ความตกลงทางการค้าระหว่างสหราชอาณาจักรและอินเดียฉบับนี้เป็นความตกลงฉบับ “ประวัติศาสตร์” เนื่องจากใช้เวลานานถึงสามปีในการเจรจา และเป็นความตกลงทางการค้าทวิภาคีที่ใหญ่ที่สุดและมีความสำคัญทางเศรษฐกิจมากที่สุดนับตั้งแต่สหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรปในปี 2563 โดยความตกลงนี้จะมีผลบังคับใช้ในอีกหนึ่งปี
ในปี 2567 ที่ผ่านมา การค้าระหว่างสหราชอาณาจักรและอินเดียมีมูลค่ารวม 42,600 ล้านปอนด์ รัฐบาลอังกฤษคาดว่าความตกลงทางการค้าฉบับนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าการค้าได้อีก 25,500 ล้านปอนด์ต่อปีภายในปี 2583 อีกทั้งอินเดียยังเป็นคู่ค้าที่มีศักยภาพสูงของสหราชอาณาจักร เนื่องจากอินเดียมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลกในขณะนี้ และคาดว่าจะก้าวขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ภายในไม่กี่ปีข้างหน้า ในขณะเดียวกันสหราชอาณาจักรก็เป็นเป้าหมายสำคัญของอินเดีย โดยอินเดียตั้งเป้าเพิ่มการส่งออกมายังสหราชอาณาจักรเป็น 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2573
ผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรจะได้รับประโยชน์จากการลดภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดีย ได้แก่ เสื้อผ้าและรองเท้า รถยนต์ อาหาร เช่น กุ้งแช่แข็ง เครื่องประดับและอัญมณี ทั้งนี้ สหราชอาณาจักรยังสามารถขยายการส่งออกไปยังอินเดียได้มากขึ้นเนื่องจากภาษีที่ลดลง ได้แก่สินค้าประเภท เหล้าจินและวิสกี้ เครื่องบิน อุปกรณ์ไฟฟ้า และเครื่องมือแพทย์ เครื่องสำอาง เนื้อแกะ แซลมอน ช็อกโกแลต และบิสกิต รถยนต์มูลค่าสูง ความตกลงนี้ยังครอบคลุมถึงภาคบริการและการจัดซื้อจัดจ้าง ทำให้บริษัทของสหราชอาณาจักรสามารถเข้าร่วมประมูลโครงการต่างๆ ในอินเดียได้มากขึ้น
ความตกลงนี้ ยังส่งผลให้พนักงานของบางบริษัทในอินเดียและสหราชอาณาจักรจะได้รับการยกเว้นการจ่ายประกันสังคม (National Insurance) เป็นเวลา 3 ปี ซึ่งรัฐบาลอินเดียเรียกว่า “ความสำเร็จที่ไม่เคยมีมาก่อน” การยกเว้นนี้ครอบคลุมพนักงานชาวอินเดียที่ถูกส่งมาทำงานชั่วคราวในสหราชอาณาจักร และพนักงานชาวสหราชอาณาจักรที่ถูกส่งไปทำงานในอินเดีย โดยนายจ้างและลูกจ้างจะต้องจ่ายเงินประกันสังคมเฉพาะในประเทศต้นทางของตนเท่านั้น ไม่ต้องจ่ายซ้ำซ้อนในทั้งสองประเทศ โดยรัฐบาลอังกฤษยืนยันว่าการยกเว้นการจ่ายประกันสังคมจะไม่กระทบต่องบประมาณ NHS (บริการสุขภาพแห่งชาติ) เนื่องจากแรงงานชาวอินเดียที่ทำงานในสหราชอาณาจักรยังคงต้องจ่ายค่าธรรมเนียมด้านสุขภาพคนเข้าเมือง (immigration health surcharge)
ที่มา: BBC News
ข้อมูลเพิ่มเติม/ความเห็น สคต.
นับตั้งแต่สหราชอาณาจักรได้ออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) รัฐบาลอังกฤษได้บรรลุความ ตกลงทางการค้ากับประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และ อินเดีย ในส่วนของไทยนั้น เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 นายเดวิด คาเมอรอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตนายกรัฐมนตรี สหราชอาณาจักร เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการเพื่อกระชับความสัมพันธ์และขับเคลื่อนความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์สหราชอาณาจักร-ไทย (Thailand-UK Strategic Partnership Roadmap) กับไทย โดยทั้งสองฝ่ายได้ลงนามแผนการว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ สหราชอาณาจักร-ไทย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านกลาโหม สภาพภูมิอากาศและพลังงาน การค้าและการลงทุน เกษตรกรรม ดิจิทัลและเทคโนโลยี สาธารณสุขและการศึกษา
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.ditp.go.th/de/post/205425&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2Vnq6BqwOD7ojfPz9I7rFx