สรุปว่า งบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่เหลืออยู่ 1.57 แสนล้าน รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร จะนำมากระตุ้น จีดีพี ที่ได้รับผลกระทบจาก มาตรการภาษีตอบโต้ อาทิ สร้างงาน ขุดแหล่งน้ำ สนับสนุนการผลิตทางด้านการเกษตร ช่วยลดผลกระทบสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี หว่านแห เอาไว้ทั่วไปหมด ยกเว้น โครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3-4 ให้ชะลอเอาไว้ก่อน
ก็ สภาพัฒน์ เล่นประเมินเศรษฐกิจไทยหลังได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐฯว่า จีดีพี จะโตระหว่าง 1.3-2.3% จากเป้าหมายที่รัฐบาลจะปั้นให้ จีดีพี โตมากกว่าร้อยละ 3 ว้าวุ่นเลยทีนี้
ปัจจัยจากต่างประเทศไม่มีสัญญาณบวก การเจรจานิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯกับอิหร่าน แม้จะทำให้การคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกจะอยู่ที่ช่วงราคา 55 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล หรือการเจรจาหาข้อตกลงมาตรการภาษีระหว่าง จีนกับสหรัฐฯ ที่สหรัฐฯลดภาษีนำเข้าให้จีนจาก 145% มาอยู่ที่ 30% ขณะที่จีนลดภาษีให้สหรัฐฯจาก 125% มาอยู่ที่ 10% หรือการประกาศข้อตกลงทางการค้าระหว่าง สหรัฐฯกับอังกฤษ ลดกำแพงภาษีมาอยู่ที่ 10% อังกฤษลดภาษีนำเข้าให้สหรัฐฯเหลือ 1.8% ยกเว้นเหล็กและอะลูมิเนียมเหลือ 0% ภาษีรถยนต์อยู่ที่ 10% อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯยังคงที่อยู่ที่ 4.25-4.50% ก็ตาม ก็ไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
ยิ่งถ้าฟัง รมว.คลังสหรัฐฯ สก็อตต์ เบสเซนต์ ไปออกรายการทีวีของ NBC และ CNN ระบุ ทรัมป์ จะใช้อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ที่เคยประกาศไปก่อนหน้านี้ กับ ประเทศคู่ค้า “ที่ไม่เจรจาข้อตกลงการค้าอย่างซื่อตรง” ซึ่งจะถูกมาตรการทางด้านภาษีในอัตราที่เคยประกาศไปเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา (มากกว่า 30%) โดยตอนนี้โฟกัสไปที่ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ 18 ประเทศ ซึ่งจะมีหนังสือเตือนไปถึงประเทศที่เสี่ยงต่อการถูกเก็บภาษีเต็มอัตราที่ไม่จริงใจในการเจรจากับสหรัฐฯ
ถึง รมว.คลังสหรัฐฯ จะไม่ได้ระบุว่าใน 18 ประเทศคู่ค้าที่ได้เปรียบดุลการค้ากับสหรัฐฯมีประเทศใดบ้างแต่สื่อต่างประเทศคาดการณ์ว่าในจำนวนนี้มีประเทศไทยอยู่ด้วย
ก่อนหน้านี้ โฆษกทำเนียบขาว แถลงว่าสหรัฐฯได้รับดีลการค้าจาก 18 ประเทศคู่ค้าแล้ว อ้าง รมว.คลังเป็นคนระบุเอง เน้นทำข้อตกลง กับจีน มากที่สุด ส่วนการหารือ กับญี่ปุ่น ได้ผลมาก เกาหลีใต้ อยู่ในช่วงเปลี่ยนแปลงผู้นำแต่ยื่นข้อเสนอมาตั้งแต่ก่อนมีการเลือกตั้ง ข้อเสนอดีมาก อินโดนีเซีย ติดต่อกันอย่างดี ไต้หวัน ก็ยื่นข้อเสนอดีมาก ตบท้ายว่า และ ประเทศไทยก็เช่นกัน ส่วนจะตีความว่าอย่างไรคงไม่ต้องอธิบายให้เมื่อยตุ้ม
อีกไม่กี่วันนายกฯแพทองธารจะเดินทางไปโรดโชว์เศรษฐกิจที่อังกฤษและโมนาโก ซึ่งเป็นประเทศที่ใช้เป็นสนามแข่งขันเอฟ-1 ต้นตำรับรวมทั้งมีกาสิโนที่ระดับมหาเศรษฐีนิยมไปพักผ่อนคลายเครียดในบรรยากาศโรแมนติก.
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thairath.co.th/news/politic/2859709&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw3g60WucCHgaJzYhGI26nzM