ย้ำไม่ทำประชามติ‘บ่อน’ โพลจี้รบ.เร่งแก้ปากท้อง

ย้ำไม่ทำประชามติ‘บ่อน’-โพลจี้รบ.เร่งแก้ปากท้อง
ย้ำไม่ทำประชามติ‘บ่อน’ โพลจี้รบ.เร่งแก้ปากท้อง

“เพื่อไทย” ตอกย้ำไม่ทำประชามติกาสิโน บอกการพนันไม่ใช่เรื่องใหม่มีทั้งสนามม้าและมวยมานานแล้ว “นักวิชาการ” แนะใช้งบ 1.57 แสนล้านมุ่งเศรษฐกิจฐานราก โพลชี้ชาวบ้านจี้แก้ปัญหาปากท้อง

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 มิ.ย.2568 นายพายุ  เนื่องจำนงค์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.)  แถลงกรณีมีผู้เสนอให้ทำประชามติร่างพระราชบัญญัติการประกอบสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่าร่างเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์อยู่ลำดับ 1 ของสภาผู้แทนราษฎร หากเปิดสมัยประชุมสภาในวันที่ 3 ก.ค.  ถ้าสภาให้ความเห็นชอบในวาระแรกก็ต้องว่าไปตามกระบวนการ เพราะที่ผ่านมามีการรับฟังความคิดเห็นผ่านหลายช่องทางอยู่แล้ว ในสภาก็มีการศึกษาเรื่องนี้และรับฟังความเห็นมาหลายครั้ง

“หากผ่านวาระแรกในชั้นคณะกรรมาธิการ  (กมธ.) จะมีการรับฟังความคิดเห็นในรูปแบบต่างๆ อย่างแน่นอน เรื่องนี้เป็นนโยบายที่รัฐบาลไม่ควรบริหารด้วยการประชามติ โดยเฉพาะเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ใช่เรื่องใหม่  และหากจะกล่าวเฉพาะกาสิโน การพนันโดยการควบคุมของรัฐก็ไม่ใช่เรื่องใหม่ ดังที่เรามีสนามม้าและสนามมวยอยู่แล้ว” นายพายุกล่าว

ด้าน รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท และงบประมาณปี 2569 ว่า ต้องมุ่งเป้าไปที่เศรษฐกิจฐานราก กิจการขนาดย่อมและเล็กมากขึ้น เนื่องจากเป็นกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากความผันผวนทางเศรษฐกิจจากปัจจัยภายในและภายนอกมากที่สุด โดยเฉพาะสงครามจากตะวันออกกลางล่าสุด

 “ในภาวะที่เศรษฐกิจมีความผันผวนสูงเช่นนี้  ประชาชนมีความเสี่ยงในเรื่องความมั่นคงทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องเดินหน้าปฏิรูประบบประกันสังคมให้ครอบคลุมดูแลแรงงานเพิ่มมากขึ้น” รศ.ดร.อนุสรณ์ระบุ

วันเดียวกัน ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เผยผลสำรวจเรื่องความสนใจข่าวของประชาชน จากกลุ่มตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ 1,128 ตัวอย่าง โดยพบว่า ข่าวที่ประชาชนให้ความสนใจมากที่สุด ไม่ใช่ข่าวดรามาหรือเรื่องบันเทิง  แต่คือข่าวการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและค่าครองชีพถึง 82.7% ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนอย่างชัดเจนว่าปากท้องยังคงเป็นความเจ็บปวดลึกของสังคมไทยในเวลานี้ รองลงมาคือข่าวภัยพิบัติ 59.9%,   ข่าวความขัดแย้งไทย-กัมพูชา 58.1% และข่าวทุจริตเจ้าหน้าที่รัฐ 57.3%

ผศ.ดร.นพดลกล่าวอีกว่า เมื่อเจาะลึกถึงเรื่องที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลเร่งแก้ไข พบว่า ปัญหาค่าครองชีพสูง ขาดสภาพคล่อง และเงินไม่พอใช้ ครองอันดับ 1 แบบทิ้งห่างทุกประเด็น ด้วยสัดส่วน 80.4% ในขณะที่ปัญหายาเสพติด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมได้ 67.9% ที่น่าสนใจคือ ประชาชนไม่เพียงแค่ร้องเรียน แต่เสนอทางออกอย่างชัดเจนว่ารัฐบาลควรลดราคาสินค้าและบริการสาธารณูปโภค 70.3% ส่งเสริมการหารายได้เสริมโดยไม่เพิ่มภาระ 69.1% พยุงต้นทุนเกษตรกรและ SME ที่กำลังหายใจรวยริน 66.5%-62.8%

“เสียงสะท้อนของประชาชนในการศึกษาครั้งนี้ นำไปสู่แนวทางเชิงนโยบายเพื่อใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ ได้แก่ 1.ลดต้นทุนชีวิตประจำวันทันที โดยเน้นสินค้าจำเป็น ค่าเดินทาง ค่าไฟฟ้า น้ำประปา ค่าน้ำมันเชื้อเพลิงและยารักษาโรค และ 2.ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากเชิงรุก ผ่านมาตรการสร้างรายได้ ไม่ใช่แจกเงิน”.

———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.thaipost.net/one-newspaper/807222/&ct=ga&cd=CAIyHGY3N2RkMGYwMjUwYTJhNjg6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw3fl5CWS92DftfylKDCl1mR

Related Post

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *