กระตุ้นเศรษฐกิจส่อเบี้ยหัวแตก | เดลินิวส์

กระตุ้นเศรษฐกิจส่อเบี้ยหัวแตก-|-เดลินิวส์
กระตุ้นเศรษฐกิจส่อเบี้ยหัวแตก | เดลินิวส์

งบประมาณรายจ่ายเพื่อการชำระหนี้ภาครัฐ กำหนดไว้เป็นจำนวน 421,864.4 ล้านบาท คิดเป็น 11.2% ของวงเงินงบประมาณ  งบประมาณรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลัง กำหนดไว้เป็นจำนวน 123,541.1 ล้านบาท  คาดการณ์จัดเก็บรายได้ประเภทต่างๆ จำนวน 3,494,900 ล้านบาท แต่เมื่อหักลดภาระการคืนภาษีต่างๆ แล้วจะคงเหลือเป็นรายได้สุทธิจำนวน 2,920,600 ล้านบาท แต่เนื่องจากเมื่อประมาณการรายจ่ายจะสูงกว่ารายได้สุทธิ จำนวน 860,000 ล้านบาท จึงมีการกำหนดจำนวนดังกล่าวให้เป็นเงินกู้ ซึ่งคิดเป็น 22.7%  ของประมาณการรายรับ

ที่ฝ่ายค้านโวยวายคือ “ให้เอกสารงบประมาณรายจ่ายประจำปีมาเมื่อวันที่ 20 พ.ค.” ทำให้ศึกษาอะไรต้องทำเร่งด่วน ต้องซักซ้อมการอภิปรายอย่างเข้มข้น ซึ่งจัดผู้อภิปรายไว้ราว 40 คน “สส.ไหม ศิริกัญญา ตันสกุลรองหัวหน้าพรรคประชาชน ( ปชน.) บอกว่า ปีนี้การอภิปรายมุ่งช่วยรัฐบาลหาเงิน ก่อนเศรษฐกิจไทยพังจริง ฝ่ายค้านจะเสนอหลักการใช้งบประมาณที่ดี เสนอการรีดไขมันเอางบไม่จำเป็นออก ในครั้งนี้เราจะช่วยจัดระดับความสำคัญของโครงการต่างๆ เพื่อจะให้มีเม็ดเงินเหลือมากเพียงพอที่จะเอาไว้ใช้รับมือกับสถานการณ์สงครามการค้าด้วย

สส.ไหม เป็นห่วงในเรื่องของการผันเงินแจกหมื่น หรืองบกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้าน ไปทำโครงการอื่นแทนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งอาจมีช่องโหว่ โดยเจ้าตัวไม่อยากให้เกิดเหตุซ้ำรอยการออก พ.ร.ก.เงินกู้ 1.55 ล้านบาท ปี 2563 ในช่วงโควิด ที่ส่วนหนึ่งนำไปใช้ทำโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ( ใช้ทางการแพทย์ ใช้ในการช่วยเหลือเยียวยา และใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ) ให้หน่วยงานส่งโครงการขึ้นมา แต่สุดท้ายแล้ว กลายเป็นเบี้ยหัวแตก เสี่ยงคอร์รัปชั่น

ศิริกัญญา'ชี้ช่องโหว่ร่างพ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ | เดลินิวส์

ในช่วงที่ใช้ พ.ร.ก.กู้เงิน เคยมีข่าวข้อครหาเรื่องบางโครงการใช้เงินแพงเกินจริง เช่น การขุดบ่อบาดาล ซึ่งทางฝ่ายค้านไม่ต้องการให้การผันงบกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ซ้ำรอย สส.ไหมกล่าวว่า “ในเชิงหลักการเราไม่ได้เห็นแย้งกับการที่รัฐบาลจะเอาไปใช้สำหรับทำโครงสร้างพื้นฐาน ส่งเสริมการท่องเที่ยว เศรษฐกิจชุมชน และการเยียวยาผลกระทบที่เกิดจากสงครามการค้า แต่รอบนี้ก็มาแบบเดิม เช่น โครงการน้ำที่ให้เวลาในการส่งโครงการเพียงแค่ 2 วัน แต่เมื่อมีการทักท้วงกันก็ขยายเวลาเป็น 5 วัน ซึ่งยังเป็นเวลาที่ค่อนข้างกระชั้นชิดเช่นกันในการที่จะคำนวณค่าก่อสร้างหรือความเหมาะสมพัฒนาแหล่งน้ำ”

“ลักษณะการกำหนดเสนอโครงการเช่นนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้คนที่อาจจะมีโครงการในกระเป๋าอยู่แล้วได้โอกาสนี้ไป แต่หากเป็นหน่วยงานไหนที่ยังไม่มีโครงการอยู่ในมือก็อาจจะพลาดโอกาสนี้ไป ทำให้มีความได้เปรียบเสียเปรียบกันแทนที่จะเป็นโครงการไหนที่มีความเหมาะสมหรือสมควรได้ทำก่อน แต่กลายเป็นโครงการที่ได้คือโครงการที่ทำไว้อยู่แล้ว

ข้อเสนอของพรรค ปชน.คือ รัฐบาลควรเลือกโครงการที่เล็งเห็นว่าน่าจะเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจไปในแนวทางที่อยากเห็น  แต่จริงๆ ฝ่ายค้านอยากเห็นว่ารัฐบาลมีโปรเจกต์อะไรในใจที่อยากให้เกิดขึ้น ขุดบ่อ สร้างโรงกำจัดขยะ ซึ่งถ้าเป็นพรรค ปชน.จะทำแคตตาล็อกเกี่ยวกับว่า พื้นที่ไหนต้องการอะไร ซึ่งน่าสนใจว่าจะมีโครงการขนาดเล็กที่ไหนได้เงินตรงนี้ไปบ้าง การต้องรีบส่งโครงการขึ้นมาในช่วงเวลากระชั้นชิด จะทำให้“พื้นที่ไหนได้เปรียบ”หรือไม่

ยิ่งถ้าคนมองการเมืองด้านร้าย ก็คิดไปได้ถึงการผันงบเอื้อ สส.พื้นที่ไหน เพราะกระบวนการที่เร่งรีบ รัฐบาลตัดสินใจ เรื่องงบตัวนี้จึงต้องติดตาม ขณะที่งบประมาณรายจ่ายประจำปี ปกติขาประจำคือกระทรวงกลาโหมที่ถูกตรวจสอบเรื่องซื้ออาวุธ แต่เที่ยวนี้ตำบลกระสุนตกกลายเป็นรัฐสภา ที่จะจัดซื้อจัดจ้างอะไรที่ยังไม่น่าจะเร่งด่วน แต่อ้างกันว่าเพื่อเป็นเกียรติเป็นศรี งบตัวนี้น่าดูตอนอภิปรายว่า ใครอยากได้ ใครพยายามตัด และที่สุดแล้ว ได้งบตามสมควรหรือไม่

ที่สุดแล้ว ตอนนี้ประชาชนต่างก็หวังว่า งบประมาณต้องใช้กระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงช่วยให้หายซบเซาในปีนี้.

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.dailynews.co.th/news/4744350/&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw3Y0NgVvp2nWUZdnd5sI5LQ

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *