ชี้ทางรอด SME หลังเศรษฐกิจทรุด พลิกฟื้นด้วยพลังคลัสเตอร์

ชี้ทางรอด-sme-หลังเศรษฐกิจทรุด-พลิกฟื้นด้วยพลังคลัสเตอร์
ชี้ทางรอด SME หลังเศรษฐกิจทรุด พลิกฟื้นด้วยพลังคลัสเตอร์

ทางรอด SME หลังเศรษฐกิจทรุด พลิกฟื้นด้วยพลังคลัสเตอร์ ร่วมมือกันในรูปแบบเครือข่าย ช่วยให้ต้นทุนลดลง กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น และมีอำนาจต่อรองในตลาดมากขึ้น

วันที่ 7 มิ.ย. 68 มีรายงานว่า ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่ซบเซาต่อเนื่องจากผลกระทบของโควิด-19 เงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนทางการเมือง SME ไทยจำนวนมากกำลังเผชิญกับภาวะยากลำบาก ทั้งในแง่ยอดขาย ต้นทุน และการแข่งขัน แต่ในวิกฤติครั้งนี้ก็ได้จุดประกายแนวคิดใหม่ที่กำลังเป็นทางรอดสำคัญของผู้ประกอบการรายย่อย นั่นคือการรวมกลุ่มแบบ “คลัสเตอร์” (Cluster Model) นักวิจัยชี้การจัดการความร่วมมือรูปแบบใหม่ เป็นจุดเปลี่ยนให้ SMEs ไทย ก้าวข้ามปัญหา พร้อมเติบโตและขยายฐานการปลูก การผลิต และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ครอบคลุมทุกมิติ

นายสมประสงค์ พยัคฆพันธ์ รองประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย และหัวหน้าโครงการสร้างเครือข่ายธุรกิจชุมชนร่วม (Cluster) เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ภายใต้การสนับสนุนของหน่วยบริหารและจัดการกองทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ และวิจัยนวัตกรรม (อว.) กล่าวว่า โครงการสร้างเครือข่ายธุรกิจชุมชนร่วม (Cluster) เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก เป็นการดำเนินงานวิจัยโดยการพัฒนากลไกในพื้นที่ ประกอบด้วย มหาวิทยาลัย หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วิสาหกิจชุมชน สหกรณ์ และล้ง ที่อยู่ในพื้นที่ สู่การเชื่อมโยงกับภาคส่วนธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยดำเนินการศึกษาวิจัย ควบคู่กับการขับเคลื่อนเพื่อพัฒนา SIE และพัฒนา Cluster สินค้าจำนวน 6 ประเภท ประกอบด้วย มะระขี้นก ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากหม่อนไหม อาหารและผลิตภัณฑ์ฮาลาล อาหารทะเล ผลไม้ และกาแฟ

หน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) ได้ดำเนินการสนับสนุนโครงการ “สร้างเครือข่ายธุรกิจชุมชนร่วม (Cluster) เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก” เพื่อส่งเสริมศักยภาพทางธุรกิจของชุมชนอย่างเป็นระบบ จากการดำเนินงานในระยะเวลาที่ผ่านมา พลังของคลัสเตอร์จะช่วยให้ SME ไม่ต้องสู้เพียงลำพังอีกต่อไป แต่สามารถรวมพลังกันทั้งในมิติการผลิต การตลาด การจัดซื้อ และการใช้เทคโนโลยี ร่วมกันในรูปแบบเครือข่าย ทำให้ต้นทุนลดลง กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น และมีอำนาจต่อรองในตลาดมากขึ้น ทั้งยังเปิดโอกาสในการสร้างแบรนด์ร่วมและการส่งออกที่ยั่งยืนมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานรัฐ มหาวิทยาลัย และภาคีเอกชน ซึ่งปัจจุบัน หลายพื้นที่ในประเทศไทยได้เริ่มต้นใช้โมเดลคลัสเตอร์กับสินค้าเด่นประจำถิ่น เช่น คลัสเตอร์ผ้าทอ, สมุนไพร, ผลิตภัณฑ์อาหาร GI, และงานหัตถกรรม ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า หากมีการจัดการที่ดีและมีผู้นำเครือข่ายเข้มแข็ง SME ก็สามารถฟื้นตัวได้เร็ว และกลายเป็นกำลังสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจท้องถิ่นและประเทศ

นายสมประสงค์ กล่าวสรุปว่า เราจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงภาคธุรกิจหลักในผลิตภัณฑ์ตามคลัสเตอร์ เข้ามามีส่วนร่วมในการยกระดับการดำเนินงาน ทั้งด้านการตลาดและเทคโนโลยี การจัดทำแผนสำรองในการสร้างผลผลิตให้เพียงพอและสม่ำเสมอ โดยขับเคลื่อนเชิงนโยบายด้วยการเชื่อมโยงหน่วยงานภาครัฐที่มีศักยภาพ ความร่วมมือนี้จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากให้เชื่อมโยงกับตลาดสมัยใหม่ ผ่านช่องทางจำหน่ายที่หลากหลาย ทั้งในรูปแบบออฟไลน์ เช่น การร่วมออกงานแสดงสินค้า การวางจำหน่ายในร้านค้าสมัยใหม่ และการสร้างเครือข่ายผู้ซื้อในแต่ละพื้นที่ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์และจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมั่นคงและยั่งยืน.

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thairath.co.th/news/local/localbusiness/2863053&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2bABdJcfAXy6IsP8Shxz6W

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *