กรุงเทพ 9 มิ.ย. – “คมนาคม” อัดฉีดเม็ดเงิน 5.6 หมื่นล้าน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย หนุนการจ้างงาน ดันท่องเที่ยว ฟื้นฟูโครงสร้างพื้นฐาน มุ่งเน้นยกระดับความปลอดภัยในการเดินทาง-ขนส่ง พร้อมแก้ปัญหาจราจร-เชื่อมโยงโครงข่ายทั่วประเทศ มั่นใจเกิดประโยชน์สูงสุด กระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติอนุมัติแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาท เพื่อกระจายเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ส่งเสริมการจ้างงาน เพิ่มโอกาสในการประกอบอาชีพให้กับประชาชน พร้อมทั้งสนับสนุนการท่องเที่ยว โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานที่รับงบประมาณจัดทำโครงการและคำของบประมาณ เพื่อดำเนินการตามแผนดังกล่าวนั้น
ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงคมนาคม ได้เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณรวม 6 หน่วยงาน วงเงินรวม 56,666 ล้านบาท ประกอบด้วย กรมทางหลวง (ทล.) ประมาณ 4,000 โครงการ วงเงิน 37,636 ล้านบาท กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ประมาณ 3,700 โครงการ วงเงิน 17,051 ล้านบาท กรมท่าอากาศยาน (ทย.) วงเงิน 766 ล้านบาท การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) วงเงิน 1,022 ล้านบาท บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) วงเงิน 15 ล้านบาท และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) วงเงิน 42 ล้านบาท
โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการรอความเห็นจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) และสำนักงบประมาณ ก่อนจะเสนอให้ ครม. พิจารณาภายใน 2 สัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม หากได้รับการพิจารณาอนุมัติการจัดสรรงบประมาณแล้ว คาดว่าจะสามารถเริ่มกระบวนการประมูล และเซ็นสัญญาได้ในช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม 2568 จากนั้นจะเริ่มดำเนินโครงการต่อไปในทันที
นายสุริยะ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการที่เสนอขอรับจัดสรรงบประมาณ เพื่อดำการตามแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้กรอบวงเงิน 157,000 ล้านบาทนั้น จะมุ่งเน้นเป็น โครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางและขนส่ง รวมถึงเพื่อแก้ปัญหาการจราจรในพื้นที่ที่เป็นคอขวด และขาดความเชื่อมโยง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดเล็กถึงกลาง มีกรอบวงเงินตั้งแต่ 5-20 ล้านบาทต่อโครงการ สามารถดำเนินการได้ภายในปีเดียว อีกทั้งต้องมีความพร้อมในการดำเนินการ สามารถเริ่มการประมูลได้ทันที เพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว
“ยกตัวอย่างโครงการด้านความปลอดภัยที่เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณในครั้งนี้ เช่น โครงการยกระดับความปลอดภัยทางถนน เส้นทางกบินทร์บุรี-วังน้ำเขียว ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง โดยจะดำเนินการติดตั้งไฟส่องสว่าง ขีดสีตีเส้นจราจร ติดตั้งราวกันตก และติดตั้งระบบป้ายอัจฉริยะ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการคมนาคมของประเทศ ผมมั่นใจว่างบประมาณที่จัดสรรจะเกิดประโยชน์สูงสุดและสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ“ นายสุริยะ กล่าว
นายสุริยะ กล่าวอีกว่า ในส่วนของรายละเอียดการจัดสรรงบประมาณ แบ่งตามหน่วยงาน และหมวดหมู่ ประกอบด้วย ทล. จะดำเนินโครงการครอบคลุมการแก้ไขปัญหาการจราจรที่เป็นคอขวด เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง ปรับปรุงถนนเชื่อมโยงเมืองรอง แหล่งท่องเที่ยว, ทช. เน้นการเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางและขนส่ง การปรับปรุง-พัฒนาถนนเชื่อมโยงเมืองรอง แหล่งท่องเที่ยว และพื้นที่การผลิต, ทย. เสนอขอรับการจัดสรรงบประมาณสำหรับโครงการปรับปรุงสนามบินให้ได้มาตรฐานความปลอดภัยและเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ อาทิ งานก่อสร้างเสริมความแข็งแรงทางวิ่ง ปรับปรุงระบบไฟฟ้าลงใต้ดิน และปรับปรุงระบบตรวจอาวุธและวัตถุระเบิด
ขณะที่ รฟท. จะดำเนินโครงการโดยมุ่งเน้นการเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางและขนส่ง และแก้ไขปัญหาจุดตัดระหว่างทางรถไฟกับถนนเสมอระดับ อาทิ โครงการแก้ไขผลกระทบจากอุบัติเหตุ ปรับปรุงทางรถไฟ สถานี และระบบอาณัติสัญญาณ, บขส. ดำเนินโครงการด้านความปลอดภัย ส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรองด้วยรถโดยสารของ บขส. และปรับปรุงสถานีขนส่งผู้โดยสาร, ขสมก. ดำเนินโครงการแก้ไขปัญหาการจราจรในพื้นที่คอขวด เพิ่มความปลอดภัยในการเดินทาง เช่น โครงการปรับปรุงเบาะและหลอดไฟในรถโดยสาร เป็นต้น.-513-สำนักข่าวไทย
ดูข่าวเพิ่มเติม
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://tna.mcot.net/business-1540588&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2FxNB0rOFV8bb1FJIXOZF3