นายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี68นี้แย่กว่าช่วงเกิดโควิด-19 โดยเปรียบเสมือนกับยุครถ 3 ล้อ ที่ถดถอยแต่ยังสามารถอยู่กันได้ หากเศรษฐกิจดีก็จะเหมือนรถยนต์อีวี โดยแต่ละยุคเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะไม่เหมือนกัน บางยุคเศรษฐกิจไม่ดีก็ยังเป็นโอกาสเช่นเดียวกับยุคเศรษฐกิจดีหากมีการปรับตัวก็จะอยู่รอด ส่วนเศรษฐกิจในอนาคตจะเป็นอย่างไรนั้นต้องจับตาตวามเคลื่อนไหวจากนโยบายสหรัฐ แต่เชื่อว่ากระทบทั่วโลกได้ไม่นานเพราะทุกประเทศรับรู้และพร้อมตั้งหลักแล้ว
อย่างไรก็ตาม มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงที่เหลือปีนี้สิ่งสำคัญ คือ ต้องสร้างความเชื่อมั่นเพื่อดึงการลงทุนจากต่างชาติ จากนั้นควรมีโครงการขุดคลองคอดกระ พร้อมกับขยายโครงการอีอีซีในหลายๆจุด เช่นทางใต้ที่เรียกว่าโครงการแลนด์บริดจ์ หรือโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน

นายบุญชัย โชควัฒนา ประธานกรรมการบริษัท บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด กล่าวว่า เศรษฐกิจปีนี้แม้ปัญหาหนี้ครัวเรือนยังสูง และเกิดปัญหาจากความไม่แน่นอนของนโยบาย ทรัมป์ แต่เชื่อว่ายังไงก็รอด และอยากเสนอแนะให้ภาคส่งออกอย่าตื่นตระหนกตกใจกับกำแพงภาษีสหรัฐ พร้อมกับหาวิธีในการส่งสินค้าเข้าไปสหรัฐและประเทศอื่นๆต่อเนื่อง เพราะเชื่อว่าคนสหรัฐยังไงก็ต้องมีการบริโภค จึงไม่อยากให้กังวลไปเอง ขณะเดียวกันอยากให้รัฐบาลสร้างกำลังแก่ประชาชนไม่ให้ท้อถอย หากไม่ตกงานก็อยากให้ใช้จ่ายเหมือนเดิม
“กำลังซื้อเกิดจากความเชื่อมั่นของประชาชน ถ้าเศรษฐกิจไม่ดี ยอดขายตก และหากไม่มีกำลังใจด้วยแล้วจะยิ่งทำให้การใช้จ่ายชะลอตัวมากยิ่งขึ้น“
สำหรับสหพัฒนพิบูลไตรมาสแรกปี68 บริษัทมีรายได้เติบโต 4.8% และกำไรเติบโตประมาณ 20% มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท จากการจำหน่ายสินค้าที่มีกำไรสูงได้เยอะ อีกทั้งไม่ว่าวิกฤติเศรษฐกิจหรือวิกฤติอะไรบริษัทก็พร้อมปรับตัว โดยที่ครึ่งปีหลังนี้เชื่อว่าจะทำให้เติบโตดียิ่งขึ้นจากการปรับเปลี่ยนวิธีคิดของพนักงานฝ่ายขายให้เปลี่ยนแปลงพัฒนาตนเอง ปรับทัศนคติสร้างการเติบโต(Growth Mindset)ให้มียอดขายเพิ่ม เช่น หาโอกาสขยายช่องทางจำหน่ายร้านเอเย่นต์ใหญ่ให้ครอบคลุมมากขึ้นจากปัจจุบันมีร้านค้าหน่วยรถ 32,000 ร้านค้า ตั้งเป้าหมายปีนี้ยังเติบโต 10% รายได้ 50,000 ล้านบาท
“สำหรับนิยามการทำธุรกิจปีนี้มองว่าต้องเปลี่ยนแปลง แก้ไขอยู่ตลอดเวลา ใช้เงินให้น้อยลง ฟุ่มเฟือยให้น้อยลง ดูแลลดต้นทุน อย่ารอให้แย่แล้วมาลด และทำช่องทางขายที่อ่อนแอให้แข็งแรงขึ้นมา”
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.dailynews.co.th/news/4784556/&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw3HRBe0SIp02Fzr_2MmLEtc