
แม้วันนี้จะห่างไกลจากยุคที่ไม้เรียวสร้างคน แต่เหตุการณ์จากโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น กลับตอกย้ำว่า ความรุนแรงในโรงเรียนยังคงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อเด็กอนุบาลวัยเพียง 6 ขวบ กลับบ้านพร้อมรอยแผล และความหวาดกลัว ผู้ปกครองจึงตัดสินใจลุกขึ้นร้องเรียน เพื่อปกป้องไม่ให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเด็กคนใดอีก เรื่องเล่าผู้บริโภคครั้งนี้เป็นกรณีตัวอย่างเรื่องร้องเรียนจากหน่วยงานประจำจังหวัดขอนแก่น หนึ่งในหน่วยงานประจำจังหวัดสภาผู้บริโภค กรณีเด็กวัยอนุบาล 3 ถูกครูทำโทษด้วยวิธีที่สร้างความหวาดกลัวและบาดแผล
“น้องถูกลงโทษสองครั้ง ครั้งแรกถูกครูให้ไปอยู่หลังห้องเรียน และให้นับเลขจนกว่าจะหยุดงอแง ส่วนครั้งที่สองถูกใช้ไม้ตีที่หลังจนเกิดรอยแผล เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้น้องรู้สึกหวาดกลัวและไม่กล้าไปโรงเรียน” ผู้ปกครองเผย
หลังทราบปัญหาจากลูก ผู้ปกครองจึงได้สอบถามไปทางโรงเรียน ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้รับคำชี้แจงว่า มีการลงโทษจริง โดยครูใช้ไม้วางท่าทางข่มขู่ให้นักเรียนหยุดวิ่ง แต่จังหวะที่นักเรียนหยุดวิ่งพอดี ไม้จึงฟาดลงที่หลังโดยไม่ได้ตั้งใจ อย่างไรก็ตาม ผู้ปกครองเห็นว่า การใช้ความรุนแรงไม่ใช่วิธีที่เหมาะสมกับเด็กเล็ก และอาจส่งผลต่อจิตใจในระยะยาว จึงร้องเรียนมายังหน่วยงานประจำจังหวัดขอนแก่น
เมื่อเรื่องถึงหน่วยงานฯ จึงได้เร่งดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง รวบรวมหลักฐาน และประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ โรงเรียน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
แนวทางป้องกันซ้ำรอย
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงในโรงเรียนซ้ำรอยเดิม สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดขอนแก่นร่วมกับผู้ปกครองและหน่วยงานฯ ได้พิจารณาและกำหนดแนวทางดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม โดยเสนอให้โรงเรียนจัดให้มีพื้นที่สงบสติอารมณ์ภายในห้องเรียน สำหรับใช้แยกเด็กออกจากเพื่อนในกรณีจำเป็น โดยไม่ใช้วิธีการที่สร้างความหวาดกลัวหรือละเมิดสิทธิเด็ก
นอกจากนี้ ยังมีการตักเตือนผู้อำนวยการโรงเรียนให้ควบคุมดูแลการลงโทษนักเรียนให้เหมาะสมและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของการอบรมสั่งสอน โดยยึดระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา พ.ศ. 2548 อย่างเคร่งครัด ซึ่งระบุชัดว่า ห้ามใช้การตีเป็นวิธีการลงโทษ ทั้งนี้ โรงเรียนควรแจ้งและอบรมครู รวมถึงบุคลากรทางการศึกษาให้มีความเข้าใจในระเบียบดังกล่าว เพื่อสร้างมาตรฐานเดียวกันในการดูแลและจัดการพฤติกรรมเด็ก โดยเน้นวิธีการที่ปลอดภัย ไม่สร้างความบอบช้ำทั้งทางร่างกายและจิตใจ
ข้อมูลชี้ เด็กยังเจอความรุนแรงในโรงเรียนจำนวนมาก

ทั้งนี้ ประเด็นความรุนแรงในโรงเรียน เป็นหนึ่งในนโยบายที่อนุกรรมการด้านการศึกษา สภาผู้บริโภคกำลังผลักดัน เพื่อให้โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัยทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งที่ผ่านมา สภาผู้บริโภคได้ทำแบบสำรวจความรุนแรงในโรงเรียน เป็นข้อมูลสำรวจระหว่างวันที่ 8–22 เมษายน 2568 ผู้ตอบแบบสอบถาม 798 คน มี 337 คน หรือ 42% เคยมีประสบการณ์หรือพบเห็นความรุนแรงในโรงเรียน
จากข้อมูลสำรวจ การใช้กำลังในโรงเรียน ซึ่งการตีเป็นรูปแบบความรุนแรงที่มีสัดส่วนสูงที่สุด 62.6% ชี้ว่าการทำร้ายร่างกายโดยตรงเป็นรูปแบบการรังแกทางกายภาพที่พบได้บ่อยที่สุดในโรงเรียน ส่วนสาเหตุหลักของความรุนแรงมาจาก นักเรียนด้วยกันเอง 92.3% แต่ยังพบว่าครูและบุคลากรในโรงเรียนเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญถึง 17.5% อาจสะท้อนถึงประเด็นต่าง ๆ เช่น การจัดการปัญหาที่ไม่เหมาะสม การละเลย หรือแม้กระทั่งการมีส่วนร่วมโดยตรงในความรุนแรงอย่างกรณีเรื่องร้องเรียนข้างต้น
เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง
– แบบสำรวจ 4 มิติ ความรุนแรงในโรงเรียน
– เด็กไทย 40% เคยพบความรุนแรงในโรงเรียน
– 8 ข้อเสนอ ปฏิรูปร่าง พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ
เพื่อขับเคลื่อนแนวทางเชิงระบบ สภาผู้บริโภคได้จัด เวทีสาธารณะ “เปลี่ยนโรงเรียนให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย” เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2568 โดยเปิดพื้นที่ให้ทุกภาคส่วนระดมความคิดเห็น ออกแบบข้อเสนอเชิงนโยบาย และหาแนวทางที่เป็นรูปธรรมในการป้องกันปัญหานี้ โดยนำเสียงสะท้อนจากเวที และข้อมูลจากแบบสำรวจนี้จะถูกนำไปวิเคราะห์สถานการณ์ความรุนแรงในโรงเรียน สู่การพัฒนาเป็นข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายและแนวปฏิบัติที่เหมาะสม
หากใครพบเห็นปัญหาความรุนแรงในโรงเรียน หรือถูกกระทำสามารถร้องเรียนมาได้ที่ สภาผู้บริโภค ที่เบอร์สายด่วน 1502 ร้องเรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ tcc.or.th และสามารถร้องเรียนกับหน่วยงานประจำจังหวัดของสภาผู้บริโภค ทั้ง 20 จังหวัด โดยดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ https://www.tcc.or.th/tcc-agency/
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.tcc.or.th/documents/school-violence/&ct=ga&cd=CAIyHDI4ODcxZTExZDQzMWVlYzA6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw0Gg1zDZUbIQhXrMCJwO8CC