‘เราไม่ได้สมัครเรียนมาเจอกับสิ่งนี้’ เสียงจากนักศึกษาชาวต่างชาติของ ม.ฮาร์วาร์ด ที่เผชิญกับความติดขัดและความหวาดกลัว
ที่มาของภาพ, Shreya Mishra Reddy
- Author, แคลลี อึง และแอนาเบลล์ เหลียง
- Role, บีบีซีนิวส์
- Reporting from รายงานจากสิงคโปร์
เมื่อ เชรยา มิชรา เรดดี ได้รับการตอบรับให้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปี 2023 พ่อแม่ของเธอ “ดีใจสุด ๆ”
เธอบอกกับบีบีซีว่า สถาบันการศึกษาแห่งนี้ถือเป็น “มหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดที่ใคร ๆ ในอินเดียก็อยากเข้า”
เธอกล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องยากที่เข้าใจสำหรับครอบครัวของฉัน แต่พวกเขายังคงพยายามดำเนินการ [หาทางออก] อยู่”
เรดดีเป็นหนึ่งในนักเรียนต่างชาติประมาณ 6,800 คนของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 27% ของจำนวนนักเรียนทั้งหมดในปีนี้ พวกเขาเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญสำหรับมหาวิทยาลัยชั้นน้ำในกลุ่มไอวีลีก (Ivy League) ขณะที่นักเรียนต่างชาติประมาณหนึ่งในสามของมหาวิทยาลัยแห่งนี้มาจากประเทศจีน และมากกว่า 700 คนเป็นชาวอินเดีย อย่างเช่น เรดดี
ตอนนี้ทุกคนต่างไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเรียกการเคลื่อนไหวนี้ว่าเป็นการกระทำที่ “ผิดกฎหมาย” ซึ่งอาจนำไปสู่การดำเนินคดีทางกฎหมายได้
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นทำให้อนาคตของนักศึกษาอยู่ในสภาวะไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่กำลังรอลงทะเบียนเรียนในฤดูร้อนนี้ หรือผู้ที่กำลังเรียนอยู่และผ่านมาแล้วครึ่งทาง หรือแม้แต่ผู้ที่กำลังรอสำเร็จการศึกษา ซึ่งโอกาสในการทำงานของพวกเขาผูกติดอยู่กับวีซ่านักเรียนที่พวกเขาได้รับ
ผู้ที่เรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอยู่แล้วจะต้องย้ายไปมหาวิทยาลัยอื่นในสหรัฐอเมริกา เพื่ออยู่ในสหรัฐฯ และรักษาสถานะวีซ่าของตนไว้
“ฉันหวังว่าฮาร์วาร์ดจะยืนหยัดเพื่อเราและสามารถหาทางออกบางอย่างได้” เรดดีกล่าว
ด้านมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกล่าวว่า “มหาวิทยาลัยมีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการรักษาความสามารถในการรองรับนักศึกษาและนักวิชาการต่างชาติจากกว่า 140 ประเทศ ตลอดจนสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กับมหาวิทยาลัยและประเทศชาติอย่างหาที่สุดมิได้”
ที่มาของภาพ, Getty Images
การเคลื่อนไหวต่อต้านมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดส่งผลกระทบอย่างมากต่อนักศึกษาต่างชาติราวหนึ่งล้านคนในสหรัฐอเมริกา และการเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลทรัมป์ได้ดำเนินการปราบปรามสถาบันการศึกษาระดับสูงมากขึ้น โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยที่พบว่ามีการประท้วงต่อต้านชาวปาเลสไตน์อย่างรุนแรงในวิทยาเขตของมหาวิทยาลัย
นักศึกษาหลายสิบคนกำลังเผชิญกับการสอบสวน เนื่องจากรัฐบาลพยายามที่จะยกเครื่องกระบวนการประเมินและรับรองคุณภาพและปรับเปลี่ยนวิธีดำเนินการหลักสูตร
ทำเนียบขาวขู่ว่าจะห้ามนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเป็นครั้งแรกเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา หลังจากมหาวิทยาลัยปฏิเสธที่จะเปลี่ยนแปลงการจ้างงาน การรับเข้าเรียน และแนวทางการสอน
นอกจากนี้ยังระงับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลกลางเกือบ 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกำลังโต้แย้งในชั้นศาล
อย่างไรก็ตาม การประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านได้สร้างความตกตะลึงให้กับบรรดานักศึกษา ซึ่งคริสตี โนม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิอ้างว่า การประกาศดังกล่าวมีขึ้นเพราะ สถาบันการศึกษาดังกล่าว “ส่งเสริมความรุนแรง” และ “ต่อต้านชาวยิว”
แคท เซียะ นักศึกษาชาวจีนที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่ 2 ในโครงการ STEM ซึ่งเป็นโครงการที่เน้นการบูรณาการระหว่างความรู้ 4 สาขา คือ วิชาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ กล่าวว่าเธอ “ตกใจมาก”
“ฉันแทบจะลืมเรื่อง [ภัยคุกคามจากการห้ามเข้าประเทศ] ไปแล้ว และจู่ ๆ ก็มีประกาศเมื่อวันพฤหัสบดี”
แต่เธอเสริมว่า ตัวเธอเองก็คาดหวัง “สิ่งที่เลวร้ายที่สุด” ไว้อยู่แล้วบางส่วน ดังนั้นเธอจึงใช้เวลาสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาในการขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับวิธีการอยู่ต่อในสหรัฐฯ
แต่ทางเลือกทั้งหมดนั้น “ยุ่งยากและมีค่าใช้จ่ายสูงมาก” เธอกล่าว
ที่มาของภาพ, Getty Images
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดได้รับเวลา 72 ชั่วโมงในการปฏิบัติตามรายการข้อเรียกร้องเพื่อให้มี “โอกาส” ในการกลับมาลงทะเบียนนักศึกษาเหล่านี้อีกครั้ง ซึ่งรวมถึงรวมถึงการให้ข้อมูลบันทึกทางวินัยทั้งหมดของนักศึกษาที่ไม่ใช่ผู้อพยพที่ลงทะเบียนเรียนที่ฮาร์วาร์ดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แก่รัฐบาล
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิยังเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดส่งมอบบันทึกทางอิเล็กทรอนิกส์ วิดีโอ หรือเสียงของกิจกรรม “ผิดกฎหมาย” และ “อันตรายหรือรุนแรง” ของนักศึกษาที่ไม่ใช่ผู้อพยพในมหาวิทยาลัยด้วย
แต่รัฐบาลทรัมป์ยังดูเหมือนจะเลือกล็อกเป้าไปที่จีนโดยเฉพาะ เมื่อพิจารณาจากถ้อยแถลงของโนมที่กล่าวหา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดว่า “ประสานงานกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน”
ด้านรัฐบาลจีนตอบโต้เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ด้วยการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการทำให้การศึกษากลายเป็นประเด็นทางการเมือง
ทางการจีนกล่าวอีกว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าว “จะส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์และสถานะในระดับนานาชาติของสหรัฐฯ” และเรียกร้องให้ยกเลิกการห้ามดังกล่าว “โดยเร็วที่สุด”
อับดุลลาห์ ชาฮิด ซิอาล นักศึกษาชาวปากีสถานวัย 20 ปี ซึ่งเป็นนักเคลื่อนไหวที่กล้าพูดกล้าแสดงออก กล่าวว่า “เราไม่ได้สมัครเรียนเพื่อมาเจอกับสิ่งนี้”
อับดุลลาห์ ชาฮิด เซียล นักศึกษาระดับปริญญาตรีชาวปากีสถานวัย 20 ปี สาขาวิชาคณิตศาสตร์ประยุกต์และเศรษฐศาสตร์ เป็นนักศึกษาระดับปริญญาตรีชาวปากีสถานเพียง 2 คนจากทั้งหมด 2 คนที่ได้รับการตอบรับเข้าเรียนที่ฮาร์วาร์ดในปี 2023
เขาเป็นคนแรกในครอบครัวที่ไปเรียนต่างประเทศ เขาบอกว่ามันเป็นช่วงเวลา “สำคัญ” สำหรับพวกเขา
เขากล่าวเสริมว่า สถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ “น่าขันและไร้มนุษยธรรม”
ที่มาของภาพ, Abdullah Shahid Sial
ทั้งเรดดี้และซิอาลกล่าวว่า นักศึกษาต่างชาติสมัครเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เพราะพวกเขาเห็นว่าเป็นสถานที่ที่ต้อนรับและมีโอกาสที่รอคอยอยู่อย่างมากมาย
“คุณต้องเรียนรู้มากมายจากวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน จากผู้คนที่มีภูมิหลังที่แตกต่างกัน และทุกคนต่างก็เห็นคุณค่าของสิ่งนั้นจริง ๆ” เรดดีกล่าว พร้อมกล่าวเสริมว่า นี่คือประสบการณ์ของเธอที่ได้รับจากฮาร์วาร์ดมาโดยตลอด
แต่ ซิอาล กล่าวว่าสิ่งนี้เปลี่ยนไปในช่วงหลัง และนักศึกษาต่างชาติไม่รู้สึกเป็นที่ต้อนรับอีกต่อไป รัฐบาลทรัมป์ได้เพิกถอนวีซ่านักเรียนหลายร้อยคนและถึงกับกักขังนักศึกษาในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วประเทศ หลายคนมีความเกี่ยวข้องกับการประท้วงสนับสนุนชาวปาเลสไตน์
ซิอาลกล่าวเสริมว่า ขณะนี้มีนักเรียนต่างชาติจำนวนมากที่รู้สึกหวาดกลัวและไม่แน่ใจ
ความเคลื่อนไหวล่าสุดยังทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก นักศึกษาปริญญาโทจากเกาหลีใต้คนหนึ่งกล่าวว่า เธอลังเลใจที่จะกลับบ้านในช่วงฤดูร้อนนี้ เพราะกลัวว่าจะกลับเข้าสหรัฐฯ ไม่ได้
เธอไม่ต้องการเปิดเผยชื่อเพราะกังวลว่าอาจส่งผลต่อโอกาสในการอยู่ต่อในสหรัฐฯ ของเธอ เนื่องจากเหลือเวลาอีกหนึ่งปีกว่าจะสำเร็จการศึกษา
เธอยังบอกว่าภาคการศึกษานี้ตนเองเรียนหนักมาก และยังคงตั้งตารอที่จะ “ได้พบปะกับเพื่อนและครอบครัว” อีกครั้ง จนกระทั่งในตอนนี้
ที่มาของภาพ, Jiang Fangzhou
เจียง ฟางโจว ซึ่งกำลังศึกษาเกี่ยวกับการบริหารรัฐกิจในวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเคนเนดี กล่าวว่าความวิตกกังวลในหมู่นักศึกษาต่างชาตินั้นชัดเจนมาก “เราอาจต้องย้ายออกไปทันที แต่ผู้คนก็ยังคงมีชีวิตที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นอพาร์ตเมนต์ สัญญาเช่า ห้องเรียน และชุมชน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถละทิ้งได้ในชั่วข้ามคืน”
และการห้ามนี้ไม่ได้ส่งผลต่อเฉพาะนักศึกษาปัจจุบันเท่านั้น ชาวนิวซีแลนด์วัย 30 ปี ผู้นี้กล่าว
“ลองนึกถึงนักศึกษาใหม่ คนที่ปฏิเสธข้อเสนอจากโรงเรียนอื่น ๆ และวางแผนชีวิตของตนเองรอบ ๆ ฮาร์วาร์ด พวกเขาติดอยู่โดยสิ้นเชิงในตอนนี้”
รายงานเพิ่มเติมโดย เหมงเฉิน จาง
———————————-
News Source : https://www.google.com/url?rct=j&sa=t&url=https://www.bbc.com/thai/articles/c3v53d2zl04o&ct=ga&cd=CAIyHDI4ODcxZTExZDQzMWVlYzA6Y29tOnRoOlRIOlI&usg=AOvVaw2ZVY76REQZnVPtkwgDAVWi