“อิ๊งค์” นำ ครม.แถลงงบฯ ปี 69 จัดตรงเป้ากระตุ้นเศรษฐกิจ ยึด 6 ยุทธศาสตร์หลัก ห่วงกำแพงภาษีสหรัฐฯตัวฉุด ศก.ไทย หนี้สาธารณะยังบริหารอยู่ในกรอบ กัน 6.6 แสน ล.ไว้จ่ายกรณีฉุกเฉิน-ชำระหนี้ หยอดสื่อ “อย่าเพิ่งเบื่อกันสิคะ” ผู้นำฝ่ายค้านฟาดหนักเหมือนไม่มีผู้นำรัฐบาลอยู่จริง ไร้ทิศ ไร้ทาง ไร้เป้าหมาย ใกล้เป็นรัฐล้มเหลว “เสี่ยหนู” ย้ำสัมพันธ์ “นายใหญ่” ไม่มีแสดง “ไหม” เบรก รบ.โยกเงินหมื่นไปปราบยา “นภินธร” แจง กกต.เชื่อตัวเองบริสุทธิ์ วิปวุฒิฯไม่ขวางบรรจุญัตติ “เทวฤทธิ์” ชะลอโหวตองค์กรอิสระ โยนที่ประชุมใหญ่ตัดสิน “อนุทิน” บี้ดีเอสไอรวบตัว “ณฐพร” “ภูมิธรรม” ไหลตามน้ำไม่แทรกแซง สว.สำรองให้กำลังใจดีเอสไอ ด้านศิษย์เก่าแพทย์หนุนหลังแพทยสภา สภาไฟเขียว พ.ร.ก.ปราบแก๊งคอลฯ เปลี่ยนชื่อ “สำนักงานทรัพย์สินฯ” เป็น “สำนักงานพระคลังข้างที่” ศาลสั่งจำคุก “อานนท์” คดี 112 อีก 2 ปี
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำทีมคณะรัฐมนตรีแถลงร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ ตอกย้ำเป็นห่วงมาตรการกีดกันการค้า การตั้งกำแพงภาษีของสหรัฐฯ จะกลายเป็นตัวฉุดเศรษฐกิจไทย
“อิ๊งค์” โวงบปี 69 ตรงเป้ากระตุ้น ศก.
เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 28 พ.ค. ที่รัฐสภา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ถึงกรณีสส.พรรคฝ่ายค้านวิพากษ์วิจารณ์การจัดทำงบประมาณไม่ตรงกับสถานการณ์ประเทศว่า งบประมาณทั้งหมดจะทำให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ ทำให้เศรษฐกิจเติบโต ที่สำคัญผ่านการทบทวนจากหลายหน่วยงาน ใครที่มีข้อท้วงติงอย่างงบดิจิทัลวอลเล็ตเรารับฟังความคิดเห็นไปหมดแล้ว เมื่อถามว่ามั่นใจใช่หรือไม่ว่าจัดงบตรงเป้ารองรับเรื่องภาษีสหรัฐฯได้ น.ส.แพทองธารตอบว่า “ตรงเป้าค่ะ ก่อนหน้านี้เราได้ลองจัดดูรอบหนึ่งก่อนมีเรื่องกำแพงภาษี พอมีเรื่องภาษีเข้ามาเราก็ปรับเปลี่ยน และรับฟังความคิดเห็นทั้งหมด อันนี้เป็นส่วนกระตุ้นและช่วยเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจ ทั้งภาครัฐและเอกชน ฉะนั้นตรงเป้าอยู่แล้ว”
งบปราบยามีอยู่ไม่ต้องใช้งบกลาง
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เสนอความเห็นให้โยกงบกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.57 แสนล้านบาท ที่จะใช้ในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต มาใช้แก้ไขปัญหายาเสพติด น.ส.แพทองธารตอบว่า ในร่างฯงบประมาณมีเรื่องยาเสพติดอยู่แล้ว เป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เมื่อถามว่างบ 1.57 แสนล้านบาทควรใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ ควรเอางบกลางมาแก้ปัญหายาเสพติดดีกว่าหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า มีการแบ่งงบอยู่แล้ว อะไรที่จำเป็นเร่งด่วนจะใช้งบกลาง เมื่อถามว่านายทักษิณบอกจะขอลงพื้นที่พบปะประชาชน มีการคุยกันบ้างหรือไม่ น.ส.แพทองธารตอบว่า ทุกกำลังทุกการช่วยเหลือ ถือว่าดี ไม่ว่าจะเป็นใครหากช่วยแก้ปัญหาสังคมได้ เรายินดีร่วมมือ บังเอิญนายทักษิณเป็นคุณพ่อ อาจมีการคอมเมนต์ใกล้ชิด แต่ถ้าท่านจะไปลงพื้นที่ก็เป็นเรื่องส่วนตัว ตามสะดวก ยินดีเสมอ เมื่อถามอีกว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่นายทักษิณให้โยกงบ นายกฯตอบว่า คงยังไม่ได้โยกตอนนี้ จะให้ฝ่ายรัฐบาลมาช่วยกันดูเรื่องงานบริหาร เราต้องอยู่บนหน้าเดียวกันช่วยกันพัฒนาประเทศ
หวานใส่สื่อ “อย่าเพิ่งเบื่อกันสิคะ”
เมื่อถามถึงกระแสข่าวความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะกับพรรคภูมิใจไทย น.ส.แพทองธารตอบว่า ทุกพรรคเห็นไม่ตรงกันจริงในหลายเรื่องเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ได้แตกกัน ไม่ได้งัดกัน ทุกความสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นคู่แบบไหน ถ้าเราขัดกันแล้วปรับความเข้าใจกันได้ จะเข้าใจกันมากขึ้น อันนี้เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้ซีเรียสเรื่องนี้ เมื่อถามว่านายทักษิณ ชินวัตร ยืนยันรัฐบาลจะอยู่จนจบสมัย ไม่ต้องเปลี่ยนตัวนายกฯ น.ส.แพทองธารตอบว่า “สัญญาณจากสื่อมวลชนหรือเปล่าว่าจะให้เปลี่ยนตัวนายกฯ อย่าเพิ่งเบื่อกันสิคะ”
“หนู” สัมพันธ์ “นายใหญ่” ไม่แสดง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ แนะนำให้ มท. และตำรวจ ประสานความร่วมมือให้มากขึ้นในการปราบยาเสพติดว่า ถือเป็นสิ่งที่ดี ตนและผบ.ตร. เรียน วปอ.รุ่นเดียวกันอยู่แล้ว โทร.ประสานงานกันอยู่ตลอด หลายสิ่งที่ มท.ทำ และกำลังจะทำ ตรงกับแนวทางที่นายทักษิณพูดไว้ เช่น เอกซเรย์หมู่บ้าน เมื่อถามว่ามีโอกาสลงพื้นที่ร่วมกับนายทักษิณแก้ปัญหายาเสพติดหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า ต้องไปอยู่แล้ว ต้องให้ความร่วมมือเต็มที่ เมื่อถามว่าภาพที่นายทักษิณกอดคอกลบข่าวเอาภูมิใจไทยออกจากรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า เป็นความสัมพันธ์จริงๆดั่งภาพที่เห็น ไม่ใช่การแสดง ภาพที่อยู่ติดนายทักษิณเพราะเป็นรองนายกฯ อย่าคิดมาก เมื่อถามว่าจะชวนนายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่ภูมิใจไทย ไปทานข้าวกับนายทักษิณตามวงรอบอีกหรือไม่ นายอนุทินตอบว่า นายเนวินไม่ค่อยอยู่ กทม. ส่วนนายทักษิณเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ จะให้เราไปคอยนัดไม่ได้หรอก ต้องให้เกียรติกัน คนนับถือกัน และไม่เกี่ยวกับรัฐบาล
“ไหม” เบรกโยกเงินหมื่นไปปราบยา
ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณี นายทักษิณเสนอให้ดึงงบโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1.57 แสนล้านบาท มาใช้ปราบปรามยาเสพติดว่า เรื่องนี้ชักจะเกินเลยไปเยอะ ยังมีเม็ดเงินอีกประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ในงบกลาง แต่รัฐบาลยังไม่ได้นำ มารวม อยากให้นายทักษิณไปขอนายกฯ เอางบกลาง มาใช้ปราบปรามยาเสพติด ไม่ได้หมายความว่า การ ปราบปรามยาเสพติดไม่สำคัญ แต่ควรใช้งบประมาณให้ถูกก้อน ไม่ใช่ปะปนกันไปหมด
“ลุงป้อม” เซ็นชื่อเข้าประชุมแล้วแว่บ
สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคร่วมรัฐบาล นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความ มั่นคงของมนุษย์ (พม.) หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เป็นประธานการประชุม สส.พรรค ชทพ. ก่อนพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 กำชับ สส.ให้เข้าร่วมประชุมพร้อมเพรียง และโหวตลงมติไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อความเป็นเอกภาพตามมติวิปรัฐบาล
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางเข้ารัฐสภาตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อมาเซ็นชื่อเข้าประชุม ผู้สื่อข่าวถามว่ามีการกำชับ สส.เข้าร่วมประชุมหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ตอบว่า กำชับให้ สส.ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด จากนั้นขึ้นรถ ส่วนตัวออกจากอาคารรัฐสภา
นายกฯห่วงภาษีสหรัฐฯ ฉุด ศก.ไทย
กระทั่งเวลา 16.00 น. การประชุมสภาผู้แทน ราษฎรสมัยวิสามัญ เริ่มพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระแรก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงต่อที่ประชุมว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดว่า จะขยายตัวร้อยละ 2.3-3.3 มีแรงสนับสนุนจากการขยายตัวการลงทุนภาครัฐ การบริโภคในประเทศ การฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยว แต่ยังมีข้อจำกัดภาระหนี้สินครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ในระดับสูง และปัจจัยเสี่ยงจากมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐ อเมริกา และคาดว่าเศรษฐกิจปี 2569 จะขยายตัวร้อยละ 2.3-3.3 ขณะที่มาตรการกีดกันการค้าของ ประเทศเศรษฐกิจหลัก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงหลัก ส่วนหนี้สาธารณะคงค้าง 12.08 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 64.4 ของจีดีพี ยังอยู่ภายใต้กรอบบริหารหนี้สาธารณะ ตามกฎหมายวินัยการเงินการคลัง ขณะที่เงินคงคลัง ณ วันที่ 30 เม.ย.2568 อยู่ที่ 252,124 ล้านบาท
แบกความเสี่ยงสงครามการค้าโลก
น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้ม ความเสี่ยงเพิ่มขึ้นจากนโยบายการค้าโลก อัตราเงิน เฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มลดลง จากราคาน้ำมันดิบโลกและมาตรการภาครัฐ ด้านภาวการณ์เงินโดยรวมยังตึงตัว แต่ฐานะการเงินด้านต่างประเทศของไทยอยู่ในเกณฑ์ดี เงินสำรองระหว่างประเทศ อยู่ที่ 237,045 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สภาวการณ์ทางเศรษฐกิจดังกล่าว ทำให้ปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลต้องดำเนินนโยบายงบประมาณขาดดุล เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนการฟื้นตัวและส่งเสริมอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับเหมาะสม งบปี 69 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายจ่ายประจำ 2.65 ล้านล้านบาท รายจ่ายชดใช้เงินคงคลัง 123,541 ล้านบาท รายจ่ายลงทุน 864,077 ล้านบาท และรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ 151,200 ล้านบาท
แจงยิบรายจ่าย 6 ยุทธศาสตร์หลัก
นายกฯกล่าวอีกว่า จำแนกตามยุทธศาสตร์ได้ 6 ด้าน คือ 1.ด้านความมั่นคง 415,327 ล้านบาท 2.ด้านการสร้างความสามารถการแข่งขัน 394,611 ล้านบาท อาทิ การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล การขับเคลื่อนนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ การสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ 605,927 ล้านบาท 4.ด้านการสร้าง โอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 942,709 ล้านบาท ให้คนไทยได้รับสวัสดิการพื้นฐาน บริการสาธารณะอย่างทั่วถึง อาทิ การบริหารจัดการที่ดิน ส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก การรองรับสังคมสูงวัย การกระจายอำนาจแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณะที่มีคุณภาพ ผ่านการสนับสนุนการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ฯลฯ 5. ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 147,216 ล้านบาท 6.ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาการบริหารจัดการภาครัฐ 605,441 ล้านบาท ยกระดับการบริการภาครัฐให้มีสมรรถนะสูง เปลี่ยนผ่านไปสู่ราชการทันสมัยในระบบดิจิทัล
กัน 6.6 แสน ล.จ่ายฉุกเฉิน–ใช้หนี้
น.ส.แพทองธารกล่าวต่อว่า รัฐบาลยังจัดสรรงบจำนวน 669,365 ล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายรองรับเหตุการณ์กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น การบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ และชดใช้เงินคงคลัง อาทิ การเยียวยาหรือบรรเทาความเสียหายจากภัยพิภัยร้ายแรง ภารกิจที่มีความจำเป็นเร่งด่วนของรัฐ การกระตุ้นและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจ ร่าง พ.ร.บ.งบปี 69 มีเป้าหมายเพื่อฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโต อย่างยั่งยืน ภายใต้ข้อจำกัดด้านรายได้และสถานการณ์เศรษฐกิจโลก จึงดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุล เพื่อรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ให้หน่วยรับงบประมาณใช้จ่ายงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน ให้ประเทศเดินหน้า ได้อย่างมั่นคง เกิดผลสัมฤทธิ์การพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
“เท้ง” ฉะเหมือนไม่มีนายกฯทำงาน
ช่วงเย็นนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้าน และหัวหน้าพรรคประชาชน อภิปรายว่างบปี 69 เป็นกระจกสะท้อนชั้นดีว่าเป็นรัฐบาลที่ไร้ทิศ ไร้ทาง ไร้ภาพ ประเทศไทยไม่ได้ขาดเงิน แต่ขาดวิธีใช้เงินอย่างคุ้มค่า ไร้เป้าหมาย ประเทศมีคนทำหน้าที่เป็นผู้นำรัฐบาลอยู่จริงหรือไม่ นายกฯไม่เคยลงมือปรับ ตัดโครงการซ้ำซ้อน ไร้ผลเชิงยุทธศาสตร์ ไม่เช่นนั้นเราคงไม่เห็นงบฯซอฟต์พาวเวอร์หมดไปกับอีเวนต์ พีอาร์ และเราคงไม่เห็นงบประมาณบุคลากรที่เพิ่มขึ้นใน 3 เหล่าทัพ ขอเตือนนายกฯวันนี้ไม่ใช่แค่การจัดงบฯผิดพลาด แต่คือกระจกสะท้อนไปยังตัวท่านไม่มีเป้าหมายให้ประเทศ ละเลยการทำหน้าที่ในฐานะผู้นำรัฐบาล เคยบอกว่าจะปฏิรูประบบราชการให้ทันสมัย แต่หน้าตางบที่เหมือนเดิม โครงการที่เหมือนเดิม ล้มเหลวเหมือนเดิม งบประมาณสูตรเดิม เปรียบเสมือนประเทศไทยไม่มีนายกฯอยู่ในประเทศนี้
เตือนรัฐล้มเหลวถ้าไม่คิดเปลี่ยน
นายณัฐพงษ์กล่าวอีกว่า ในขณะที่รัฐบาลเอาเวลาไปสาละวนแก้สมการการเมือง มากกว่าแก้งบประมาณประเทศ คนไทยกำลังเผชิญวิกฤติแบบเต็มตัว เมื่อผู้นำไม่กล้าปรับเพื่อที่จะเปลี่ยน สุดท้ายคนที่รับกรรมคือประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ย้ำว่าไม่ได้ผิดที่การกู้ และไม่ใช่ว่าเพราะประเทศเราไม่มีเงิน แต่ประเทศเราไม่มีผู้นำที่รู้จักใช้อำนาจในการเปลี่ยนงบประมาณที่ล้มเหลว เพื่อไม่ให้ประเทศล้มเหลวไปด้วย สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่วิกฤติทางการคลัง แต่คือวิกฤติทางการเมือง เป็นวิกฤติของสถาบันรัฐไทย ที่เริ่มมีลักษณะเป็นระบบขูดรีด แบบที่เขียนไว้ใน “Why Nations Fail” ว่า ประเทศที่ล้มเหลวไม่ได้ล้มเหลวจากการขาดเงิน แต่ล้มเหลวเพราะชนชั้นนำ จงใจรักษาระบบที่ตัวเองได้ผลประโยชน์ไว้ ไม่เคยปรับเปลี่ยนเพื่ออนาคตของคนส่วนใหญ่ ประเทศไทยเดินทางมาไกลมากจริงๆ เพียงแค่ 1 ช่วงอายุคน เดิมเคยเกือบเป็นเสือตัวที่ 5 ตอนนี้
เกือบเป็นรัฐล้มเหลว ถ้ายังคงจัดทำงบฯแบบเดิม นายกฯยังทำงานแบบเดิมไม่ปรับ เราจะไม่ใช่แค่เกือบ แต่เราจะลุกขึ้นมาไม่ได้อีก
“พิชัย” โอ่จีดีพีลดแต่เก็บเงินเข้าเป้า
จากนั้นนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและ รมว.คลัง ชี้แจงว่า ทุกคนอยากเห็นประเทศไทยกินดีอยู่ดี มีการใช้จ่ายที่เติบโต ทำให้ช่องว่างคนจนและคนรวยแคบลง แต่วันนี้การลงทุนหายไปกว่า 50% การลงทุนจากภาคเอกชนหายไป มองไม่เห็นการส่งออก ไม่เกิดการจ้างงาน สินค้าหรือบริการที่เราส่งออกมีคุณค่าน้อย โดยเฉพาะภาคการเกษตร สินค้าบางอย่างในราคา 100 บาท ต้นทุนอาจอยู่ที่ 90-100 บาท ถือเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างในการลงทุนภาคเกษตรกรรม เราขาดดุล 8.5 แสนล้านบาท ติดกัน 2 ปี หากมองจากมุมมองข้างนอกก็สูง เพราะขาดดุลกว่า 4% ปกติไม่ควรเกิน 3.25-3.5% ในนี้มีการคืนเงินต้นอยู่ด้วย 1.5 แสนล้านบาท หักลบกันแล้วเราขาดดุลอยู่ประมาณ 3% กำลังดูอยู่ แต่คาดว่าปีนี้การเก็บรายได้น่าจะอยู่ในเป้าหมาย เชื่อว่างบประมาณนี้เป็นตัวเริ่มต้นจากสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไป เราต้องปรับเปลี่ยนใหม่ให้โครงสร้างเศรษฐกิจ
พึ่งพาภายในประเทศมากยิ่งขึ้น และต้องแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่แก้ได้จากงบประมาณรัฐ
“นภินทร” ลอต 2 เชื่อตัวเองบริสุทธิ์
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ส่วนกลาง คณะที่ 26 สำนักงาน กกต.เชิญ 10 นักการเมืองเข้ารับทราบข้อกล่าวหากรณีอาจเข้าไปมีส่วนร่วมกับกระบวนการฮั้วเลือก สว. ลอต 2 นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รมช.พาณิชย์ กล่าวภายหลังเข้ารับทราบข้อกล่าวหาว่า มั่นใจว่าพิสูจน์ตัวเองได้ บริสุทธิ์ไม่เกี่ยวข้องกับการฮั้วเลือก สว. ที่ผ่านมาไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้อง เส้นทางทางการเงินไม่เคยมี มีการพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ หัวหน้าพรรค ภท.แล้วหลังประชุม ครม. นายอนุทินให้กำลังใจให้ปฏิบัติตามกฎหมาย เมื่อถามถึงเส้นทางการเงินที่เลขาธิการพรรค ภท.เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย นายนภินทรตอบว่า เชื่อว่าเลขาธิการพรรค ภท.ไม่ได้เกี่ยวข้อง ยืนยันว่าไม่กังวล มั่นใจในตัวเอง มั่นใจในพยานหลักฐานที่มี
สว.สำรองเบรกเปลี่ยนชุดไต่สวน
ต่อมาเวลา 10.30 น. กลุ่ม สว.สำรอง นำโดย พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว เข้ายื่นคำร้องต่อ กกต. คัดค้านคำร้องของกลุ่ม สว.สีน้ำเงิน ที่ขอให้ กกต.สั่งทบทวนการทำงานของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุดที่มี ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการกกต. เป็นประธาน และสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ในการสอบสวนคดีฮั้วเลือก สว. พล.ต.ท.คำรบกล่าวว่า คำร้องของกลุ่ม สว.ชุดดังกล่าวไม่ถูกต้อง คณะกรรมการชุดนี้ทำงานมีประสิทธิภาพ อาจทำให้ผู้ถูกพาดพิงบางส่วนหวั่นไหว รู้สึกว่าอาจใกล้ตัวจนเกินไป จึงขอให้เปลี่ยนชุดสืบสวนไต่สวน
จี้ ปธ.รัฐสภาชะลอโหวตองค์กรอิสระ
ที่รัฐสภา นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือทนายอั๋น บุรีรัมย์ พร้อมกลุ่มอดีตผู้สมัคร สว.ทั่วประเทศ เข้ายื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ขอให้พิจารณาเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของสว.ทั้งหมด ในการลงมติเห็นชอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ จนกว่าการตรวจสอบที่มากรณีฮั้ว สว.จะเสร็จสิ้น มี น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ เป็นผู้รับหนังสือ นายภัทรพงศ์กล่าวว่า ผู้สมัครเหล่านี้คือผู้ได้รับผลกระทบจากการฮั้ว เป็นการเซาะกร่อนบ่อนทำลายระบอบประชาธิปไตย ระบอบรัฐสภา เรามารวมตัวกันเพื่อบอกว่าวันที่ 30 พ.ค.นี้ สว.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฮั้ว ไม่มีความชอบธรรม ละอายใจหรือไม่ ยังกล้าทำหน้าที่ต่ออีกหรือไม่
วิปวุฒิไม่ขวางบรรจุญัตติชะลอให้
นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. โฆษกวิปวุฒิสภา กล่าวถึงกรณีนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว.เสนอญัตติต่อที่ประชุมวุฒิสภาขอให้ชะลอการพิจารณาวาระที่เกี่ยวกับการเลือกองค์กรอิสระในวันที่ 29-30 พ.ค.ออกไปก่อนว่า ที่ประชุมวิปวุฒิสภาบรรจุญัตติของนายเทวฤทธิ์เข้าสู่ที่ประชุมวุฒิสภา เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณาลงมติ จะให้ชะลอโหวตเลือกองค์กรอิสระหรือไม่ หากที่ประชุมมีมติให้ชะลอก็ต้องชะลอ ส่วนตัวมองว่า สว.ทำตามขั้นตอนกฎหมาย ข้อบังคับการประชุมวุฒิสภาข้อ 105 แต่การอ้างว่าควรชะลอเพื่อแสดงสปิริตนั้น เข้าใจกฎหมายและข้อบังคับแค่ไหน แม้ สว.จะตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาแต่ยังไม่ได้ถูกตัดสิน หรือถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ถือว่ายังมีอำนาจเต็ม อย่าใช้กฎหมู่มากดดัน
“อังคณา” ขอพื้นที่ สว.ถกแถลงกัน
นางอังคณา นีละไพจิตร สว. แถลงว่า ตามที่ประชุมวิปวุฒิสภามีมติรับญัตติชะลอการเลือกกรรมการองค์กรอิสระของนายเทวฤทธิ์ มณีฉาย สว. เข้าสู่ที่ประชุมวุฒิสภา ส่วนตัวเห็นว่าวาระการพิจารณาบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระควรนำเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา เปิดโอกาสให้สมาชิกถกแถลงกัน ว่าที่ประชุมมีความเห็นอย่างไร จะต้องเลื่อนการพิจารณาหรือไม่ อย่างไร ญัตติการโหวตเลือกกรรมการองค์กรอิสระขึ้นอยู่กับเสียงวุฒิสภา มีเสียงข้างมาก เสียงข้างน้อยตามปกติ
“อนุทิน” บี้ดีเอสไอรวบตัว “ณฐพร”
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีพรรค ภท.ยื่นร้องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ติดตามตัวนายณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน 1 ใน 14 ผู้ต้องหาร่วมกันฟอกเงินคดีสหกรณ์คลองจั่น ว่า ขณะนี้ใกล้หมดอายุความลงในวันที่ 15 มิ.ย. มท.พร้อมให้ความร่วมมือกับดีเอสไอว่านายณฐพรหลบซ่อนที่ไหน แต่ต้องรอให้ดีเอสไอออกหมายจับก่อน ทำให้ทุกองค์กรต้องชี้เบาะแสร่วมมือในการจับกุมผู้ต้องหา ส่วนที่อัยการประสานดีเอสไอให้ออกหมายเรียกตั้งแต่เดือน ก.พ.2568 เวลาล่วงเลยมาหลายเดือน ผู้ต้องหาไปปรากฏตัวตามที่ต่างๆ ผู้มีหน้าที่จับกุมต้องอธิบายให้ได้ว่าทำไมปล่อยทอดเวลามาจนใกล้หมดอายุความ หากไม่จับกุมถือว่าเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
“ภูมิธรรม” ยันไม่เข้าไปแทรกแซง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กำกับดูแลดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีนายอนุทินขอให้ดีเอสไอเร่งรัดนำตัวนายณฐพร โตประยูร ส่งอัยการสั่งฟ้องว่า ต้องรอให้ดีเอสไอว่ากันไปตามกระบวนการ วันก่อนเจอนายอนุทินไม่เห็นพูดเรื่องนี้ เมื่อถามว่านายอนุทินบอกว่า หากกำลังของดีเอสไอไม่พอ กรมการปกครองพร้อมสนับสนุน เป็นเรื่องการเมืองเอาคืนเรื่องคดีฮั้วเลือก สว.หรือไม่ นายภูมิธรรมตอบว่า หลายฝ่ายที่ว่าคิดเร็วเกินไป ยังไม่ถึงขั้นนั้น ยังพูดคุยกันดีและเป็นเรื่องของดีเอสไอ ตนแค่เข้าไปกำกับดูแลไม่ถึงขนาดเข้าไปสั่งการอะไรได้ เขาทำหน้าที่ของเขา ถ้าจะถึงกระบวนการของเราตอนนั้นค่อยมาว่ากัน ไม่เข้าไปแทรกแซง ปล่อยให้เขาทำงาน ส่วนผู้เกี่ยวข้องจะสบายใจหรือไม่สบายใจ ต้องไปว่ากัน ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องเพราะคุมเรื่องนโยบาย
กลุ่มสำรองบุกให้กำลังใจดีเอสไอ
ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พล.ต.ท.คำรบ ปัญญาแก้ว ตัวแทนคณะ สว.สำรอง นำคณะมอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ และคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในการปฏิบัติหน้าที่สอบสวนคดีฮั้วเลือก สว. มี ร.ต.อ.วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีดีเอสไอ เป็นผู้แทนรับ พล.ต.ท.คำรบกล่าวว่า มาให้กำลังใจดีเอสไอ เพราะในระยะหลังมีคนบางกลุ่มไปร้องเรียนต่อป.ป.ช. เป็นกลยุทธ์หนึ่งของผู้ถูกกล่าวหา พวกเราเชื่อมั่นและมั่นใจการทำงานของดีเอสไอ ขอเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้ทำงานไปตามเป้าหมาย และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ เชื่อมั่นในพยานหลักฐานที่ดีเอสไอมีในมือ คณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนของ กกต.ที่มีดีเอสไอไปร่วมด้วย ทำให้คดีมีความคืบหน้า จนมีหนังสือเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาได้ ขอให้ดีเอสไอดำเนินการให้สุดทาง ไม่หวั่นไหวแม้ใครพยายามมาแอบอ้างหรือแทรกแซง เพราะเป็นเรื่องสำคัญระดับชาติ
ศิษย์เก่าแพทย์หนุนหลังแพทยสภา
ขณะที่ศิษย์เก่าแพทย์ศิริราชรุ่น 82-รามาธิบดีรุ่น 7 (พศ.2514-2519) มีแพทย์ร่วมลงชื่อ 38 คน ออกแถลงการณ์ระบุมติของแพทยสภาว่า การพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน กรณีมีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจผิด จริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เมื่อวันที่ 8 พ.ค. มีมติลงโทษแพทย์ 3 ท่าน พวกเราสมาชิกแพทยสภาขอให้กำลังใจแพทยสภา ในการยืนยันมติเดิมของแพทยสภา โดยยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นกิจที่หนึ่ง และจะไม่ยินยอมให้อำนาจอื่นที่ไม่มีจริยธรรมมายับยั้ง หรือแสวงหาประโยชน์ส่วนตนเด็ดขาด
สภาไฟเขียว พ.ร.ก.ปราบแก๊งคอลฯ
ช่วงเช้าที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญเป็นพิเศษ มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณากฎหมายสำคัญที่ ครม.เสนอหลายฉบับ อาทิ พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) ร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ ร่าง พ.ร.บ.การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ตามที่ ครม.เป็นผู้เสนอ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท วาระแรก ในส่วนการอภิปราย พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล สส.ส่วนใหญ่อภิปรายสนับสนุน พ.ร.ก.ดังกล่าว เพื่อแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กำหนดให้สถาบันการเงิน และเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบ หากมีความเสียหาย 100% แต่นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ท้วงติงถึงการให้สถาบันการเงินต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบ จะมีขอบเขตแค่ไหน เพราะมีส่วนร่วมแค่ 1% ก็ถือว่ามีส่วนร่วมแล้ว โอกาสการได้เงินคืนของประชาชนมีมาตรฐานแค่ไหน ขณะที่นางดารณี แซ่จู ตัวแทน ธปท. ชี้แจงว่า การออกระเบียบกฎเกณฑ์กำกับจะเสร็จปลายไตรมาสนี้ หลังจากอภิปรายครบถ้วนแล้ว ที่ประชุมลงมติเห็นชอบ พ.ร.ก.ทั้ง 2 ฉบับ
เปลี่ยนชื่อ “สำนักงานพระคลังข้างที่”
ส่วนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ มีเนื้อหา 6 มาตรา อาทิ การเปลี่ยนชื่อ “สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์” เป็น “สำนักงานพระคลังข้างที่” และโอนกิจการของสำนักพระราชวังเฉพาะส่วนของงานพระคลังข้างที่ ไปเป็นของสำนักงานพระคลังข้างที่ ทั้งนี้ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เสนอญัตติต่อที่ประชุมตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เต็มสภา พิจารณา 3 วาระรวด ต่อมาที่ประชุมมีมติรับหลักการ (วาระแรก) ด้วยคะแนน 451 เสียง ต่อ 0 งดออกเสียง 2 จากนั้นที่ประชุมพิจารณาต่อในวาระที่ 2 ด้วย กมธ.เต็มสภา ก่อนลงมติเห็นชอบในวาระ 3 ด้วยมติ 454 ต่อ 0 เสียง งดออกเสียง 2 เสนอร่างไปยังวุฒิสภาพิจารณาต่อไป
ป.ป.ช.ฟัน 3 จนท.พศ.รวยผิดปกติ
อีกเรื่อง นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงว่า ที่ประชุม ป.ป.ช.ลงมติชี้มูลความผิดร่ำรวยผิดปกติ อดีตข้าราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) 3 ราย จากกรณีทุจริตเงินอุดหนุนวัด ดังนี้ 1.นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญพิเศษ ร่ำรวยผิดปกติ 24,973,519 บาท 2.นางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร อดีต ผอ.ส่วนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ ร่ำรวยผิดปกติ 12,818,335 บาท 3.นางจุไรรัตน์ มีศิริ อดีตเจ้าพนักงาน ฝ่ายเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ร่ำรวยผิดปกติ 10,863,181 บาท โดยทั้งสามกรณีได้ส่งรายงานและสำนวนไต่สวนไปยังอัยการสูงสุด ให้ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พิจารณาสั่งทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินต่อไป
ศาลจำคุก “อานนท์” 2 ปีอีกคดี 112
ที่ศาลอาญา ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้องนายอานนท์ นำภา ทนายความและอดีตแกนนำกลุ่มราษฎร 2563 กับนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน อดีตแกนนำกลุ่มราษฎร 2563 เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และความผิดฐานร่วมกันโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง โดยไม่ได้รับอนุญาต กรณีจัดการชุมนุมที่หน้า สน.บางเขน จำเลยที่ 1 ให้การปฏิเสธ แต่เมื่อสืบพยานไปบ้างแล้ว ให้คำรับสารภาพ เรื่องใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนจำเลยที่ 2 ได้รับการปล่อยชั่วคราว แต่หลบหนี ศาลจึงให้ออกหมายจับและจำหน่ายคดีนายพริษฐ์ชั่วคราว ศาลพิเคราะห์ว่า นายอานนท์ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียงมาตรา 4 วรรคหนึ่ง มาตรา 9 วรรคหนึ่ง จำคุก 3 ปี คำรับสารภาพของนายอานนท์เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี ปรับ 100 บาท นับโทษจำคุกนายอานนท์ ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2841/2566 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.56/2567 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.4019/2567 ของศาลนี้ คำขออื่นให้ยก
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thairath.co.th/news/politic/2861248&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw3SMJHQWVUQoyEyr8Raz1-D