไม่ตามเงื่อนไขก็ต้องกลับไปทบทวน”

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ (10 มิ.ย.68) นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้พิจารณาเรื่องการใช้งบประมาณใน 3 ส่วน ได้แก่ งบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้าน งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 และงบประมาณกลาง ให้ดำเนินการอย่างรัดกุม และกลั่นกรองอย่างละเอียด ระมัดระวัง

ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 144 ผู้ใดให้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัดหรือสมาชิกสภาเทศบาล เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมคณะอนุกรรมการฯ วันนี้ จะมีการกำหนดกรอบการใช้งบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท เนื่องจากมีคำขอโครงการเข้ามาจำนวนมากกว่า 10,000 โครงการ มูลค่ากว่า 400,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงจะมีการลงรายละเอียดให้มีความชัดเจนมากขึ้น

“ยกตัวอย่างหากเป็นการลงทุนโครงการน้ำ จะต้องเป็นโครงการในพื้นที่ ที่เกิดปัญหาน้ำท่วม หรือภัยแล้งซ้ำซาก ไม่ใช่ในพื้นที่ใดก็ได้ ส่วนโครงการถนนต้องเป็นโครงการที่เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันโลจิสติกส์ของประเทศได้”

ขณะเดียวกัน มีการกำหนดไม่ให้ใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างวิธีพิเศษทุกโครงการ โดยจะต้องมีการประมูลโครงการตามวิธีปกติ รวมทั้งจะไม่พิจารณาโครงการที่วงเงินต่ำกว่า 500,000 บาท เพื่อไม่ให้เม็ดเงินเกิดการรั่วไหล เหมือนที่หลายฝ่ายกังวล 

“ทั้งนี้ วงเงิน 1.57 แสนล้าน ไม่จำเป็นต้องพิจารณาใช้เป็นงบลงทุนทั้งหมด สุดท้ายหากจัดสรรโครงการไม่ครบทั้งหมด ก็จะมีกลไกนำงบประมาณดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่นๆ”

นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังมีเวลาพิจารณาโครงการที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างรอบคอบ เนื่องจากประเมินว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจะเริ่มขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 เมื่อมาตรการภาษีของสหรัฐจะมีความชัดเจน และคลี่คลายมากขึ้น 

“ซึ่งตอนนี้มีข่าวดีแล้วว่าไทยจะได้เจรจากับสหรัฐอย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งถ้าเป็นไปได้ด้วยดี ผลกระทบทางเศรษฐกิจก็จะเบาบางลง อย่างไรก็ตาม ภาษีศุลกากรพื้นฐานที่สหรัฐจะเก็บทุกประเทศ 10% น่าจะยังคงอยู่ แต่ขอให้ไทยไม่เสียเปรียบประเทศคู่ค้า และประเทศคู่แข่ง”
 

พิสูจน์อักษร….สุรีย์  ศิลาวงษ์

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1184175&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw1y-2QG1PRJ9Dj4AaXGKAeE

Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *